ทุเรียน เงาะ ที่บ้านไร่ อุทัยฯ อร่อยไม่เป็นรองใคร!!

เริ่มเข้าสู่เทศกาลผลไม้ในฤดูกาลใหม่กันแล้ว แม้ในช่วงต้นปีอากาศค่อนข้างแปรปรวน แล้วคาดการณ์ว่าใน ปี 2562 ความแห้งแล้งน่าจะรุนแรงและยาวนาน ดังนั้น ความน่าเป็นห่วงคงจะหนีไม่พ้นภาคเกษตรกรรม

“ทุเรียน” ยังคงเป็นแชมป์ผลไม้ยอดฮิตติดต่อมาหลายปี แล้วยิ่งนานวันดูเหมือนจะกลายเป็นดาวผลไม้ที่ชื่นชอบของผู้คนเกือบทั้งโลกไปแล้ว จึงทำให้ชาวสวนทุเรียนโดยเฉพาะจังหวัดทางภาคตะวันออกเร่งพัฒนาปรับปรุงคุณภาพทุเรียนไทย เน้นส่งออกเพื่อขายได้ราคาสูง ส่วนคนในประเทศไม่ต้องน้อยใจ เพราะยังมีชาวสวนทุเรียนอีกหลายแห่งที่พัฒนาผลผลิตได้มาตรฐานแต่ขายเฉพาะในประเทศ

คุณลุงประสิทธิ์กับคุณขจรศักดิ์พ่อ ลูกที่ช่วยกันดูแลไม้ผลในสวนของครอบครัว

อุทัยธานี เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านไม้ผลไม่แพ้จังหวัดอื่น ที่ผ่านมาพบว่า ทุเรียนและผลไม้หลายชนิดเป็นที่ต้องการของตลาดผู้บริโภค แม้ชื่อเสียงทุเรียนของอุทัยธานีจะไม่โด่งดังในระดับแถวหน้า แต่บรรดานักชิมมืออาชีพต่างรู้กันดีว่า ทุเรียนของจังหวัดนี้อร่อยไม่เป็นรองใคร

อำเภอบ้านไร่ เป็นอีกแห่งที่ปลูกทุเรียนและไม้ผลหลายชนิดได้ดีมีคุณภาพ ชาวบ้านเกือบทุกครัวเรือนเปลี่ยนจากทำพืชไร่มาทำสวนผลไม้ผสมช่วยสร้างรายได้ แก้ปัญหาราคาผลผลิตทางเกษตรตกต่ำ

เงาะโรงเรียนเปลือกบาง เนื้อหนา แห้ง หวาน กรอบ

ครอบครัวเตียวเจริญสิน อย่าง คุณประสิทธิ์ (พ่อ) และ คุณขจรศักดิ์ (ลูก) อยู่บ้านเลขที่ 141 หมู่ที่ 5 ตำบลคอกควาย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ได้เปลี่ยนอาชีพจากการปลูกสับปะรดและข้าวโพดมาทำสวนผลไม้อย่างทุเรียน เงาะ มะละกอ อย่างมีคุณภาพ ได้รับรองเป็นสวนมาตรฐาน GAP เป็นที่ต้องการของตลาดหลายแห่ง สร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ครอบครัว

คุณประสิทธิ์ วัย 74 ปี บอกว่าทำสวนผลไม้มากว่า 30 ปี จากเดิมมีอาชีพทำไร่สับปะรดส่งขายโรงงาน กับข้าวโพด ซึ่งประสบปัญหาจากสภาพอากาศ ต้นทุน และตลาดมาตลอด ทั้งนี้การปลูกผลไม้เกิดจากความไม่ตั้งใจเมื่อน้องสาวนำพันธุ์ทุเรียนจากจังหวัดนนทบุรีมาให้ปลูกจำนวน 2-3 ต้น ก็ลองปลูกไปตามความเข้าใจตัวเองแล้วรอดมาเพียง 2 ต้น

ดอกทุเรียนอายุอายุ 45 วันอีกประมาณ 10วันเริ่มบาน

กระทั่งเมื่อมีผลผลิต พบว่า มีคุณภาพดี มีคนสนใจซื้อ จึงเกิดความคิดที่จะปลูกจริงจัง ขณะเดียวกันยังมองว่าการปลูกไม้ผลมีระยะเวลายาวนานกว่าพืชไร่ ปลูกลงแรงครั้งเดียวให้ผลผลิตได้ยาวนานหลายปี เพียงหมั่นดูแลใส่ปุ๋ยยาและกำจัดวัชพืช แล้วยังเหนื่อยน้อยกว่า แต่มีราคาดีกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลให้ตัดสินใจมาปลูกไม้ผลอย่างจริงจัง แล้วซื้อพันธุ์ทุเรียนหมอนทองที่มีคุณภาพจากจันทบุรีที่เป็นแหล่งปลูกน่าเชื่อถือ พร้อมกับพันธุ์เงาะทางใต้และผลไม้อื่น

ในช่วงนั้นในพื้นที่แถวนี้ยังไม่มีใครปลูกผลไม้ เพราะมีความเข้าใจว่าคงปลูกไม่ได้เนื่องจากสภาพทางธรรมชาติไม่เหมาะสม ดังนั้น การที่คุณประสิทธิ์กับน้องสาวนำผลไม้มาปลูกจึงเป็นเรื่องที่ชาวบ้านมองว่าคงสูญเปล่า แต่ในที่สุดพี่น้องคู่นี้ก็ทำสำเร็จ สร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนบ้าน แล้วยังถือเป็นผู้ปลูกไม้ผลรายแรกในพื้นที่แห่งนี้ด้วย

แปลงนี้เป็นรุ่นแรกระยะปลูกยังไม่ได้มาตรฐาน แต่ดูแลดีมาก ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ

คุณประสิทธิ์ บอกว่า ความจริงไม้ผลปลูกไม่ยาก หรือหากมีปัญหาที่เกิดขึ้นจะมีมากน้อยอยู่ที่การปฏิบัติของเรามากกว่า ในตอนแรกที่ปลูกแล้วไม่สำเร็จ เพราะไม่ได้ตั้งใจ แต่หลังจากเอาใจใส่หาข้อมูล สอบถามผู้มีประสบการณ์แล้วเมื่อลองมาปฏิบัติจะเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีความชำนาญ

“สมัยก่อนไม่มีใครมาสอน ไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่พอจะหาความรู้ แม้เจ้าหน้าที่ราชการเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าพื้นที่แห่งนี้จะปลูกไม้ผลได้ ครั้นเมื่อความสำเร็จปรากฏเด่นชัด ทำให้ทางหน่วยงานเกษตรต้องปรับแนวทางการทำงานโดยเติมบุคลากรด้านไม้ผลเข้ามาส่งเสริมอบรมให้ความรู้และนำชาวบ้านไปศึกษาดูงานไม้ผลในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ”

พ่อประสิทธิกับคุณขจรศักดิ์กับเงาะที่รอเวลาเก็บในเร็ววัน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพทางธรรมชาติของแต่ละพื้นที่มีความต่างกัน แนวทางปฏิบัติอาจนำมาใช้เหมือนกันทั้งหมดไม่ได้ แล้วบางอย่างต้องปรับเปลี่ยนหรือคิดหาวิธีอื่นตามหลักวิชาการนำมาใช้ให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นช่วงการสร้างดอก การควบคุมน้ำ การให้ปุ๋ย การดูแลในช่วงผลผลิต ฯลฯ

ปัจจุบัน สวนทุเรียนของคุณประสิทธิ์ที่มีคุณขจรศักดิ์เข้ามาดูแล มีจำนวนต้นทุเรียนเก่าอยู่ 200 กว่าต้น ระยะปลูกไม่แน่นอน เพราะเพิ่งปลูกครั้งแรก มีทั้ง 6 คูณ 6 เมตร กับ 5 คูณ 5 เมตร กับทุเรียนรุ่นใหม่ที่ปลูกได้สัก 2 ปี จำนวน 600 ต้น ที่ปลูกระยะมาตรฐาน 7 คูณ 8 เมตร

เงาะโรงเรียน จะให้ผลผลิตตัดเก็บได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม หลังจากเก็บผลผลิตเงาะเสร็จแล้ว จะตัดแต่งทรงพุ่ม ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 จะใส่ต้นละประมาณ 10 กำมือ หว่านให้รอบทรงพุ่มแล้วรดน้ำ จากนั้นยังไม่ต้องดูแลอะไร เพียงให้น้ำตามความเหมาะสม พอถึงราวเดือนธันวาคมจะเริ่มมีดอก พอใกล้เข้าหน้าฝนจึงใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 สำหรับปัญหาโรค/แมลงไม่ค่อยพบ แต่จะฉีดพ่นด้วยสารชีวภาพ

มะละกอฮอลแลนด์หวาน กรอบ

คุณประสิทธิ์ บอกว่า ปีใดที่ตั้งใจทำสาวต้นเงาะ พอปีถัดไปจะได้ผลผลิตดกมาก ซึ่งจะมีรายได้จากผลผลิตต่อต้นราว 500-1,000 บาท ทั้งนี้การทำสาวจะพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบ คุณสมบัติเงาะที่สวนจะเนื้อแห้ง กรอบ หวาน สำหรับความหวานไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ อาจจะเกิดจากลักษณะของดิน ดังนั้น จึงเป็นความหวานที่เกิดจากธรรมชาติล้วน

“เงาะให้ผลผลิตเฉลี่ย ต้นละ 200 กิโลกรัม จะเก็บพร้อมกันครั้งเดียวในราวกลางเดือนกรกฎาคม เพราะต้องการประหยัดต้นทุนค่าแรง เพราะเงาะราคาขายไม่สูงมาก แล้วไม่แน่นอน บางปีราคาจากสวน กิโลกรัมละ 20 บาท บางปีเหลือแค่ 10 บาท แม้การปลูกเงาะจะมีต้นทุนไม่มาก แต่ต้นทุนค่าแรงก็ควรจะน้อยด้วย เพื่อประกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน”

ทุเรียนในสวนแห่งนี้จะปลูกร่วมกับมะละกอฮอลแลนด์ โดยให้มะละกอเป็นพี่เลี้ยง และการปรับพื้นที่ปลูกจะไถยกร่องลูกฟูก ขนาดกว้าง 3 เมตรกว่า สูง 50 เซนติเมตร ความยาวตามพื้นที่ ต้นทุเรียนปลูกระหว่างมะละกอ หลุมทุเรียนลึกเสมอปากถุงต้นพันธุ์ ยังไม่ต้องใส่ปุ๋ยแต่ให้ทุเรียนกินปุ๋ยร่วมกับมะละกอไปด้วยกัน เป็นสูตรเสมอ 15-15-15/16-16-16 ใช้สลับกับปุ๋ยหวาน สูตร 13-13-21 พร้อมกับปุ๋ยคอกประมาณครึ่งตัน ทั้งนี้หลังจากผ่านไปประมาณ 3 ปี จึงโค่นมะละกอแล้วเริ่มบำรุงทุเรียนตามขั้นตอน

ดอกทุเรียนเริ่มติดประมาณเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ช่วงนี้ต้องใส่สูตรเสมอจนดอกส่งกลิ่นจึงหยุดใส่ปุ๋ยแล้วลดปริมาณน้ำลง เพื่อเลี่ยงการแตกใบอ่อน พอดอกบานแล้วหางแย้เริ่มแห้งจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณน้ำทีละน้อยจนมีผล เมื่อผลมีขนาดเท่ากระป๋องนมจึงกลับมาให้น้ำได้ตามปกติ พร้อมไปกับการใส่ปุ๋ยที่เน้นแคลเซียม อย่าง 15-0-0 ให้สลับกับสูตรเสมอ ส่วนฮอร์โมนจะใส่หรือไม่ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของใบ ถ้าใบมีขนาดใหญ่ เขียว ก็ไม่จำเป็นจะต้องใส่เพื่อจะได้ลดต้นทุน

ก่อนจะเริ่มทำลูกทุเรียน จะใส่ปุ๋ยสูตรเสมอเป็นหลัก หรืออาจสลับกับสูตรหน้าสูง อย่าง 27-12-6 ในช่วงที่ต้องการกระตุ้นใบ จะใส่เดือนละครั้งเพื่อเร่งการเจริญเติบโต สำหรับปุ๋ยในช่วงบำรุงผล ควรใส่น้อยๆ แต่บ่อยครั้ง คือรอบละ 2 ขีด ให้แบ่งเฉลี่ย ประมาณ 2 เดือน อีกทั้งการให้ปุ๋ยทุเรียนก่อนเก็บผลผลิตจะใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-25 ใส่ครั้งเดียวจำนวน 1 กิโลกรัม หรือแบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ก็ได้เพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อ จากนั้นจะหยุดใส่ปุ๋ยก่อนเก็บผล 1 เดือน

ยิ่งดุแลให้ปุ๋ยอย่างดี แม้อายุเกือบ 30 ปี ยังให้ผลผลิตคุณภาพ

แม้คุณภาพทุเรียนที่บ้านไร่ถึงจะไม่ได้ปลูกเพื่อส่งออก แต่ก็ต้องควบคุมมาตรฐานเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการปัดดอก แต่งดอก แต่งผล ฉะนั้น แนวทางนี้จะทำให้ต้นทุเรียนที่มีอายุ 5-6 ปี จะได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อต้น ประมาณ 30 ลูก และมีน้ำหนักผลละประมาณ 3 กิโลกรัม

คุณขจรศักดิ์ ชี้ว่าคุณภาพผลไม้ที่บ้านไร่หลายชนิดส่วนมากจะพบว่า มีเนื้อแห้ง กรอบ โดยเฉพาะกลิ่นทุเรียนเท่าที่สังเกตจากตัวเองและหลายคนบอกกันว่าไม่ฉุนมาก เนื้อหนา เมล็ดลีบ จนทำให้ทุกคนต่างติดใจต้องกลับมาซื้อซ้ำอีกหรือความหวานมะละกอฮอลแลนด์ วัดได้ 16-17 บริกซ์ ทั้งนี้ลูกค้าที่มาซื้อมะละกอจะเป็นพ่อค้าจากตลาดไทและสี่มุมเมือง มารับที่สวน ส่วนทุเรียนกับเงาะขายในอุทัยธานีก็ยังไม่พอเลย

ชุดนี้เก็บไว้ได้ทุกลูก

การดูแลเอาใจใส่ ตลอดจนนำมาตรฐานการปลูกไม้ผล จึงทำให้สวนของครอบครัวเตียวเจริญสินได้รับการรับรองให้มีมาตรฐาน GAP ส่งผลทำให้ทุเรียน เงาะ ตลอดจนผลไม้อื่นที่ปลูกในสวนแห่งนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนยังมีไม่พอขายในจังหวัดอุทัยธานีเลย

ครอบครัวเตียวเจริญสิน นับเป็นหนึ่งในหลายสวนผลไม้ของจังหวัดอุทัยธานีที่ประสบความสำเร็จ สามารถปลูกไม้ผลชนิดต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน จนทำให้บรรดานักชิมไม้ผลจากทั่วทุกสารทิศต่างจับจ้องเดินทางไปยังจังหวัดนี้กันอย่างคับคั่ง สะท้อนให้เห็นแล้วว่า ผลไม้ที่จังหวัดอุทัยธานี …อร่อยไม่เป็นรองใคร!!

หากมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดอุทัยธานี อย่าลืมแวะไปชิมผลไม้จากในสวนของ คุณประสิทธิ์ และ คุณขจรศักดิ์ โทรศัพท์นัดหมายได้ที่เบอร์ 088-751-5916 หรือ 095-334-0443

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2563