เผยแพร่ |
---|
‘ผักตบชวา’ วัชพืชลอยน้ำที่สร้างปัญหาใหญ่หลวงต่อแม่น้ำลำคลองและระบบชลประทาน เนื่องจากผักตบชวาสามารถแพร่กระจายและขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดปัญหาอุดตันทางน้ำ น้ำเน่าเสีย ตลอดจนกระทบต่อระบบนิเวศ การประมง การเกษตร และการท่องเที่ยว
จากปัญหาดังกล่าว สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนางานวิจัยเพื่อนำมาปรับใช้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง จนต่อยอดมาสู่ ‘โครงการกำจัดผักตบชวาในพื้นที่คลองใหญ่ (แม่น้ำระยอง) ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567’ เพื่อฟื้นฟูแหล่งน้ำในชุมชนด้วยการกำจัดผักตบชวา โดยใช้สารผสมจากธรรมชาติอย่าง ‘สารผสม’ ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยย่อยสลายผักตบชวาให้เน่าเปื่อย จมลงสู่ก้นบ่อ ทดแทนวิธีการกำจัดแบบดั้งเดิมที่ใช้สารเคมี
ขณะเดียวกัน ได้มีการบูรณาการร่วมกับการใช้ ‘ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา’ เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของผักตบชวาและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองชลประทาน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและใช้ประโยชน์จากยางพาราแปรรูป ทั้งยังช่วยให้ลำคลองสะอาด เสริมสร้างทัศนียภาพสวยงาม นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชน

ดร.ณมาณิตา กลับบ้านเกาะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการร่วมแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึง อบต.หนองบัว และ อบต.หนองละลอก
“การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงความจงรักภักดีแล้ว ยังเป็นการเผยแพร่นวัตกรรมด้านการเกษตรที่ช่วยปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำ เพื่อการอุปโภค บริโภค และด้านการเกษตร อีกทั้งนวัตกรรมดังกล่าวจะสามารถช่วยลดงบประมาณของภาครัฐ ในการกำจัดวัชพืชในพื้นที่แหล่งน้ำจากการใช้เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ นับเป็นการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.ณมาณิตา ชี้ถึงประโยชน์จากการจัดโครงการนี้


ด้าน นายประสานต์ พฤกษาชาติ รองนายก อบจ.ระยอง บอกถึงผลสัมฤทธิ์ของการจัดโครงการดังกล่าวว่า หลังจากการทดลองใช้สารผสมสารผสม ฉีดพ่นกำจัดผักตบชวาและใช้ทุ่นยางพาราควบคุมการแพร่กระจายผักตบชวาในพื้นที่คลองใหญ่ (แม่น้ำระยอง) ตำบลหนองบัว และตำบลหนองละลอก มาอย่างต่อเนื่อง พบว่าสามารถกำจัดผักตบชวาได้จริง และได้รับการตอบรับที่ดีจากเกษตรกรในท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
“ผักตบชวาที่เคยเป็นปัญหาใหญ่ในการใช้น้ำสำหรับเกษตรกร ถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วันหลังการพ่นสาร ทำให้พื้นที่น้ำกลับมาใสสะอาดอีกครั้ง นอกจากนี้ประชาชนยังชื่นชมในความสามารถของโดรน ที่เข้าถึงพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง ช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ และช่วยปรับปรุงคุณภาพแหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
การนำเทคโนโลยีโดรนและทุ่นยางพารามาใช้ในการเกษตร จึงเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจ และคาดหวังว่าในอนาคตจะมีการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถเก็บเกี่ยวผักตบชวาในสภาพสด เพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิตปุ๋ยหมัก แปรรูปเป็นวัตถุดิบสำหรับการเกษตร และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอดจนช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งในปีต่อไป อบจ.ระยอง จะพยายามกำจัดผักตบชวาโดยใช้สารผสมจากธรรมชาติควบคู่กับทุ่นยางพาราในพื้นที่อื่นๆ ให้ได้มากที่สุด หากหน่วยงานใดที่ต้องการใช้เครื่องมือ หรืออยากให้เราไปกำจัดให้ ก็สามารถส่งเรื่องแจ้งมาได้ เราพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่” รองนายก อบจ.ระยอง เผย


ขณะที่ ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร ในฐานะแม่ทัพของการจัดโครงการครั้งนี้ ยังกล่าวอีกด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะบำรุงดูแลรักษาและปรับปรุงแม่น้ำลำคลองทั่วประเทศ ให้มีความสะอาดสวยงาม เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค แต่เนื่องจากปัญหาผักตบชวาที่แพร่ระบาดในแหล่งน้ำสาธารณะและพื้นที่คลองชลประทานทั่วประเทศ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศอย่างมหาศาล
“ในแต่ละปีจะมีการแพร่ระบาดของผักตบชวาในแหล่งน้ำของไทยประมาณ 10 ล้านตัน โดยผักตบชวา 1 ต้น ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน สามารถเติบโตและขยายพันธุ์ได้ถึง 1,000 ต้น จากปัญหาดังกล่าวนี้เอง แม้เราจะกำจัดผักตบชวาด้วยวิธีการเก็บ กำจัด นำไปแปรรูป หรือทำปุ๋ย แต่เมล็ดของผักตบชวาที่ตกลงไปพื้นดินใต้น้ำ สามารถมีระยะฟักตัวได้ถึง 15 ปี และหลังจากนั้นจะสามารถเติบโตงอกขึ้นมาได้อีก ดังนั้น วิธีการที่จะกำจัดได้อย่างถาวรจึงต้องศึกษาและวิจัยอย่างเข้มข้น
ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาให้ สวก. ร่วมกับ กรมชลประทาน ทำการวิจัยสารเคมีชนิดที่ปลอดภัย และเป็นสารเคมีที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งให้การรับรองว่ามีความปลอดภัยสูง นำมาผสมในสัดส่วนที่เหมาะสม ทำให้เกิดสารสำหรับใช้ในการฉีดพ่นกำจัดผักตบชวา โดยเมื่อฉีดพ่นลงไปแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 7-10 วัน ผักตบชวาจะเริ่มเหี่ยวเฉาและเสื่อมสลาย แม้กระทั่งเมล็ดพันธุ์ของผักตบชวาก็เสื่อมสลายตามไปด้วย และสุดท้ายก็จะจมลงสู่ก้นแม่น้ำลำคลอง กลายเป็นอาหารของสัตว์หน้าดินให้สามารถกินต่อไปได้
นอกจากการใช้สารกำจัดผักตบชวาแล้ว โครงการนี้ยังมีการออกแบบทุ่นที่ทำจากยางพารา สำหรับใช้กั้นไม่ให้ผักตบชวาแพร่กระจาย โดยใน จ.ระยอง ได้ดำเนินการทำไปแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ วัดละหารไร่ และสะพานเพลินตา ซึ่งหลังจากนี้เราก็จะทำการขยายผลและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความปลอดภัย และสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น จึงต้องขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนที่บูรณาการและดำเนินการอย่างเข้มแข็ง จนออกมาเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน” ผอ.สวก. กล่าวปิดท้าย
อย่างไรก็ตาม สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ท้าทายด้านการเกษตรและทรัพยากรน้ำ ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนต่อไป