กว่า 10 ปี กับงานสวน “วนเกษตร” ที่กบินทร์บุรี เน้นพืชหมุนเวียน-ปลูกสมุนไพรกันแมลง

ระบบวนเกษตร หมายถึง การทำเกษตรในพื้นที่ป่า เช่น ปลูกพืชเกษตรแซมในพื้นที่ป่าธรรมชาติ หรือการนำสัตว์ไปเลี้ยงในป่า การเก็บผลผลิตจากป่ามาใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และการใช้พื้นที่ป่าทำการเพาะปลูกในบางช่วงเวลา สลับกับการปล่อยให้ฟื้นคืนสภาพกลับไปเป็นป่า รวมถึงการสร้างระบบเกษตรให้มีลักษณะเลียนแบบระบบนิเวศป่าธรรมชาติ คือมีไม้ยืนต้นหนาแน่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ระบบมีร่มไม้ปกคลุมและมีความชุ่มชื้นสูง บางพื้นที่มีชื่อเรียกเฉพาะตามลักษณะความโดดเด่นของระบบนั้นๆ

การเกษตรรูปแบบนี้ส่วนใหญ่พบในชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับพื้นที่ป่าธรรมชาติ เกษตรกรจะผลิตโดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ป่าเดิม เช่น ไม่โค่นไม้ป่า หรือการนำผลผลิตจากป่ามาใช้ประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ “วนเกษตร” เป็นแนวคิดและทางเลือกปฏิบัติทางการเกษตรแบบหนึ่ง ซึ่งรูปแบบจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น โดยสามารถแบ่งเป็นหลายประเภท ดังนี้

1. วนเกษตรแบบบ้านสวน มีต้นไม้และพืชผลหลายชั้นความสูง โดยปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น สมุนไพร และพืชผักสวนครัวในบริเวณบ้าน

2. วนเกษตรที่มีต้นไม้แทรกในไร่นาหรือทุ่งหญ้า เหมาะกับพื้นที่สูงๆ ต่ำๆ โดยการปลูกต้นไม้เสริมในที่ไม่เหมาะสมกับพืชผัก เช่น ที่เนินหรือที่ลุ่มน้ำขัง และปลูกพืชในที่ราบหรือที่สม่ำเสมอ

3. วนเกษตรที่มีต้นไม้ล้อมนาไร่ เหมาะกับพื้นที่ไร่นา ซึ่งมีลมแรงพืชผลที่ได้รับความเสียหายจากพายุเสมอ จึงต้องปลูกต้นไม้เพิ่มความชุ่มชื้น บังแดด บังลม ให้กับพืชผลที่ต้องการร่มเงาและความชื้น

4. วนเกษตรที่มีแถบต้นไม้และพืชผลสลับกัน เหมาะกับพื้นที่มีความลาดชันเป็นแนวยาว น้ำไหลเซาะหน้าดินมาก แถวต้นไม้ซึ่งปลูกไว้ 2-3 แถว สลับกับพืชผักเป็นช่วงๆ ขวางทางลาดชัน จะช่วยรักษาหน้าดินเอาไว้

5. วนเกษตรใช้พื้นที่หมุนเวียนปลูกไม้ยืนต้น พืชผลและเลี้ยงสัตว์ เหมาะกับพื้นที่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่ที่จะปลูกเป็นแปลงหมุนเวียน โดยมีต้นไม้ยืนต้นร่วมกับการเลี้ยงสัตว์และหมุนเวียนเพื่อฟื้นฟูดิน

Advertisement
คุณวิมล รวดเร็ว กับกล้วยน้ำว้า

คุณวิมล รวดเร็ว อยู่บ้านเลขที่ 161/2 หมู่ที่ 1 ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่รักการทำไร่ทำสวน ปลูกพืชผักร่วมกันหลากหลายมาร่วม 10 ปี ปลูกพืชผักแบบธรรมชาติจริงๆ โดยเน้นเกษตรผสมผสาน ในพื้นที่ 5 ไร่ ทำการเกษตรอินทรีย์ จะหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีทุกชนิด ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช ฮอร์โมน คำนึงถึงการสงวนรักษาอินทรียวัตถุในดินด้วยการปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชคลุมดิน ใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ใช้เศษอินทรียวัตถุจากในสวน มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่พืชด้วยการบำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์

ผลผลิตที่ได้จะอยู่ในรูปแบบของการปลอดสารพิษ เป็นระบบการเกษตรที่มีวิธีการผลิตที่ปลอดสาร การเกษตรอินทรีย์ เป็นการเกษตรที่เน้นการสร้างความสมบูรณ์ให้กับดิน โดยการใช้วิธีทางธรรมชาติ เช่น การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ มีการควบคุมและกำจัดพืชโดยวิธีกายภาพและอินทรีย์เคมี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่ทำให้มีสารพิษตกค้างในผลผลิต ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค อีกทั้งปัญหาการเสื่อมโทรมของดิน

Advertisement

คุณวิมลจึงหันมาทดลองทำการเกษตรแบบเรียบง่าย ใช้แรงกายขุดดินถากถาง อาศัยธรรมชาติดูแลให้เกิดความสมดุลกันเอง และความพยายามในการพึ่งพิงระบบนิเวศในไร่สวน ไม่รบกวนธรรมชาติ ไม่ไถพรวน ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี เน้นปุ๋ยพืชสด ไม่กำจัดวัชพืช แต่เน้นการคลุมดิน ปลูกพืชตระกูลถั่ว พืชผัก พืชเศรษฐกิจอื่นๆ ก่อนหลังฤดูกาล นับว่าได้ผลเกินคาดจริงๆ ทดลองผิดถูกเข้าใจในความคิดของตัวเอง จนได้รับใบประกาศดีเด่น ระดับจังหวัดมาแล้ว

โดยในสวนนั้นปลูกทั้งมะขาม มะม่วง มะขามเทศ ไม้ไผ่รวก ส่วนพืชผักจะปลูกข้าวโพด อ้อย พริก มะเขือ ชะอม เผือก กล้วย การปลูกพืชผสมผสานที่มีไม้ผล ไม้ยืนต้นหลากหลายอย่างตามฤดูกาล ยังปลูกพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดใต้โคนต้น เช่น ตะไคร้ กระชาย ขิง ข่า ว่านต่างๆ สมุนไพรที่ผลิตใช้เองในสวนเพื่อไล่แมลง 5 ชนิด

ปลูกถั่วฝักยาวสลับกับสมุนไพร

1. สมุนไพรรสขม ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและป้องกันแมลง เช่น ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด สะเดา โทงเทง

2. สมุนไพรรสฝาด ใช้ป้องกันเชื้อราและโรคพืช เช่น เปลือกแค เปลือกมังคุด เปลือกสีเสียด ใบฝรั่ง ใบทับทิม ขมิ้น

3. สมุนไพรรสเปรี้ยว ใช้ไล่แมลงทำให้แสบร้อน เช่น มะกรูด เปลือกส้ม น้ำมะขาม น้ำมะนาว

4. สมุนไพรรสเบื่อเมา ใช้ฆ่าหนอน เพลี้ย และแมลงอื่นๆ เช่น หางไหล ยาสูบ หนอนตายหยาก ใบน้อยหน่า สลัดได พญาไร้ใบ เป็นต้น

5. สมุนไพรมีกลิ่นหอมระเหย ใช้ไล่แมลงให้แสบร้อน เปลี่ยนกลิ่นต้นพืช เช่น ตะไคร้ โหระพา กะเพรา ผักชี สาบเสือ สาบแร้ง สาบกา ข่า เป็นต้น

ที่กล่าวมานี้ ในสวนของคุณวิมลมีพร้อม สามารถนำมาใช้ได้เลย นับว่าเป็นสิ่งที่น่าพอใจ แม้จะไม่ได้รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ด้วย แต่ก็สามารถทำได้จริง ซึ่งมีไส้เดือนอยู่ใต้ดินอยู่มาก นั่นหมายความว่า ดินในไร่สวนนั้นยังอุดมสมบูรณ์ดีอยู่ ปรับอีกนิดหน่อยให้ดีขึ้นคงไม่ใช่เรื่องยาก

มีพืชหลากหลาย ด้านหลังคือไม้ป่ายืนต้น

คุณวิมล บอกว่า การทำเกษตรพอเพียงไม่จำเป็นต้องเลียนแบบใคร พึ่งตัวเอง เลือกปลูกพืชที่พอหาได้ ปลูกทุกอย่างที่มี ค่อยเพิ่มเติมในบางครั้งแล้วจะมีครบทุกอย่าง อยู่แบบเรียบง่าย ยึดหลักกินง่ายอยู่ง่าย แบ่งกิน แบ่งใช้ ให้เป็น ชีวิตก็อยู่ได้อย่างสบาย มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ ไม่เคยเป็นหนี้ใคร อยู่แบบพอมีพอกินมาครึ่งคนแล้ว ชีวิตก็มีความสุขเหมือนกับคนอื่นๆ ยิ้มก็ยิ้มอย่างมีความสุขจากใจ ไม่เคยมีทุกข์ในใจ นับว่าเป็นเกษตรกรอีกคนหนึ่งที่น่าจะเอาอย่าง มีพร้อมทุกอย่าง แม้สิ่งที่ทำอยู่จะไม่ดีนัก แต่ก็อยู่ได้อย่างสบาย หาได้ยากยิ่งนัก ในสวนยังปลูกจำพวกดอกกระเจียว ดอกอุ้มน้อง มะเดื่อฝรั่ง ผักหวานป่า ไผ่รวก ไผ้เลี้ยง ไผ่หวาน

จากการทำเกษตรพอเพียงที่ผ่านมา ไม่เคยประสบปัญหาสักครั้ง เน้นทำเอง ขายเอง มาโดยตลอด หากเกษตรกรทำได้อย่างนี้จะไม่เกิดปัญหาอย่างแน่นอน ระดับครัวเรือน ยึดหลักปรัญาของเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ตามกำลังและศักยภาพที่ตนเองมีอยู่ เน้นพึ่งตนเองในทุกๆ ด้าน อาศัยแรงกายเสมอ ทุกอย่างก็จะเกิดผลและมีความสุข รักษาสถานะของมาตรฐานการครองชีพโดยการพึ่งตนเอง เพื่อสามารถยังชีพอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการกู้ยืมเงิน หรือซื้อปัจจัยในการดำรงชีวิตด้วยเงินสดราคาแพง ความพอเพียงนี้มิได้หมายถึง สังคมเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีจะให้ทุกคนในประเทศ ทุกสาขาอาชีพ ยึดเป็นแนวปฏิบัติดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน ตอนกิ่งพันธุ์ไม้ ก็มีความสุขมากแล้ว

………………………..

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2564