ที่มา | หนังสือ “มะนาวปลูกกินเองได้ ปลูกขายทำเงิน” โดยกองบรรณาธิการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน |
---|---|
เผยแพร่ |
การปลูกไม้ผลให้ได้ผลผลิตดก สวยงาม และคุณภาพเยี่ยม ไม่ใช่แค่การปลูกแล้วรดน้ำเท่านั้น แต่การใส่ปุ๋ยให้เหมาะสมและถูกวิธีก็มีผลสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะเทคนิค “โยกหน้า-โยกหลัง” ที่เป็นสูตรปุ๋ยไม้ผลยอดนิยมในหมู่ชาวสวนมืออาชีพ
ในกระบวนการเจริญเติบโตของพืช ไม่ว่าจะเป็นกิ่ง ก้าน ใบ ตลอดจนส่วนอื่น ล้วนมีธาตุอาหารหลายธาตุเข้าไปมีบทบาทร่วมกันเกื้อกูลกัน อีกทั้งพืชแต่ละชนิดมีความต้องการธาตุอาหารแตกต่างกัน ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้ปลูกพืชทุกคนต้องยึดมั่นในหลักที่ว่า “พืชต้องได้รับอาหารครบทุกธาตุอย่างเพียงพอและในปริมาณที่สมดุลเท่านั้น” พืชจึงจะเจริญเติบโตได้ตามปกติ สามารถออกดอก ผล ตามที่ต้องการ
“โยกหน้า-โยกหลัง” หมายถึง การใส่ปุ๋ยในช่วงเวลา 2 ช่วงสำคัญของการเจริญเติบโตของไม้ผล ได้แก่
1. โยกหน้า ช่วงก่อนออกดอกหรือช่วงที่ต้นไม้กำลังเตรียมตัวสร้างผล เป็นเวลาที่ต้นไม้ต้องการสารอาหารเพื่อสร้างพลังงานให้การพัฒนาเซลล์ต่างๆ จะเป็นปุ๋ยที่เน้นตัวเลขตัวหน้า (เน้น N ไนโตรเจน) ตัวหน้ามากกว่าตัวหลัง เช่น 25-7-7 หรือ 46-0-0 จะช่วยเน้นบำรุงในส่วนของการสร้างเสริมยอดอ่อน และใบๆ
2. โยกหลัง ช่วงหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อฟื้นฟูต้นไม้และเตรียมพร้อมสำหรับรอบการผลิตต่อไป จะเป็นปุ๋ยที่เน้นตัวเลขตัวหลังทั้ง 2 ตัว (P ฟอสฟอรัส และ K โพแทสเซียม) ตัวหลังมากกว่าตัวหน้า เช่น 8-24-24 หรือ 15-5-20 ช่วยเรื่องการเร่งดอกและบำรุงผล
ในกรณีของ “มะนาว” ไม้ผลใกล้ตัวที่ใช้ประโยชน์จาก “น้ำมะนาว” เป็นหลัก แล้วการปลูกมะนาวให้มีน้ำมากนั้นมีเทคนิคการบำรุงอย่างไร?
รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต
เมื่อฟอสฟอรัสเกินความต้องการของต้นไม้ ส่วนที่เหลือจะทําปฏิกิริยากับสังกะสี ทําให้ตกตะกอน จากนั้นส่วนที่ตกตะกอนจะทําปฏิกิริยากับแคลเซียม กลายเป็นแคลเซียมฟอสเฟตตกตะกอนอยู่ในดิน แต่ต้นไม้นําไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ นอกจากนี้ ฟอสฟอรัสจะทําหน้าที่ตรึงสังกะสี ต้นไม้จึงขาดสังกะสี และมีโอกาสขาดแคลเซียมด้วย
ดังนั้น การใส่ปุ๋ยควรพิจารณาที่ความต้องการของต้นไม้ สูตรที่แนะนําและเหมาะสมกับไม้ผลทุกชนิด ไม่เฉพาะมะนาวคือ สูตรโยกหน้าหรือโยกหลัง
N คือ ไนโตรเจน (ตัวหน้า) P คือ ฟอสฟอรัส (ตัวกลาง) K คือ โพแทสเซียม (ตัวหลัง)
ปุ๋ยโยกหน้า หมายถึงปุ๋ยที่ธาตุอาหารไนโตรเจน (N) สูงกว่าฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ซึ่งปุ๋ยสูตรโยกหน้าจะช่วยด้านการเจริญเติบโตของลำต้นก้านกิ่งใบผล
อัตราส่วนหรือเรโชตัวอย่าง คือ 3 : 1 : 2 และ 4 : 1 : 3 และ 5 : 1 : 4 เช่น ปุ๋ยสูตร 21-7-14 (เรโชคือ 3 : 1 : 2)
ปุ๋ยโยกหลัง หมายถึงปุ๋ยที่ธาตุอาหารโพแทสเซียม (K) สูงกว่าธาตุอาหารไนโตรเจน (N) และฟอสฟอรัส (P) ซึ่งช่วยด้านการสะสมอาหารให้มะนาวออกดอก–ติดผล
เรโชตัวอย่างคือ 1 : 1 : 2 และ 2 : 1 : 3 ถ้าเป็นสูตรปุ๋ยก็สูตร 15-5-20 (เรโชคือ 2 : 1 : 3) ซึ่งใช้ทางดินแต่ถ้าใช้ฉีดพ่นทางใบก็เช่น สูตร 9-19-34 เป็นต้้น
ความต้องการปุ๋ยของต้นไม้ในแต่ละช่วงการเจริญเติบโตไม่เหมือนกัน เช่น ต้นไม้ผลิใหม่ต้องโยกหน้า ติดลูกใหม่ต้องโยกหน้า แต่ต้องให้ตัวหลังค่อนข้างสูง เพราะหากตัวหลังต่ำจะเกิดปัญหากิ่งย้วย เป็นโรคง่าย เช่น สูตร 25-7-7 หากใช้ต่อเนื่อง จะทําให้กิ่งย้วย โดยเฉพาะมะนาวกิ่งเป็นสามเหลี่ยม แม้จะผลิยอดดี แต่จะทําให้เป็นกระจุก และกิ่งไม่แข็งแรง หากกิ่งอ่อนลักษณะเดียวกับไม้เลื้อย หมายถึง ลําต้นกําลังอ่อนแอ ส่วนโยกหลังควรให้ก่อนออกดอก
สําหรับมะนาว เป็นพืชที่ให้ปุ๋ยสูตรโยกหน้าได้ตลอด แต่ควรให้ตัวหลังค่อนข้างสูงไว้ด้วย เพื่อป้องกันกิ่งอ่อนแอ เช่น สูตร 4-1-3 หรือ 5-1-4
ส่วนน้ำ มะนาวเป็นพืชที่ต้องการน้ำตลอดตั้งแต่ติดผล กระทั่งเก็บขาย
เรื่องน้ำ พืชที่ต้องการน้ำตลอดตั้งแต่ติดผลกระทั่งเก็บขายอย่างมะนาว “ขนาดผลของมะนาวขึ้นอยู่กับการขยายเซลล์” ซึ่งต่อเนื่องมาจากการได้รับปริมาณน้ำจํานวนมาก เซลล์จะขยายตัวได้เมื่อมีแรงดันของน้ำ หากระหว่างที่ผลมะนาวกําลังเจริญเติบโต ได้รับน้ำไม่พอ ผนังเซลล์จะเริ่มหนา ผลมะนาวจะแกร็น
ปุ๋ยโยกหน้า-โยกหลัง ใส่ในอัตราเท่าไหร่ต่อต้น?
ปุ๋ยโยกหน้า (สูตร 21-7-14 สูตร 21-4-16) ใส่ช่วงดอกบาน เพื่อกระตุ้นการแตกใบอ่อนและช่วยขยายผล ส่วน ปุ๋ยโยกหลัง (สูตร 15-5-20) ใช้ก่อนต้นมะนาวออกดอก หรือช่วงกำลังฟอร์มดอก
ปริมาณการใช้ปุ๋ยขึ้นอยู่กับขนาดพุ่มต้น สำหรับต้น ขนาด 1-2 เมตร ผมจะใช้ปุ๋ย ประมาณ 1-1.5 ขีดต่อต้นต่อเดือน
สิ่งสำคัญที่เน้นคือ ความต่อเนื่องของปุ๋ย หากสามารถแบ่งปริมาณปุ๋ยที่กำหนด และทยอยการให้ปุ๋ยเป็น 2 ครั้งต่อเดือน ก็นับเป็นเรื่องที่ดี และหลังจากให้ปุ๋ยทุกครั้งจะต้องรดน้ำตามทันที
ด้วยเทคนิค “โยกหน้า-โยกหลัง” และการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสม ไม้ผลจะออกผลผลิตได้อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ อย่าลืมใส่ปุ๋ยให้ถูกเวลาและตรงจุดตามที่แนะนำ แล้วสวนของคุณจะเต็มไปด้วยผลผลิตที่น่าภูมิใจ