เกษตรกรเมืองน่าน “ปัทมพร พิชัย” เปิดสูตร ปลูกโกโก้ ให้ได้ผลผลิตดี

ความจริง โก้โก้ เป็นพืชที่เกษตรกรส่วนหนึ่งในบ้านเราปลูกกันมานานหลายสิบปีแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะตลาดยังไม่กว้างขวาง และหน่วยงานภาครัฐยังไม่ได้ส่งเสริมอย่างจริงจัง ประกอบกับพืชเศรษฐกิจตัวอื่นๆ อย่างเช่น ยางพารา ได้ราคาดี เกษตรกรส่วนใหญ่จึงหันไปปลูกยางพารากัน จนกระทั่งยางพาราราคาตกต่ำต่อเนื่องกันมาหลายปี และยังไม่มีทีท่าว่าราคาจะดีเหมือนในอดีต เกษตรกรกลุ่มหนึ่งจึงหันเหมาปลูกโกโก้แทน ขณะเดียวกันมีบริษัทเอกชนหลายรายเข้ามาทำธุรกิจอย่างจริงจัง โดยนำต้นพันธุ์มาให้ปลูกและรับซื้อ

คุณปัทมพร พิชัย กับต้นโกโก้ที่ทยอยให้ผลผลิต

ชี้ตลาดกว้าง คนยังปลูกน้อย

“คุณปัทมพร พิชัย” อายุ 37 ปี เกษตรกรในตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน เป็นอีกคนหนึ่งที่สนใจมาปลูกโกโก้ เพราะมองว่าเป็นพืชที่คนทุกเพศทุกวัยกินกัน ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ เป็นตลาดที่กว้างกว่ากาแฟเสียอีก แต่คนปลูกมีจำนวนไม่มากเท่าไร ขณะที่มีคนทำช็อกโกแลตเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่มักส่งมาจากเมืองนอก ไม่ได้ซื้อในบ้านเรา

นอกจากจะปลูกแล้ว คุณปัทมพรยังรับซื้อจากเกษตรกรในเครือข่ายด้วย เป็นการส่งเสริมเกษตรแบบครบวงจร โดยได้ใช้ความรู้และประสบการณ์ในอดีตที่เคยทำงานกับทางปิดทองหลังพระฯ น่าน และทำงานที่โครงการแม่ฟ้าหลวงมาก่อน ในเรื่องการรวมกลุ่ม เรื่องการตลาดและการจัดการแปลง ที่สำคัญคุณปัทมพรอยากทำ “เกษตรทฤษฎีใหม่” ให้ประสบความสำเร็จ และเป็นแบบอย่างให้กับคนในชุมชน โดยตอนนี้เธอเป็นรองประธานวิสาหกิจชุมชนโกโก้เกษตรบนดอยน่าน

เมล็ดโกโก้ในตู้พลังงานแสงอาทิตย์

แปลงโกโก้ของคุณปัทมพรอยู่ที่ตำบลยอด ในเนื้อที่ 10 ไร่ ประมาณ 800 กว่าต้น โดยปลูกแซมในพื้นที่ที่ปลูกมะม่วงโชคอนันต์ มะนาว และทุเรียน เพราะโกโก้เป็นไม้ร่มเงาเหมือนกาแฟอาราบิก้า ต้องการแสงประมาณ 50-80% (ต้นอ่อนต้องการแสงแดดน้อยกว่า) ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการปลูก ซึ่งเจ้าตัวมีแผนจะขยายพื้นที่ปลูกอีก พร้อมใช้พื้นที่บริเวณนั้นทำเป็นตลาดชุมชน เพื่อใช้เป็นแหล่งขายปลีก-ขายส่งด้วย

เกษตรกรสาวรายนี้เล่าที่มาที่ไปของการปลูกโกโก้ว่า เกษตรกรในจังหวัดน่านต่างนิยมปลูกข้าวโพดกัน จึงมีแนวคิดอยากหาพืชเศรษฐกิจตัวใหม่มาทดแทน อยากพัฒนาบ้านเกิด ตลาดจะกว้างกว่าพืชตัวอื่น ก่อนหน้านี้ไม่มีความรู้เรื่องโกโก้เลย จึงได้ค้นหาตามเฟซบุ๊กและในอินเตอร์เน็ต ทำให้รู้ว่าเป็นพืชตัวใหม่ ตลาดจะกว้างกว่าพืชตัวอื่น โดยเฉพาะสายพันธุ์ชุมพร 1 จะออกลูกตลอดทั้งปี

“มองว่า โกโก้ เป็นพืชที่คนกินทั่วโลก ทำไมเราจะไม่ปลูก ที่สำคัญขายได้ทุกเดือน เป็นพืชที่สามารถตอบโจทย์ให้เกษตรกรได้ว่าพวกเขาสามารถมีรายได้จากรายเดือน โดยที่ไม่ต้องเป็นข้าราชการ และอาจจะได้เยอะกว่าด้วยซ้ำไป เพราะในการปลูก 1 ไร่ ใช้เวลา 3-5 ปี ก็จะได้ผลผลิตประมาณ 2-5 ตัน ต่อ 1 ไร่”

เมล็ดโกโก้ที่ตากแล้ว

รับซื้อ กิโลกรัมละ 10 บาท

คุณปัทมพร บอกว่า ช่วงที่ทำงานอยู่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เมื่อหลายปีก่อน มีพี่ที่รู้จักส่งเมล็ดมาให้เพาะ เลยลองเพาะดู ครั้งแรกไม่งอก เพราะไม่รู้วิธี พอเพาะครั้งที่สอง แกะเมล็ดออกมา นำมาล้างน้ำแล้วบ่มไว้ 2-3 คืน จะมีตางอกออกมา แล้วค่อยนำไปลงถุงเพาะ ขึ้นประมาณ 600 กว่าต้น จากนั้นใช้วิธีเพาะเมล็ดเหมือนกาแฟ คือเอาไปโรยที่ขุยมะพร้าว แล้วใช้ขุยมะพร้าวทับไปอีกรอบ ประมาณ 3-7 วัน แล้วแต่สภาพอากาศ ซึ่งต้องใช้ความร้อนพอสมควรเมล็ดถึงจะงอก จากนั้นเขี่ยแล้วนำไปลงถุง

สำหรับการปลูก เริ่มแรกควรรองก้นหลุมด้วยขี้ไก่ แกลบ และปุ๋ยหมักทำเอง ไม่ใช้ขี้วัว เพราะถ้าใช้ขี้วัวสดไม่ผ่านการหมัก จะทำให้ต้นไหม้ และควรปลูกหน้าฝน ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม-กันยายน เพื่อให้ได้น้ำตามธรรมชาติ พร้อมให้ปุ๋ยอินทรีย์ตอนต้นฝน ปลายฝนให้อีกครั้งหนึ่ง และใส่ปุ๋ยยูเรีย เพื่อเร่งต้น จากนั้นใส่ปุ๋ยเดือนละครั้ง

เมล็ดโกโก้สด

ในส่วนหลุมปลูก ขุดให้ลึก 7-8 นิ้ว หรือ 15 เซนติเมตร กว้าง 4-5 นิ้ว ควรมีระยะห่าง 3×3 เมตร สาเหตุที่ใช้วิธีการเพาะเมล็ด เพราะจะทนทานกว่า ถ้าเป็นกิ่งตอน โดนลมก็จะล้ม อีกอย่างการปลูกเมล็ดไม่กลายพันธุ์ เนื่องจากใช้ต้นแม่จากชุมพรที่มีอายุประมาณ 42 ปี พันธุ์ชุมพร 1 เป็นพันธุ์โบราณของไทยที่ต่างชาติชื่นชอบ เพราะมีรสชาติดี ติดรสเปรี้ยว มีกลิ่นผลไม้ กินแล้วได้รสชาติดี

สำหรับโรคและศัตรูพืชนั้น คุณปัทมพรให้ข้อมูลว่า มีปัญหาหนอนกระทู้กินใบและเจาะลำต้นในช่วงฤดูฝน รวมถึงเพลี้ยแป้งด้วย ต้องใช้สารเคมีกำจัด แต่มีความปลอดภัย หลัง 7 วัน ก็ไม่มีสารตกค้าง นอกจากนี้ ใช้เชื้อราบิวเวอเรียตามที่ทางสำนักงานเกษตรมาสอนให้ทำ เป็นการปลูกแบบเกษตรปลอดภัย เพราะยังมีการใช้สารเคมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะการกำจัดหญ้า ปีหนึ่งจะใช้ครั้งเดียวในช่วงก่อนฤดูฝน

คุณปัทมพร ให้ข้อมูลว่า ปลูกมาได้เกือบ 3 ปีแล้ว ซึ่งโกโก้จะให้ผลเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 5 ปี แต่ช่วงระหว่าง 2-3 ปี ก็เริ่มให้ดอกให้ผล เริ่มติดดอก แต่มีดอกร่วงบ้าง บางต้นเริ่มติดๆ ให้ผลต้นละ 2-3 กิโลกรัม แล้วให้กลุ่มเกษตรกรที่สนใจมาดูงาน ตอนนี้มีเกษตรกรเป็นสมาชิกของกลุ่มประมาณ 200 กว่าราย ในเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ซึ่งมีการการันตีราคารับซื้อขั้นต่ำไว้ที่ กิโลกรัมละ 5 บาท เป็นเวลานานถึง 15 ปี แต่ตอนนี้รับซื้อกิโลกรัมละ 10 บาท ถือว่าแพงกว่าที่อื่น ซึ่งรับซื้อแค่กิโลกรัมละ 8 บาท เท่านั้น

คุณปัทมพร เล่าถึงเหตุผลที่รับซื้อโกโก้ กิโลกรัมละ 10 บาท ว่า เป็นเพราะมีตลาดเอง โดยทำสัญญากับต่างประเทศด้วย ประเทศหลักๆ ที่ส่งเมล็ดโกโก้แห้งไปขายคือ แคนาดา และสิงคโปร์

ต่างชาติชอบ โกโก้พันธุ์ชุมพร 1

ทั้งนี้ต้องใช้ โกโก้พันธุ์ชุมพร 1 เท่านั้น เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร เป็นต้นพันธุ์ที่มาจากจังหวัดชุมพร ที่มีอายุเกือบ 50 ปี โดยเมื่อรับซื้อผลผลิตมาจากเกษตรกรในกลุ่มแล้ว คุณปัทมพรจะนำมาหมักและตากเพื่อขายเมล็ดแห้ง ซึ่งเป็นการส่งเสริมแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่เกษตรกรรายไหนต้องการจะปลูก คุณปัทมพรจะไปดูแปลงให้ ว่าควรจะปลูกอย่างไร พร้อมแนะนำวิธีการบำรุงรักษาต้น

ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนโกโก้เกษตรบนดอยน่านนั้น สามารถซื้อต้นกล้าจากคุณปัทมพรได้เลย  แต่ต้องสั่งจองไว้ล่วงหน้า เพราะจะทำตามออเดอร์เท่านั้น

อย่างที่คุณปัทมพรแจกแจงให้ฟังว่า จะให้สั่งต้นกล้าตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์จึงปิดการจอง จากนั้นเริ่มนำเมล็ดมาเพาะ และขายในราคาต้นละ 35 บาท ทั้งนี้เกษตรกรจะต้องรวมกลุ่มกันก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องการตลาดและการขนส่งผลผลิต และอย่างน้อยต้องมีพื้นที่ปลูกรวมกันไม่น้อยกว่า 20 ไร่ เพื่อประโยชน์ในการรับซื้อผลผลิต

คุณปัทมพร บอกว่า จากการศึกษาและทดลองปลูกมาเกือบ 3 ปี ทำให้เห็นว่า โกโก้ สามารถเป็นพืชรายเดือนให้เกษตรกร อย่างน้อยก็ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะในครัวเรือนได้ เดือนหนึ่งคิดขั้นต่ำต่อไร่ จะมีรายได้ ไร่ละ 3,000 บาท ถ้าปลูก 2 ไร่ ก็ได้เงินเดือน 6,000 บาท นอกจากนี้ ก็ปลูกพืชหรือทำอย่างอื่นเสริมไปด้วย

ขายกล้าพริกไทย-มะแขว่น

ปีนี้เป็นปีแรกที่โกโก้ของคุณปัทมพรเพิ่งให้ผลผลิต ได้ประมาณ 200 กิโลกรัม คุณปัทมพรจึงนำมาหมักและตากแห้งก่อนส่งเมล็ดช็อกโกแลตแห้งไปยังร้านช็อกโกแลตในกรุงเทพฯ โดยขายกิโลกรัมละ 400 บาท อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คุณปัทมพรก็เพาะต้นกล้าโกโก้พันธุ์ชุมพร 1 ขาย ตั้งแต่ ปี 2559 และได้เงินหลายแสนบาทแล้ว ส่วนใหญ่จะขายให้กับเกษตรกรในอำเภอแม่จริม นอกจากนี้ คุณปัทมพรยังเพาะต้นพริกไทยและต้นมะแขว่นขายด้วย

ในการปลูกของคุณปัทมพรและสมาชิกนั้น เจ้าตัวระบุว่า เป็นการปลูกแบบเกษตรปลอดภัย ยังใช้สารเคมีอยู่ โดยใช้ยาฆ่าหญ้า แต่เป็นแบบเผาไหม้ ใช้ก่อนฤดูฝน เพื่อไม่ให้หญ้าขึ้นเยอะ 1 ปี จะใช้ครั้งเดียว

คุณปัทมพร เล่าถึงขั้นตอนในการทำเป็นเมล็ดโกโก้แห้งว่า หลังรับซื้อผลสดก็นำมากะเทาะเปลือก แล้วหมัก คล้ายกับกาแฟ แต่ยากกว่า ถ้าหมักไม่ดีความร้อนไม่ได้ที่ จะขึ้นราดำ โดยต้องใช้ลังไม้ในการหมัก ใช้เวลา 7-8 วัน ในอุณหภูมิ 45-60 องศาเซลเซียส พอหมักเสร็จนำไปตากแดดอีก ใช้วิธีตากในตู้พลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ให้ความชื้นเกิน 5-7% ตากจนได้ที่จนแห้ง รวมเวลาประมาณ 15-20 วัน ถึงได้เมล็ดแห้ง เพื่อส่งขาย

ในส่วนของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกโกโก้กับคุณปัทมพรต่างแฮปปี้ เพราะขายได้ราคาดีกว่าข้าวโพด ที่ขายได้กิโลกรัมละ 7 บาท ที่สำคัญโกโก้ออกลูกได้ตลอดทั้งปี เฉลี่ยต้นละ 2-5 กิโลกรัม ในต้นที่มีอายุ 3-4 ปี แต่ถ้าอายุมากขึ้นจะให้ผลผลิตมากกว่านี้ ซึ่งถ้าเป็นผลใหญ่จะให้เมล็ดใหญ่และไม่ฝ่อ

สนใจศึกษาดูงานการปลูกโกโก้ของวิสาหกิจชุมชนโกโก้เกษตรบนดอยน่าน ติดต่อสอบถามได้ที่ 097-960-1926