เผยแพร่ |
---|
อ.ส.ค.จัดพิธีทำบุญตักบาตรและกิจกรรมธรรมะในฟาร์ม เนื่องในโอกาสครบรอบ 61 ปี ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ก่อตั้งฟาร์มโคนมแห่งแรกของประเทศไทยและอาชีพโคนมพระราชทานให้เกษตรกรไทยมีอาชีพ รายได้มั่นคง ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ณ บริเวณอาคาร 1962 องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เป็นประธานในพิธีทำบุญวันเกิดฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค และกิจกรรมธรรมะในฟาร์ม เนื่องในโอกาสครบรอบ 61 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 16 มกราคม 2566 โดยมีพิธีทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 9 รูป และการแสดงพระธรรมเทศนา โดยพระครูมนัสสุภนิมิต (หลวงพ่ออุ่นใจ จิรสุโภ) วัดถนนอโค้ง ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เจริญพุทธมนต์ ประกอบพิธีสงฆ์ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 และความเป็นสิริมงคลกับองค์กร ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้าง อ.ส.ค. ในการร่วมพิธีครั้งนี้
นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าวว่า ฟาร์มโคนมไทย–เดนมาร์คได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2505 และรัฐบาลไทยกำหนดให้วันที่ 17 มกราคมของทุกปีเป็นวันเทศกาลโคนมแห่งชาติซึ่งทุกๆ ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะจัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ที่พระองค์ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่ปวงชนชาวไทย และแสดงความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ไปสู่เกษตรกร โดยงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2566 ซึ่งเดิมได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 29 มกราคม 2566 ณ ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค บริเวณเขาตาแป้น อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี แต่ปีนี้สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์งดการจัดงาน เนื่องจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารีทรงพระประชวร ผู้บริหารและพนักงาน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจึงพร้อมใจกันจัดพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในโอกาสครบรอบ 61 ปี ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์คในครั้งนี้อย่างพร้อมเพียง เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์คและเหล่าพนักงานและลูกจ้างของ อ.ส.ค.
สำหรับจุดเริ่มต้นของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค กำเนิดขึ้นจากการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จประพาสยุโรปเมื่อ พ.ศ. 2503 ทรงสนพระทัยการเลี้ยงโคนมของประเทศเดนมาร์ก จากนั้นรัฐบาลไทยได้ลงนามความร่วมมือช่วยเหลือทางวิชาการกับรัฐบาลเดนมาร์กเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2504 โดยเดนมาร์กให้การช่วยเหลือเป็นเงิน 4.33 ล้านโครเนอร์ (ประมาณ 23.5 ล้านบาท)
ก่อนหน้านั้น นายชอนเดอร์การ์ด ชาวเดนมาร์กได้จัดตั้งฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2504 ณ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 9 แห่งเดนมาร์ก ทรงประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนม และศูนย์อบรมไทย–เดนมาร์คอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2505 และรัฐบาลไทยกำหนดให้วันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เป็นวันโคนมแห่งชาติ และใน พ.ศ. 2509 รัฐบาลเดนมาร์กจัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมดำเนินการพร้อมสนับสนุนเงินงบประมาณจำนวน 2.87 ล้านโครเนอร์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2514 รัฐบาลไทยรับโอนกิจการฟาร์มโคนมและศูนย์อบรมไทย–เดนมาร์คมาจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2514 มีชื่อว่า “องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)” สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 160 หมู่ 1 ถนนมิตรภาพ ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อดำเนินบทบาทในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมและพัฒนาอุตสาหกรรมนม
ปัจจุบัน อ.ส.ค. ยังเปิดให้ฟาร์มแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสและชื่นชมความงามของธรรมชาติ พร้อมแหล่งเรียนรู้วิถีโคนมอาชีพพระราชทาน และการดำเนินกิจการอุตสาหกรรมการผลิตนมแบบครบวงจร ตั้งแต่การเลี้ยงโคนม การสาธิตรีดนมโค การนำน้ำนมดิบเข้าสู่กระบวนการผลิตนม ยูเอชที และนมพาสเจอร์ไรส์ การทำปุ๋ยอินทรีย์นมสด เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา นอกจากจะได้ทำกิจกรรม ทดลองรีดนมแม่โคด้วยมือ ป้อนนมลูกวัวแล้ว ยังได้สัมผัสบรรยากาศคาวบอยที่มีฝูงโคนมใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบธรรมชาติ เลือกเข้ามาเยี่ยมชมอันดับต้นๆ ของจังหวัดสระบุรี