“วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตจุลินทรีย์บ้านดงสัก” กาญจนบุรี ผลิตจุลินทรีย์แห้ง ใช้ง่าย สะดวก ประหยัด เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร

โรคและแมลงศัตรูพืช นับเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรแบบเงาตามตัวมาโดยตลอด ส่งผลเสียหายต่องานเกษตรกรรมทั้งคุณภาพและปริมาณผลผลิต แถมยังฉุดราคาขายให้ตกต่ำตามไปด้วย

ผงสปอร์ไตรโคเดอร์ม่า

มาตรการของเกษตรกรชาวไร่ชาวสวนต่อการปราบโรคและแมลงที่ผ่านมา หากรุนแรงเกินเยียวยาก็ต้องหันไปพึ่งสารเคมีที่ส่งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แม้ระยะหลังพบว่ากิจกรรมทางการเกษตรหลายชนิดเปลี่ยนมาใช้สารอินทรีย์กัน เพราะตระหนักถึงโทษภัยที่เกิดขึ้นตามมา แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อให้ธรรมชาติปรับสมดุลกลับคืนมาดังเดิม แล้วก็ยังดีกว่าที่ไม่ลงมือทำอะไรก่อนที่จะสายเกินไป

“วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตจุลินทรีย์บ้านดงสัก” จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอีกแห่งที่ได้หันมาใส่ใจต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้สารอินทรีย์ชนิดต่างๆ ในการทำกิจกรรมทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากสมุนไพร หรือสารจุลินทรีย์ที่ผลิตจากธรรมชาติ

ร่อนจนละเอียดเหมือนแป้ง

จนพบว่าประสิทธิภาพของสารเหล่านั้นส่งผลดีต่อคุณภาพผลผลิตมีความสมบูรณ์ดีกว่าการใช้สารเคมี และที่สำคัญเป็นมิตรกับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ผลผลิตจากการเกษตรที่ใช้สารอินทรีย์ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างล้นหลามจนผลิตไม่ทัน แล้วยังขายได้ราคาสูงกว่าทั่วไป เป็นการช่วยให้ผู้ปลูกมีรายได้เพิ่มขึ้น

คุณดำรงค์เดช รักงาม หรือ คุณเปิ้ล คนรุ่นใหม่ที่ต้องการปรับเปลี่ยนวิธีการทำเกษตรกรรมจากการใช้สารเคมีมาเป็นอินทรีย์ เขามองว่าคุณภาพดินที่ผ่านมาสะสมเคมีไว้มากจนเกิดอันตรายต่อคนและพืช ฉะนั้น นับจากนี้ต่อไปคุณเปิ้ลจะใช้สารชีวภัณฑ์เพื่อป้องกันและรักษาพืชที่เป็นโรค จึงเกิดความคิดที่จะใช้ข้าวที่ปลูกอยู่เป็นวัตถุดิบผลิตเชื้อจุลินทรีย์เพื่อใช้เอง

ผึ่งแห้งในห้องอบ

ความสำเร็จจากแนวคิดดังกล่าว ทำให้ข้าวและพืชต่างๆ ที่คุณเปิ้ลปลูกมีคุณภาพสมบูรณ์ดีมาก ไม่พบการเกิดโรคแมลงที่ร้ายแรง อย่างโรคใบลายเม็ดกระถิน ที่ระบาดไปทั่ว แต่นาของคุณเปิ้ลกลับไม่ได้รับผลกระทบ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นต่างแปลกใจ แล้วมารู้ว่าใช้สารจากจุลินทรีย์ในนาข้าว ดังนั้น คุณเปิ้ลจึงได้แบ่งจุลินทรีย์ให้แก่ชาวบ้านฟรี พร้อมแนะนำ เพื่อต้องการให้ใช้อย่างถูกวิธี เกิดประสิทธิภาพในงานเกษตรต่างๆ

จากนั้นได้ผลิตจุลินทรีย์อีกหลายชนิดเพื่อใช้กับงานเกษตรแต่ละประเภท จนพบว่า การผลิตจุลินทรีย์สดอาจไม่สะดวกต่อการใช้งานบางประเภท แล้วใช้ประสบการณ์และความรู้มาลองผลิตจุลินทรีย์ผง ซึ่งช่วยให้มีความสะดวก รวดเร็วมากขึ้น เพียงผสมน้ำก็ใช้ได้ทันที

เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า 7 วัน

ภายหลังการผลิตจุลินทรีย์ผงเพื่อใช้กับงานเกษตรกรรมของตัวเองเป็นผลสำเร็จ คุณเปิ้ลจึงค่อยๆ ขยายผลไปกับกลุ่มโรคพืชและแมลงศัตรูอีกหลายชนิด แล้วมองว่าความสำเร็จเช่นนี้ควรแบ่งปันให้ชาวบ้านที่ร่วมอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ด้วยการจัดตั้งเป็น “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตจุลินทรีย์บ้านดงสัก” ขึ้น เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา แล้วผลิตจุลินทรีย์ทั้งแบบสดและแห้งจำหน่ายเพื่อหารายได้เข้ากลุ่ม

คุณเปิ้ล ชี้ว่า ปัญหาที่เกิดจากโรคและแมลงศัตรูพืชนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น จึงต้องผลิตจุลินทรีย์ให้มีความหลากหลายเพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งโรคและแมลง อย่างเช่น

  1. เชื้อไตรโครเดอร์ม่า ฮาร์เซียนัม ที่คุ้นชื่อกันดี เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย มีส่วนช่วยทำให้พืชแข็งแรง ทั้งยังช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารที่ตกค้างในดินให้ออกมาเป็นอาหารของพืชอย่างครบถ้วน
  2. เชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส เป็นจุลินทรีย์ในกลุ่มแบคทีเรียแกรมบวกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย โดยเชื้อจะปลดปล่อยสารปฏิชีวนะเพื่อยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ทำให้ไม่สามารถขยายพันธุ์แล้วตายในที่สุด ช่วยในการป้องกันโรคเน่า โคนเน่า แคงเกอร์ ราสนิม ราน้ำค้าง
  3. บิวเวอเรีย บาเซียน่า เป็นกลุ่มเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคและแมลงหลายชนิด อย่างเพลี้ย หนอนผีเสื้อ ด้วง แมลงวัน โดยถ้าสปอร์สัมผัสกับผิวหนังของแมลงดังกล่าวจะเกิดเป็นเส้นใยแทงเข้าไปในผิวของแมลงเหล่านั้น
  4. เมทาไรเซียม เป็นเชื้อราเขียวกำจัดแมลง มีประโยชน์ในการกำจัดแมลงศัตรูพืชตั้งแต่ระยะตัวอ่อนไปจนถึงเต็มวัย
  5. บาซิลลัส ทูริงเยนซีส เป็นเชื้อแบคทีเรียกำจัดหนอน เป็นกลุ่มแบคทีเรียแกรมบวกที่มีประโยชน์ในการกำจัดหนอน ด้วยการผลิตโปรตีนที่เป็นสารท็อกซิน เป็นสารพิษที่เข้าไปทำลายลำไส้หนอน
แม่เชื้อ

คุณเปิ้ล บอกว่า สมัยก่อนถ้าชาวบ้านต้องการใช้จะต้องไปติดต่อขอรับจากหน่วยงานเกษตรในแบบหัวเชื้อ ซึ่งหากนำมาใช้จะต้องมาเลี้ยงเชื้อเอง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยสำหรับชาวบ้านบางราย เพราะอาจยังไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติอย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลต่อเชื้อจุลินทรีย์ขาดประสิทธิภาพ ดังนั้น ได้แนะนำให้ความรู้แก่ชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับจัดอบรมให้ความรู้แก่ชาวบ้านในหลายพื้นที่ โดยได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างดีจากภาคราชการที่เกี่ยวข้อง

“ใช้ความรู้และประสบการณ์จากการผลิตจุลินทรีย์เป็นกำลังสำคัญเพื่อให้ความรู้แก่ชาวบ้านเหมือนเป็นวิทยากรอาสา ทั้งนี้เพื่อต้องการแล้วคาดหวังให้ชาวบ้านทุกคนเข้าใจวิธีผลิตจุลินทรีย์อย่างถูกวิธี ลดความสูญเสีย เพิ่มประสิทธิภาพเต็มที่ ด้วยการผลิตเป็นหัวเชื้อสำเร็จรูป แล้วเมื่อต้องการใช้ให้นำไปเลี้ยงต่ออีกเล็กน้อยก็ใช้งานได้”

การออกแนะนำตามชุมชนต่างๆ ในเรื่องการใช้จุลินทรีย์ทำให้คุณเปิ้ลพบปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีแนวคิดปรับจากเคมีมาเป็นอินทรีย์ทันทีแบบหักดิบ แต่แนวทางดังกล่าวกลับส่งผลเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร เพราะความสมดุลทางธรรมชาติขาดหายไป หรือบางรายหันมาใช้กลุ่มสมุนไพรอย่าง บอระเพ็ด สะเดา ก็พอได้ แต่ปริมาณการใช้ไม่พอกับความต้องการ แถมยังต้องยุ่งยากในการทำ ฉะนั้น การใช้เชื้อจุลินทรีย์จะช่วยแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้ตรง เพียงแต่ชาวบ้านยังขาดความรู้เรื่องวิธีใช้อย่างถูกต้องเท่านั้น

หัวเชื้อในขวด

“วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตจุลินทรีย์บ้านดงสัก” ตั้งขึ้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ผลิตจุลินทรีย์ทั้งแบบสดและแห้งจำหน่ายเพื่อหารายได้เข้ากลุ่ม สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจมีจำนวนกว่า 10 คน และส่วนมากเป็นผู้สูงวัยที่ต้องการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แต่ละท่านรับผิดชอบงานต่างๆ ไม่ว่าจะกรอกข้าวใส่ถุง ผลิตเชื้อ งานเอกสาร หรือติดต่อลูกค้า

สำหรับคุณเปิ้ลนอกจากออกตระเวนทำหน้าที่ถ่ายทอดการใช้จุลินทรีย์ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในเขตจังหวัดและที่อื่นๆ แล้ว ยังมีอาชีพส่วนตัวด้วยการผลิตจุลินทรีย์ผงจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งผลิตไว้ 2 ขนาด คือ 100 กรัม กับ 500 กรัม โดยขนาด 100 กรัม เหมาะกับพื้นที่ขนาดไม่มาก สักประมาณ 2 ไร่ ซึ่งหากนำไปหมักกับนมก็ยังเพิ่มปริมาณการใช้ได้ถึงพันลิตร ราคาขาย ถ้าขนาด 500 กรัม ราคา 200 บาท ส่วนขนาด 100 กรัม ราคา 80 บาท

ข้าวสำหรับเตรียมหยอดเชื้อ

คุณเปิ้ล ชี้ว่าจุลินทรีย์ชนิดผงที่ผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ไม่ชอบความยุ่งยาก พกง่าย นำไปใช้ได้ทุกแห่ง เพียงใช้ช้อนตักใส่ถังผสมน้ำเปล่าตามอัตราที่กำหนดก็ใช้ได้ทันที โดยเชื้อจุลินทรีย์สด 1 กิโลกรัม เมื่อแปรรูปเป็นแบบผงแล้วได้ 100-200 กรัม แต่ประสิทธิภาพยังเท่าเดิม และปริมาณ 1 พันลิตร ใช้ในพื้นที่ได้ประมาณ 40-50 ไร่ ปัจจุบัน ผลิตจุลินทรีย์ผงจำหน่ายจำนวน 4 ชนิด

“เพื่อให้ได้ผลเต็มร้อย ควรใช้เดี่ยวอย่าผสมหรือใช้ร่วมกับสารชนิดอื่น แล้วควรฉีดพ่นช่วงเย็นจะได้ผลดีมาก เพราะข้อจำกัดของจุลินทรีย์คือ ห้ามโดนแดด ดังนั้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการใช้งานมากที่สุด จึงควรฉีดพ่นในช่วงเย็น แล้วควรฉีดพ่นก่อนล่วงหน้าในช่วงที่คิดว่าจะเกิดศัตรูพืชเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไว้ล่วงหน้า เพราะเกษตรกรต้องรู้อยู่แล้วว่า ช่วงไหนพืชจะเจอศัตรูบ้าง ส่วนอายุของจุลินทรีย์ไม่มีวันสลาย เพราะเมื่อจุลินทรีย์ลงไปในดินจะไปเจออาหารก็ยิ่งมีการเจริญเติบโตขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกมากมาย แต่ถ้าจุลินทรีย์เจอสารเคมีหรือแสงแดด ตลอดจนสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงก็จะตาย”

บี้ข้าวให้กระจายตัว

คุณเปิ้ล ไม่ได้ผลิตจุลินทรีย์เพื่อกำจัดพืชเท่านั้น แต่ในกลุ่มสัตว์น้ำเขาก็ยังรับผลิตและให้คำปรึกษาเฉพาะรายอาชีพเท่านั้น อย่างที่ผ่านมาผู้เลี้ยงสัตว์น้ำโดยเฉพาะปลากับหอยมักจะประสบปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำเสียจากโรงงานที่เข้ามาในบ่อ หรือการบริหารจัดการบ่อไม่ถูกวิธี ทำให้เกิดน้ำเสีย ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ถ้าต้องการให้ช่วยทางกลุ่มจะเข้าไปวางแผนให้ตั้งแต่เริ่มต้น อาจคิดค่าจ้างแบบเหมาจ่าย เพราะถ้าซื้อจุลินทรีย์ไปใช้คงไม่ได้ผล ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

สำหรับเกษตรกรที่มีแนวคิดจะปรับเปลี่ยนจากเคมีมาเป็นอินทรีย์ คุณเปิ้ลบอกว่าในตอนแรกจะหยุดเคมีลงทันทีไม่ได้ แต่ควรลดปริมาณการใช้ลง แล้วเติมอินทรีย์เข้ามาแทนที่ ในอัตรา 50:50 ก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ปรับลดเคมีลงอีก แล้วลดลงไปเรื่อยๆ จนไม่มีเคมีอีก จะเหลือแต่จุลินทรีย์เพียงอย่างเดียว ทั้งนี้การฉีดพ่นจุลินทรีย์อยู่ตลอดเวลาและต่อเนื่องจะช่วยให้มีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ จะทำให้คุณภาพดินกลับฟื้นสู่ธรรมชาติอีกครั้ง

บ่มเชื้อ 7 วัน

สอบถามรายละเอียดหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์สดแบบเข้มข้นหรือจุลินทรีย์ผงชนิดใช้ง่ายประสิทธิภาพสูง ติดต่อได้ที่ คุณดำรงค์เดช รักงาม หรือ คุณเปิ้ล โทรศัพท์ 090-982-4616