ปลูกสะละอินโดฯ แซมสวนยาง ราคาดี ผลผลิตไม่พอขาย

สะละอินโดฯ เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศอินโดนีเซีย เกษตรกรไทยได้นำเข้ามาปลูกในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว โดยเริ่มในจังหวัดทางภาคใต้ก่อน เนื่องจากมีอากาศชื้นและฝนชุกคล้ายภูมิประเทศของอินโดนีเซีย ซึ่งมีเกาะเป็นจำนวนมาก ต่อมาได้ขยายพื้นที่การปลูกไปหลายจังหวัด เช่น จังหวัดในภาคตะวันออก และจังหวัดภาคกลางบางจังหวัด

มีโอกาสได้ชิมรสชาติสะละอินโดฯ ครั้งแรกเมื่อ 30 กว่าปีมาแล้ว รู้สึกประทับใจในความล่อนของเนื้อและความกรอบ ในสมัยนั้นสะละพันธุ์ดีๆ ของไทย เช่น สุมาลี เนินวง ยังไม่มีแพร่หลาย มีแต่ระกำหวาน ซึ่งคุณภาพยังเทียบกับสะละในปัจจุบันไม่ได้ แต่รสชาติหวานอมเปรี้ยวของสะละบ้านเราก็ยังเป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากสะละอินโดฯ มีราคาแพงกว่าสะละบ้านเรา

เกษตรกรชาวสวนยางในอำเภอยะหา จังหวัดยะลา คุณดอเลาะ สะตือบา อยู่ที่บ้านเลขที่ 101 หมู่ที่ 8 ตำบลบาโร๊ะ ได้ปลูกสะละอินโดฯ แซมในสวนยาง ซึ่งมีพื้นที่ 3 ไร่ เป็นจำนวน 400 ต้น ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีก 4 ไร่ ได้ขุดบ่อปลา เลี้ยงไก่ และทำการเกษตรผสมผสานอย่างอื่น โดยการปลูกยางพาราจะใช้ระยะห่างระหว่างต้น 8 เมตร และระยะห่างระหว่างแถว 3 เมตร ในช่วงว่างระหว่างต้น 8 เมตรนั้น คุณดอเลาะ ได้ปลูกสะละอินโดฯ ลงไป 3 ต้น ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และสะละอินโดฯ ก็สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพร่มเงา

เริ่มต้นเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2549 คุณดอเลาะ ได้มีโอกาสชิมสะละอินโดฯ ก็ถูกใจในความกรอบล่อน จึงนำเมล็ดพันธุ์จากประเทศอินโดนีเซียมาปลูกเพียง 20 ต้น เพียง 3 ปี ก็ได้ผลผลิต สามารถจำหน่ายในสวนขณะนั้นได้กิโลกรัมละ 50 บาท ลูกค้าที่ได้ชิมก็ติดใจ จำนวนผลผลิตที่ได้ไม่พอขาย จึงเกิดความคิดจะปลูกสะละอินโดฯ เพื่อจำหน่าย แต่ติดขัดที่พื้นที่ ต่อมาคิดได้ว่าช่วงว่างระหว่างต้นยางยังมีพื้นที่ว่างอยู่ จึงได้ปลูกสะละอินโดฯ ในระหว่างร่องยาง ร่องละ 3 ต้น

คัดเมล็ดที่ดีทำพันธุ์

การปลูกโดยใช้เมล็ดจะต้องเลือกใช้เมล็ดที่มีขนาดใหญ่ สมบูรณ์เต็มที่ จากต้นที่มีผลดกและรสชาติดี นำมาผึ่งลมให้แห้ง ประมาณ 7 วัน อย่าตากแดด เพราะจะทำให้เปอร์เซ็นต์การงอกลดลง นำเมล็ดมาเพาะในถุงดำที่ใส่ดินผสมกับขี้วัวแห้ง ใส่เมล็ดลงไปให้เมล็ดพอจม แล้วนำดินผสมโรยปิดหน้าด้านบนอีกเล็กน้อย วางไว้ในที่ร่มรำไร หรือใต้ร่มไม้ รดน้ำเช้า-เย็น ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เมล็ดก็จะเริ่มงอก รดน้ำเหลือแค่วันละครั้ง จนกระทั่งครบ 5 เดือน

เมื่อต้นมีขนาดใหญ่ก็จะเปลี่ยนถุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ดูแลต่อไปอีกประมาณ 2-3 เดือน ต้นสะละอินโดฯ ก็โตพร้อมที่จะจำหน่าย ปัจจุบัน คุณดอเลาะ จำหน่ายหน้าสวน ในราคาต้นละ 30 บาท การปลูกสะละอินโดฯ จะขุดหลุมลึกและกว้าง 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยขี้วัวหรือปุ๋ยมูลสัตว์และใบไม้แห้ง ฤดูปลูกที่เหมาะสมคือช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป และควรเป็นที่ร่มรำไร ต้นจะเจริญเติบโตได้ดี

ในสวนคุณดอเลาะ ให้น้ำต้นสะละอินโดฯ ด้วยระบบสปริงเกลอร์ วันละครั้งหรือ 2 วันครั้ง แล้วแต่สภาพดินฟ้าอากาศ แต่ก็ไม่เคยเจอโรคโคนเน่า เพราะบริเวณโคนจะต้องดูแลให้โล่งเตียน ไม่ให้รก ซึ่งจะเป็นแหล่งอาศัยของแมลงต่างๆ ที่เป็นศัตรูพืช การตัดแต่งใบของต้นสะละอินโดฯ ก็จำเป็นเพียงเพื่อไม่ให้รกคลุมดินมากเกินไปเท่านั้น  ไม่ควรตัดแต่งจนโคนโล่งเกินไป

การให้ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมักชีวภาพ

ในสวนจะเน้นการใช้ปุ๋ยคอก โดยใช้ในอัตรา 5-10 กิโลกรัม ต่อปี ต่อต้น ส่วนปุ๋ยเคมีจะใช้น้อยมาก โดยจะใช้ปุ๋ยเคมี สูตร 60-0-0 ในอัตรา 250 กรัม ต่อต้น เมื่อสะละเริ่มติดผลอ่อน และหลังจากนั้นอีกประมาณ 2 เดือน ก็จะใช้ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 ในอัตรา 250 กรัม ต่อต้น และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ สูตรของคุณดอเลาะใช้น้ำหมักชีวภาพ 20 ลิตร นม ยูเอชที 10 กล่อง หมักไว้ในที่ร่ม ประมาณ 20 วัน อัตราการใช้คือ น้ำหมัก 1 แก้ว ต่อน้ำ 1 ฝักบัว หรือประมาณ 20 ลิตร ใช้สำหรับรด 1 ต้น จะรดเฉพาะในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนเก็บผล 3 ครั้ง โดยรดห่างกัน 10 วัน จะทำให้สะละอินโดฯ มีรสชาติดีขึ้น

 

ต้องช่วยผสมเกสร

ดอกของต้นสะละอินโดฯ จะเริ่มบานจำนวนมากตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงเดือนธันวาคม ในช่วงเวลาเช้าไม่เกิน 9 โมงเช้า คุณดอเลาะ จะเอาเกสรตัวผู้มาผสมกับเกสรตัวเมีย โดยเด็ดเกสรตัวผู้จากต้นตัวผู้มาเคาะใส่ดอกตัวเมีย สังเกตได้ว่าเกสรดอกตัวเมียจะใหญ่กว่าเท่าหนึ่งของเกสรดอกตัวผู้ โดยใช้จำนวนดอกต่อดอกจึงจะทำให้ติดผลได้ดี

ตรงนี้มีเทคนิคของคุณดอเลาะ ซึ่งบอกว่า “จะต้องดูลมด้วย ถ้าลมแรง เกสรตัวผู้ที่ผสมจะโดนลมพัดปลิวทำให้ผลติดน้อย เมื่อผสมเกสรแล้วควรเอาใบที่ตัดทิ้ง หรือใบกล้วยมาปิดทับไว้ 2-3 วัน ค่อยเอาใบกล้วยออก จะทำให้ผลติดดี และเกสรตัวเมียจะบานเพียง 2 วัน จึงต้องเร่งผสมให้ทันเวลา”

ในช่วงที่สะละอินโดฯ ติดผล จำเป็นต้องหมั่นดูแลและตัดแต่งผลที่ไม่สมบูรณ์ออก เพื่อให้ผลอื่นในช่อมีความสมบูรณ์ หลังจากที่ผสมติดแล้ว ผลของสะละอินโดฯ จะใช้เวลา 5 เดือน จึงจะสามารถเก็บผลผลิตได้ คือประมาณช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนของทุกปี แต่ในสวนที่มีการจัดการอย่างดี จะจำหน่ายผลผลิตได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมไปถึงเดือนสิงหาคม อย่างสวนของคุณดอเลาะ ในช่วงเวลาที่ติดผล คุณดอเลาะ จะสังเกตเห็นว่าการที่ช่อผลของสะละอินโดฯ โดนน้ำจากการรดด้วยสปริงเกลอร์จะสมบูรณ์กว่าช่ออื่น ส่วนการเก็บผลผลิตจะสังเกตจากผิวที่เงามันและขนจะหลุดร่วงไป โดยไม่จำเป็นต้องชิม เนื่องจากมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มานาน

ปัจจุบัน ต้นสะละอินโดฯ 400 ต้น ในสวนคุณดอเลาะ อายุได้ประมาณ 7 ปี มีผลผลิตสมบูรณ์เต็มที่แล้ว ในปีที่ผ่านมาผลผลิตสะละอินโดฯ ทั้งปี ประมาณ 1,500 กิโลกรัม จำหน่ายหน้าสวน กิโลกรัมละ 80 บาท มีรายได้เฉพาะสะละอินโดฯ อย่างเดียวปีละ 120,000 บาท ค่าใช้จ่ายที่ต้องซื้อคือ ปุ๋ยเคมี ปีละ 3 กระสอบ ส่วนปุ๋ยคอก ได้จากการเลี้ยงไก่ในสวน ไม่ต้องซื้อหา นอกจากการทำสะละอินโดฯ แล้ว คุณดอเลาะ ยังทำเกษตรผสมผสานอย่างอื่นอีกหลายอย่าง ไว้มีโอกาสจะนำมาเสนอให้อ่านอีก

คุณไมตรี สุขเกษม หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตรจังหวัดยะลา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “การปลูกสะละอินโดฯ มีปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ

1. การตัดแต่งหน่อและใบสะละจะทำให้แตกหน่อออกรอบลำต้น ถ้าไม่ดูแล จะมีหน่อที่เจริญเติบโตออกเป็นลำต้นจำนวนมาก ใน 1 กอ ควรเลี้ยงต้นไว้ไม่เกิน 3 ต้น ส่วนการตัดแต่งใบ ให้ตัดทางใบออกตั้งแต่เริ่มแทงช่อดอก เพื่อไม่ให้มีใบมากเกินไป เป็นการลดการใช้อาหารและช่วยให้การติดผลรวมถึงทะลายมีพื้นที่มากขึ้น ไม่เบียดกัน ผลก็จะโตขึ้นและสะดวกในการปฏิบัติงาน

2. ต้องช่วยผสมเกสร เนื่องจากสะละอินโดฯ เป็นพืชที่มีดอกแยกเพศ คือเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่คนละต้นกัน การติดผลตามธรรมชาติต้องอาศัยแมลง การช่วยผสมเกสรจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วย

3. การดูแลเอาใจใส่มีส่วนสำคัญ การใส่ปุ๋ย การให้น้ำ ต้องศึกษาพฤติกรรมของสะละว่าช่วงเวลาไหนต้องการน้ำ ช่วงไหนต้องการปุ๋ย จะต้องให้ตรงกับความต้องการของพืช ทั้งนี้ต้องไม่ลืมเรื่องการลดต้นทุน โดยการใช้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยอินทรีย์ การเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการให้ปุ๋ยตามช่วงระยะการเจริญเติบโตของผล การตัดแต่งผล จะทำให้ผลผลิตได้คุณภาพ เกรด เอ ตรงกับความต้องการของตลาดและขายได้ราคา

ส่วนเรื่องการตลาด สะละอินโดฯ นั้น มีปลูกใน 3 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะที่จังหวัดยะลามีพื้นที่ปลูก ประมาณ 2,300 ไร่ รสชาติและคุณภาพเป็นเครื่องการันตี ราคาขายหน้าสวนของสะละอินโดฯ กิโลกรัมละ 80 บาท จำนวนผลผลิตในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อความต้องการ”

สนใจที่จะปลูกสะละอินโดฯ สามารถสั่งซื้อต้นพันธุ์ของคุณดอเลาะได้ ในราคา ต้นละ 30 บาท ที่เบอร์โทรศัพท์ (081) 096-9047 คุณดอเลาะ สะตือบา แนะนำการปลูกสะละอินโดฯ ทิ้งท้ายว่า “สะละอินโดฯ ควรปลูกแซมใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ และจะต้องมีเวลาดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงติดผล ถ้าทำไม่ได้อย่าปลูกเด็ดขาด” นิ