ปลูกสับปะรดในสวนยาง อย่างไรให้ได้ผลดี ขายได้ทั้งผล และหน่อพันธุ์ได้ด้วย

“คุณเสถียร ซื่อตรง” เกษตรกรจังหวัดนครพนม มีโอกาสไปเรียนรู้เรื่องการปลูกสับปะรดในสวนยางจากเพื่อนเกษตรกรในท้องถิ่น เขาเริ่มต้นปลูกสับปะรดตั้งแต่ 2551 โดยส่งตัวอย่างดินให้สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดนครพนมตรวจสอบว่ามีสภาพดินเหมาะสมกับการปลูกสับปะรดหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าดินนครพนมมีสภาพเหมาะสมสำหรับปลูกสับปะรด เพราะมีดินร่วนปนทราย 30% ดินร่วน 20% เมื่อปลูกแล้วจะได้เนื้อสับปะรดที่มีรสหวาน ซึ่งจังหวัดบึงกาฬ อุบลราชธานี มีชุดดินคุณภาพเดียวกับจังหวัดนครพนม สามารถปลูกสับปะรดได้อย่างสบาย

การปลูกสับปะรด ต้องเลือกทำเลพื้นที่ที่มีสภาพราบเอียง ระบายน้ำได้ดี เพราะสับปะรดเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำ ประการต่อมาต้องคัดเลือกสับปะรดพันธุ์ดีมาปลูก หลังไถพรวนดินเสร็จ คุณเสถียรได้นำหน่อพันธุ์สับปะรดปัตตาเวียมาปลูกแซมในสวนยาง โดยปลูกในระยะห่าง ประมาณ 30 เซนติเมตร บำรุงด้วยปุ๋ยสูตร 15-15-15 ใส่ปีละ 1 ครั้ง เติมปุ๋ยยูเรีย  (46-0-0) ใส่ทุกๆ 2 เดือน หากใช้หน่อปลูก ดูแล 8-9 เดือน ก็มีผลผลิตออกขาย แต่หากนำจุกสับปะรดมาปลูกต้องใช้เวลานานกว่า ประมาณ 11 เดือน จึงเก็บเกี่ยวผลผลิตออกขายได้

การผลิตสับปะรดนอกฤดู เกษตรกรโดยทั่วไปนิยมใช้วิธีหยอดฮอร์โมนซึ่งมีราคาแพง แต่คุณเสถียรมีเทคนิคส่วนตัวที่ได้ผลดีคือ ใช้ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) และปุ๋ยสูตร 25-5-5 ผสมน้ำ 200 ลิตร ใช้กระป๋องเปล่าตักส่วนผสมที่เตรียมไว้หยอดข้างต้นสับปะรด รอไปอีกประมาณ 45-60 วัน ก็จะได้ผลผลิตสับปะรดตามที่ต้องการ การเก็บเกี่ยวผลผลิตทำได้ง่าย    หากพบว่าผลสับปะรดเริ่มมีสีเหลือง ประมาณ 3 แถว ก็แสดงว่าเนื้อสุกแล้วพร้อมเก็บเกี่ยวได้ การปลูกสับปะรดในสวนยาง นอกจากเกษตรกรมีผลสับปะรดสด น้ำหนักเฉลี่ย ลูกละ 4.5-4 กิโลกรัม ออกขายแล้ว ยังสามารถขายหน่อพันธุ์สับปะรดให้ผู้สนใจนำไปปลูกขยายพันธุ์ต่อได้อีก หากช่วงไหนมีผลผลิตเหลือจากการจำหน่ายก็นำไปแปรรูปเป็นสับปะรดกวนได้อีก ยิ่งมีการรวมกลุ่มผู้ปลูกสับปะรดในท้องถิ่นได้ก็จะมีโอกาสกำหนดราคาขายได้สูงขึ้น