เกษตรฯ ปักหมุด เตรียมเน้นผลิตข้าว 5 ประเภท ให้สอดคล้องกับตลาด ตั้งเป้าพื้นที่ผลิต 66 ล้านไร่ พร้อมถกการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการเพาะปลูก จากปัญหาฝนทิ้งช่วง

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิตว่า ในที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาถึงเป้าหมายการผลิตข้าว การวางแผนการผลิตข้าว และพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 โดยมีสาระสำคัญคือ ในที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาว่าควรมีการแบ่งประเภทข้าวเพื่อให้การเพาะปลูกมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ได้ผลผลิตในแต่ละชนิดข้าวที่มีความสอดคล้องทั้งในส่วนของ Demand และ Supply โดยจะแบ่งเป็น 5 ชนิดข้าว ประกอบด้วย 1. ข้าวหอมมะลิ 2. ข้าวหอมไทย 3. ข้าวเจ้า ซึ่งจำแนกเป็นข้าวเจ้าพื้นนุ่มและข้าวเจ้าพื้นแข็ง 4. ข้าวเหนียว 5. ข้าวตลาดเฉพาะ ทั้งนี้ พื้นที่ส่งเสริมการปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 นั้น ได้กำหนดไว้ทั้งสิ้น 66.866 ล้านไร่ โดยปรับลดพื้นที่ปลูกลงจากปีการผลิต 2563/2564 ประมาณ 3 ล้านไร่

นายประภัตร โพธสุธน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ในที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาถึงเป้าหมายการผลิตข้าว การวางแผนการผลิตข้าว และพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 โดยมีสาระสำคัญคือ ปริมาณน้ำสำหรับการเพาะปลูกข้าวในปีการผลิต 2564/65 (ฤดูนาปี) อยู่ในเกณฑ์น้อย ภาพรวมปริมาณน้ำที่ใช้จากอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ขณะนี้มีจำนวน 11,121 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีความต้องการใช้อยู่ที่ 32,339 ล้านลูกบาศก์เมตร ประกอบกับน้ำใน 4 เขื่อนหลักก็มีปริมาณน้ำใช้การเหลือเพียง 1,457 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งในส่วนของกรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่ามีปริมาณฝนน้อย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำเพื่อการอุปโภค/บริโภค และจะเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ดังนั้น หน่วยงานชลประทานในพื้นที่จะต้องมีแผนบริหารจัดการน้ำ โดยจัดส่งน้ำเป็นรอบเวรเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ และต้องมีแผนจัดสรรน้ำเพื่อประคองปริมาณน้ำที่มีอยู่จนถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ดังนั้น นอกจากการจัดรอบเวรเพื่อจัดสรรน้ำให้แก่เกษตรกรแล้ว อีกส่วนหนึ่งจะต้องขอความร่วมมือเกษตรกรหากจะเพาะปลูกให้พิจารณาใช้น้ำฝนเป็นหลัก ซึ่งจากการคาดการณ์ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป น่าจะสามารถเพาะปลูกได้โดยไม่มีผลเสียหาย