ปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง แปลงเล็กๆ แต่กำไรงาม ของคนบางกระทุ่ม

อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก มีผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อเป็นสินค้าประจำจังหวัด โด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง ที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications หรือ GI) คือ กล้วยตากบางกระทุ่ม

วัตถุดิบหลักที่สำคัญที่สุด ของการทำกล้วยตากบางกระทุ่ม ก็คือ กล้วย

คุณอภิเษก อ่ำบางราย กับกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องเครือใหญ่

กล้วย ที่เหมาะสมสำหรับทำกล้วยตากบางกระทุ่มมากที่สุด คือ กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง

เดิมกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง ปลูกมากตามหัวไร่ปลายนา เมื่อนำมาทำเป็นกล้วยตาก ทำให้รู้ว่า กล้วยน้ำว้ามะลิอ่องนี้ มีคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับการทำกล้วยตากที่สุด

คุณอภิเษก อ่ำบางราย ชาวบ้าน หมู่ที่ 7 บ้านบึงเรียน ตำบลบางกระทุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ผู้ที่ได้รับการเอ่ยถึงว่า ในฤดูแล้งที่น้ำน้อย พืชขาดน้ำ ส่งผลให้ราคาผลผลิตสูงขึ้น คุณอภิเษกเป็นหนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง แล้วสามารถผลิตกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องได้มีคุณภาพที่สุดคนหนึ่ง หรือเรียกตามภาษาชาวบ้านว่า แปลงสวย

พิจารณาจากใบกล้วย ซึ่งแปลงตั้งอยู่ริมถนน พบว่า ใบกล้วยถูกลมในช่วงรอยต่อของฤดู ใบแตก ฉีก รุ่ย ไม่มีความสวย จึงวิเคราะห์ได้ว่า แปลงสวย หมายถึง การบริหารจัดการภายในแปลง แล้วได้ผลผลิตเป็นกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องที่ผิวสวย ผลใหญ่ หวีดก

เกี่ยวใบแห้งทิ้ง ช่วยให้ธาตุอาหารไปเลี้ยงที่ผล

คุณอภิเษก มีที่ดินสำหรับปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง จำนวน 9 ไร่ เริ่มปลูกครั้งแรกเมื่อ 15 ปีก่อน เพราะแรงจูงใจจากเพื่อนที่ทำกล้วยตากบางกระทุ่มขาย แล้วการตอบรับดี ต้องการกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องเป็นวัตถุดิบ แล้วมาชักชวนให้คุณอภิเษกปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง เพื่อป้อนให้กับเพื่อนที่ผลิตกล้วยตากบางกระทุ่มด้วยกันเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณอภิเษกลงทุนปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องเต็มพื้นที่ 9 ไร่ ที่มี ด้วยราคาหน่อพันธุ์เพียง หน่อละ 10 บาท

นับจากปีแรกที่ปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง คุณอภิเษกลงทุนปรับแปลงปลูกใหม่ครั้งต่อมา ด้วยราคาหน่อพันธุ์ 20 บาท เมื่อกล้วยชุดแรกปลูกมานาน 8-9 ปี คุณอภิเษก ถึงกับเอ่ยปากว่า การปลูกกล้วย เป็นเรื่องกล้วยอย่างชื่อจริงๆ แค่ใส่ใจ ดูแลตามความเหมาะสม ก็ได้ผลผลิตที่ต้องการ แต่ถ้าอยากให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ ก็ต้องให้การดูแลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการให้น้ำ เพราะกล้วยเป็นพืชที่ต้องการน้ำมากเป็นพิเศษ

น้ำหมักชีวภาพจากกล้วย ใช้ในแปลง ไม่พึ่งสารเคมี

การเตรียมหน่อพันธุ์ เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกหน่อพันธุ์ที่ความสูงประมาณ 1 ศอก และมีกิ่งแตกออกด้านข้างลักษณะคล้ายหูกวาง

การขุดหลุมปลูก ให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางของหลุม 50 เซนติเมตร ความลึก 50 เซนติเมตร ใช้ขี้วัว 1 กิโลกรัม รองก้นหลุม นำหน่อพันธุ์ลงปลูก ดินกลบ ไม่ต้องพูน เหยียบให้แน่น แล้วรดน้ำ

ควรลงปลูกในฤดูฝน เพราะไม่ต้องดูแลรดน้ำ อาศัยน้ำฝนช่วยดูแล ปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งหรือปลายฝน ก็เริ่มรดน้ำ 15 วัน ต่อครั้ง แต่ละครั้งของการรด ใช้วิธีสูบน้ำจากคลองธรรมชาติ ปล่อยเข้าแปลง ปล่อยทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน แล้วงดน้ำ

เครือกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง

“ที่นี่โชคดี มีน้ำในคลองตลอดเวลา ยกเว้นฤดูแล้ง น้ำในคลองแห้ง ก็มีบ่อน้ำบาดาลที่จะสูบน้ำขึ้นมารดแปลงกล้วยได้ ทำให้กล้วยที่นี่ไม่เคยขาดน้ำ กล้วยจึงมีผลเปล่งทุกฤดู แม้ว่าปกติกล้วยจะชอบดินเหนียวมาก และที่นี่เป็นดินทรายส่วนใหญ่ การกักเก็บน้ำของกล้วยจึงทำได้น้อยกว่า การรดน้ำให้ชุ่มจึงเป็นเรื่องปกติที่ควรทำ”

คุณอภิเษก หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับแปลงกล้วย ยกเว้นพบว่า กล้วยเป็นโรคตายพราย โรครากเน่า จะใช้เพียงสารไตรโคเดอร์ม่า ซึ่งนานๆ จะพบ แต่โดยปกติ คุณอภิเษกจะใส่ปุ๋ยขี้วัวปีละครั้ง ปริมาณ 1 ถุงปุ๋ย น้ำหนัก 10-15 กิโลกรัม ต่อกอ โรยไว้รอบกอ และใช้น้ำหมักชีวภาพที่หมักจากทุกส่วนของกล้วยที่เหลือทิ้งหรือไม่ใช้แล้ว นำมาราดรอบกอกล้วย 15 วัน ต่อครั้ง

เมื่อกล้วยเริ่มติดเครือ ก็ใช้น้ำหมักชีวภาพที่หมักจากทุกส่วนของกล้วย นำไปฉีดพ่นที่เครือ จะช่วยให้เครือกล้วยมีความสมบูรณ์ดี

ใบกล้วยแตก แต่ไม่มีผลกับเครือกล้วย

แต่ละกอ ควรไว้หน่อกล้วยเพียง 4-5 หน่อ เท่านั้น เพื่อความสมบูรณ์ของกล้วย

ที่ผ่านมา กล้วยน้ำว้ามะลิอ่องที่ได้ผลผลิต มีความสมบูรณ์ทุกเครือ ทำให้ขายได้ราคาดี เคยติดผลผลิต 15 หวี ต่อเครือ และหากดูแลดีๆ จะได้ผลผลิตมากกว่า 15 หวีด้วย

คุณอภิเษก บอกว่า ตามธรรมชาติของกล้วย เป็นพืชที่ดูแลไม่ยากอยู่แล้ว หากปลูกปล่อยตามธรรมชาติ ด้วยสายพันธุ์ที่มีความดก หน่อพันธุ์มีคุณภาพดี การให้ผลผลิตต่อเครือที่ได้จะอยู่ที่ 6-7 หวี ต่อเครือ ก็ได้น้ำหนัก 7-8 กิโลกรัม ต่อเครือ คิดเป็นเงิน 70-80 บาท ต่อเครือ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรมาก

“มีลูกค้ามาซื้อถึงสวน เราแค่ตัดเครือที่พร้อมขายวางไว้ หรือรับออเดอร์แล้วตัดไว้รอลูกค้ามารับไป ราคาขายหน้าสวนในฤดูแล้ง เป็นราคาสูงที่สุด ซึ่งฤดูแล้งที่ผ่านมา ราคากล้วยขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 10 บาท ชั่งทั้งเครือ ราคาขายต่ำสุดที่เคยขายได้ คือ 3 บาท ต่อกิโลกรัม แต่ถึงอย่างนั้น ราคา 3 บาท ต่อกิโลกรัม ที่เคยได้น้อยที่สุด ก็ยังมีกำไรสำหรับเกษตรกรปลูกกล้วย เพราะต้นทุนมีเพียงหน่อพันธุ์ ที่ลงทุนเพียงครั้งเดียว พลิกแปลงเปลี่ยนหน่อพันธุ์ใหม่ เมื่อ 8-9 ปี ระหว่างปลูกต้นทุนก็มีเพียงน้ำ น้ำหมักชีวภาพ และปุ๋ยอินทรีย์ เท่านั้น”

เมื่อมีเวลาว่าง คุณอภิเษกจะเดินเข้าสวนเพื่อใช้ตะขอเกี่ยวใบกล้วยที่แห้ง และตัดแต่งใบที่มีมากเกินความจำเป็นออก เพื่อให้แร่ธาตุที่ให้ไปเลี้ยงส่วนอื่นๆ ของกล้วย โดยเฉพาะผล ดังนั้น ในแต่ละวันการดูแลแปลงกล้วยจึงใช้เวลาไม่มากเลย

ปัจจุบัน คุณอภิเษก ลดจำนวนปลูกกล้วยลง จาก 9 ไร่ เหลือเพียง 4 ไร่เศษ แล้วลงปลูกมะพร้าวน้ำหอมในพื้นที่ที่เหลือ

“ไม่ใช่ว่าผมลดพื้นที่ปลูกกล้วยลงเพราะขาดทุน แต่เพราะอยากปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นบ้าง จึงลงทุนปลูกมะพร้าวน้ำหอมต้นเตี้ย ในพื้นที่ 4 ไร่เศษ ครึ่งหนึ่งของแปลงกล้วย เพราะถึงอย่างไร กล้วยก็ยังเป็นพืชที่ปลูกแล้ว ต้นทุนต่ำ แต่เก็บผลผลิตขายได้ตลอดทั้งปี”

แปลงกล้วยของคุณอภิเษกอยู่ติดถนนสายย่อย หากสนใจจะไปชมแปลง แจ้งกันล่วงหน้าได้ที่ คุณอภิเษก อ่ำบางราย ชาวบ้าน หมู่ที่ 7 บ้านบึงเรียน ตำบลบางกระทุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก โทรศัพท์ 086-211-7490