รมช. เกษตรฯ มอบโล่รางวัลแปลงใหญ่ปศุสัตว์ดีเด่น ชูสหกรณ์โคขุนปางศิลาทองต้นแบบ

รมช. เกษตรฯ มอบโล่รางวัลแปลงใหญ่ปศุสัตว์ดีเด่น ชูสหกรณ์โคขุนปางศิลาทองต้นแบบความสำเร็จ ขยายผลทั่วประเทศ ดันขุดบ่อบาดาลสร้างระบบน้ำที่ดีในแปลงใหญ่กว่า 1,000 บ่อ

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีมอบโล่รางวัล ผลการประกวดแปลงใหญ่ปศุสัตว์ดีเด่น ปี 2562 ณ สหกรณ์โคขุนปางศิลาทอง ต.หินดาต อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ว่า การดำเนินโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่เป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ โดยให้เกษตรกรรวมกลุ่มกัน เป้าหมายลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต โดยมีคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่ร่วมกับภาครัฐขับเคลื่อนการพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรแบบแปลงใหญ่ตามยุทธศาสตร์ 20 ปี ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องการพัฒนาเกษตรกรให้มีการบริหารจัดการร่วมกัน ครอบคลุมทั้งพืช ประมง และปศุสัตว์

ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการประกวดแปลงใหญ่ด้านปศุสัตว์ดีเด่น ประจำปี 2562 ขึ้น เพื่อพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถให้การดำเนินมาตรการมีประสิทธิภาพและบรรลุตามเป้าหมาย พร้อมทั้งเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของโครงการให้ปรากฏแก่สาธารณชน เป็นต้นแบบในการขยายผล การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป โดยคัดเลือกแปลงใหญ่ด้านปศุสัตว์ 200 แปลง ในระดับเขต และระดับประเทศ

ทั้งนี้ ในส่วนเกษตรกรแปลงใหญ่ของไทยมีความสามารถในด้านการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ แต่หากขาดระบบน้ำที่ดีก็ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานได้ ในเบื้องต้นได้ประสานกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการต่อระบบน้ำ ขุดบ่อบาดาลในพื้นที่แปลงใหญ่ โดยจะเริ่มทดลอง 1,000 บ่อ ซึ่ง 1 บ่อ สามารถปลูกได้ 700 – 1,000 ไร่ นอกจากนี้ นายกฯ มีความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกร จึงสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งหาแนวทางช่วยเหลือเพื่อให้เกษตรกรได้มีกินมีใช้ ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จึงเร่งขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของพี่น้องเกษตรกรอย่างเร่งด่วน ให้เกษตรกรมีรายได้ภายใน 120 วัน อาทิ การส่งเสริมปลูกถั่ว การส่งเสริมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และส่งเสริมเลี้ยงโค

 

“การช่วยเหลือเกษตกรให้มีรายได้ จะต้องทำให้เกิดขึ้นจริงซึ่งภายหลังน้ำลดต้องลงมืออย่างจริงจัง โดยเฉพาะการส่งเสริมสร้างรายได้ อาชีพทางเลือกใหม่โดยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมมาเลี้ยงโคขุนเพิ่มผลผลิตโคเนื้อให้เพียงพอต่อความต้องการ ภายใต้ ‘โครงการโคขุนสร้างรายได้’ โดยมีเป้าหมายโคเนื้อ 1 ล้านตัว เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2 แสนราย ลราะย 5 ตัว (ตัวละ 24,000 บาท อายุ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี น้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 250 กก.) ประกันวัว ตัวละ 100 บาท/เดือน กำหนดระยะเวลาเลี้ยง 4 เดือน งบประมาณ 3,700 กว่าล้านบาท เพื่อส่งขายตลาดจีน พร้อมกันนี้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะเข้ามาช่วยขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในการปลูกพืชอาหารสัตว์ จำนวน 2,000 บ่อ เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาเช่นนี้จะประสบความสำเร็จ เพราะทุกอย่างมีตลาดนำการผลิต และมีการประกันราคาให้ เช่น ถั่วเขียว ประกัน 30 บาท และข้าวโพด ประกัน 8 บาท เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกร ซึ่งโครงการทั้งหมดจะเตรียมจะเสนอ ครม. เพื่อขอความเห็นชอบ ในเร็วๆ นี้” นายประภัตร กล่าว

สำหรับสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคขุนในเขตปฏิรูปที่ดินปางศิลาทอง จำกัด มีการรวมกลุ่มของสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน เริ่มตั้งจดทะเบียน เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2549 มีสมาชิกเริ่มแรก 38 ราย โดยรวมกลุ่มเลี้ยงโค และขยายผลขึ้นทุกปี ต่อมา ในปี 2560 มีการปรับระบบการผลิตให้ทันสมัย เน้นตลาดนำการผลิต ปัจจุบัน มีสมาชิก 598 ราย มีสินค้าเกษตรที่ขยายตัวมากขึ้น ได้แก่ การส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ การแปรรูปเนื้อโค ชนิดหั่น แช่แข็ง การทำธุรกิจแฟรนไชส์ (ก๋วยเตี๋ยวเนื้อโคปางศิลาทอง เป็นต้น)

จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ในปี 2561 เกษตรกรมีรายได้ภาพรวม 3.24 ล้านบาท ปริมาณผลผลิตสัตว์รวม 1,800 ตัว ต่อปี มีการบริหารจัดการเป็นรูปธรรมและเป็นระบบที่ดี ซึ่งเป้าหมายต้องการเพิ่มจำนวนการเลี้ยงโคเนื้อ จากปีละ 1,600 ตัว เป็น ปีละ 1,800 ตัว ลดต้นทุนการผลิตด้านอาหารสัตว์ 5% และเพิ่มน้ำหนักโค 5% นอกจากนี้ ยังต้องยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัยเป็นสินค้า GAP เพื่อเพิ่มมูลค่า ตลอดจนส่งเสริมรายได้เสริมจากการปลูกหญ้าเนเปียร์ มีการเชื่อมโยงตลาดสินค้า เป็น MOU เน้นให้สมาชิกมีระบบการจดบันทึกบัญชี เพิ่มช่องทางตลาดเป็นสินค้าแปรรูป รวมทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้การเลี้ยงโคขุน จำหน่ายมูลโค เป็นรายได้เสริม

พร้อมกันนี้ในอนาคตจะพัฒนาระบบการผลิต ขยายการผลิตสู่เกษตรกรผู้สนใจมากขึ้น ยกระดับมาตรฐานสินค้าสัตว์ รักษาคุณภาพการเลี้ยง เชื่อมโยงตลาดให้ได้มากขึ้น และจะพัฒนาแปลงเลี้ยงสัตว์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สำคัญ ซึ่งโครงการแปลงใหญ่ด้านปศุสัตว์จะเป็นการพัฒนายกระดับศักยภาพการเลี้ยงโคเนื้อของไทยให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่ม มีระบบบริหารจัดการที่ดี สร้างความเข้มแข็งเพื่อพ้นจากความยากจน และมีอาชีพที่มั่นคง ซึ่งการจะแก้ปัญหาการผลิตภาคเกษตรทั้งระบบได้นั้นจำเป็นต้องมีตลาดรองรับที่แน่นอน

ขณะที่ นายอำพันธ์ เวฬุตันติ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จากผลการดำเนินโครงการส่งเสริมปศุสัตว์แบบแปลงใหญ่ด้านปศุสัตว์ ปี 2562 ที่ผ่านมา ได้อบรมและถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเลี้ยงสัตว์และการบริหารจัดการแปลงใหญ่ด้านปศุสัตว์ จำนวน 55 แปลง อบรมหลักสูตรการพัฒนาแปลงใหญ่ด้านปศุสัตว์ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน จำนวน  46 แปลง อบรมการบริหารจัดการผลผลิตและการตลาด จำนวน 140 แปลง และสนับสนุนปัจจัยการผลิต จำนวน 207 แปลง ซึ่งในวันนี้มีแปลงใหญ่ปศุสัตว์ที่ได้รับรางวัล ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ อันดับ 1 แปลงใหญ่โคเนื้อเขตปฏิรูปที่ดินปางศิลาทอง อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร รองชนะเลิศอันดับ 1 แปลงใหญ่แพะ เครือข่ายอำเภอคลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ รองชนะเลิศ อันดับ 2 กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่แพะเนื้อเมืองสวรรค์ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท  รางวัลชมเชย 6 รางวัล ได้แก่ แปลงใหญ่ประชารัฐโคนมสอยดาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว บ้านสี่เหลี่ยมเจริญ (กิจกรรมโคเนื้อโคขุน) อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรแปลงใหญ่โคแม่พันธุ์ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด แปลงใหญ่โคเนื้อ อ.เชียงกลาง จ.น่าน แปลงใหญ่แพะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และแปลงใหญ่แพะ อ.ระโนด จ.สงขลา