เผยแพร่ |
---|
ส้มเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศและเป็นที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลายหลากหลายสายพันธุ์ มีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 128,046 ไร่ แหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย กำแพงเพชร แพร่ และจังหวัดเชียงราย มีผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ แต่เกษตรกรผู้ปลูกส้มต้องประสบกับปัญหาโรคและแมลงศัตรูส้มรบกวน ดังนั้น การปลูกและดูแลสวนส้ม เกษตรกรจึงต้องใส่ใจในทุกขั้นตอนและให้ความสำคัญกับปัจจัยที่มีผลต่อการปลูกส้ม คือ ดินต้องเป็นดินร่วน มีความซุยในดินดี น้ำต้องถึงไม่ขาด และการให้ธาตุอาหารที่สมบูรณ์เป็นเรื่องสำคัญ ปุ๋ยที่ให้กับส้มควรมีธาตุอาหารที่ตรงตามความต้องการของส้ม รวมถึงการใช้สารเคมีในป้องกันกำจัดศัตรูพืชในส้ม หากเกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย ก็จะอาจก่อให้เกิดสารตกค้างในผลผลิตและเป็นอันตรายต่อตัวเกษตรกร ผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม กระทบกับการส่งออกได้
องค์ประกอบที่สำคัญในการปลูกส้ม ประกอบด้วย
1. สภาพอากาศ
2. ดิน
3. น้ำ
4. การปฏิบัติของเกษตรกร ได้แก่ การใส่ปุ๋ย การจัดการศัตรูพืช
กรมส่งเสริมการเกษตรได้ให้ความสำคัญกับการผลิตส้มปลอดภัย จึงได้ดำเนินโครงการรณรงค์เฝ้าระวังสารเคมีตกค้างในผลผลิตส้มขึ้น เพื่อส่งเสริมการผลิตและการจัดการสินค้าเกษตรด้วย BCG Model เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรผลิตส้มปลอดภัย ส่งเสริม สนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกส้มดำเนินการจัดการศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสาน รวมถึงการใช้ชีวภัณฑ์ ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) นำเกษตรกรเข้าสู่การควบคุมคุณภาพการเพาะปลูก ส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย โดยมีแนวทางการพัฒนาสนับสนุนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลด ละ เลิกการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลผลิตทางการเกษตรไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีทางการเกษตรที่เป็นอันตราย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำเกษตรกรให้สำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบการเข้าทำลายของศัตรูพืช ให้จัดการโดยวิธีผสมผสาน (IPM) ได้แก่ 1) วิธีเขตกรรม : การปรับสภาพดิน การตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง 2) วิธีกล : การตัดกิ่งหรือผลที่พบการเข้าทำลายของโรคและแมลงนำไปเผาทำลาย การใช้กับดักกาวเหนียว 3) วิธีฟิสิกส์ : การใช้กับดับแสงไฟล่อตัวเต็มวัยไปทำลาย 4) ชีววิธี : การใช้ศัตรูธรรมชาติ ตัวห้ำ ตัวเบียน และเชื้อจุลินทรีย์ รวมถึงการอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติในบริเวณสวนส้ม 5) สารสกัดธรรมชาติ : การใช้สารสะเดา หางไหล 6) สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช : กรณีพบการระบาดของศัตรูพืชค่อนข้างรุนแรงในบริเวณกว้าง โดยใช้สารเคมีตามหลัก 3 ถูก คือ ถูกชนิด ถูกเวลา และถูกวิธี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ควรใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่เหมาะสมหรือเฉพาะเจาะจงกับชนิดของศัตรูพืช และสอดคล้องกับแต่ละระยะของส้ม ตามชนิดและอัตราที่แนะนำ เพื่อลดปริมาณศัตรูพืชในพื้นที่นั้น ลดความเสี่ยงต่อคน และรบกวนระบบนิเวศเกษตรและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด มีการสลับกลุ่มสารเคมี ไม่ใช้สารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นระยะเวลายาวนาน เพราะส่งผลให้แมลงเกิดการดื้อยา (Insect Pesticide Resistance) ต้องใช้ตามหลักวิชาการที่เจ้าหน้าที่แนะนำ หรือตามฉลากเคมีภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายห้ามใช้สารเคมีที่เป็นวัตถุอันตรายที่ประกาศห้ามใช้ทางการเกษตรโดยเด็ดขาด สำหรับวิธีการปฏิบัติก่อนการเก็บเกี่ยว 1) การเข้าทำลายของแมลงจะลดลงในระยะส้มผลแก่ จึงควรงดใช้สารเคมี 2) เก็บเกี่ยวผลผลิตในระยะที่ปลอดภัย หรือเว้นระยะเวลาก่อนการเก็บเกี่ยว ภายหลังการใช้สารเคมี (PHI) ตามคำแนะนำ หรือตามที่ระบุในฉลาก เพื่อลดปัญหาสารเคมีตกค้างในผลผลิต 3) สุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาสารเคมีตกค้างด้วยชุดทดสอบแบบง่ายโดยเจ้าหน้าที่หรือเกษตรกรสามารถตรวจเองได้