ทำไม…วิศวกรไฟฟ้า จึงสนใจงานเกษตร

คุณอาวุธ ลึกมณี หรือ คุณเก่ง โชว์นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน

เป็นเรื่องน่ายินดีที่หลายปีมานี้ ได้เห็นภาพตามสื่อหลายสำนักถึงการก้าวเข้ามาทำอาชีพเกษตรกรรมของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่มากขึ้น บางรายมีดีกรีถึงปริญญาโทหรือเอกเสียด้วยซ้ำ ปรากฏการณ์เช่นนี้ชี้ให้เห็นว่า ในอนาคตภาคเกษตรกรรมของไทยได้ก้าวเข้าสู่การทำเกษตรกรรมแนวใหม่

จะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เมื่อได้พบกับวิศวกรหนุ่ม คุณอาวุธ ลึกมณี หรือ คุณเก่ง ขณะคุมงานก่อสร้างบ้านพักลูกค้าในบริเวณใกล้ที่พักผู้เขียน จนนำไปสู่การสนทนาที่ถูกคอขึ้น เนื่องจากคุณเก่งสนใจเรื่องการเกษตร แล้วยิ่งได้ทราบว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านชนิดซื้อเกือบทุกเล่ม ยิ่งทำให้การพูดคุยดูจะมีรสชาติหนักมากขึ้น

บ้านคุณอาวุธ ลึกมณี หรือคุณเก่ง
บ้านคุณอาวุธ ลึกมณี หรือคุณเก่ง

คุณอาวุธ เป็นคนเพชรบูรณ์ ย้ายมาเรียนใน กทม. จนจบปริญญาด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เรียนจบด้านวิศวกรรมอุตสาหการจากพระจอมเกล้าธนบุรี เมื่อ ปี 2540 หลังจากเรียนจบแล้วไปทำงานตรงตามสาขาที่เรียนมาอยู่ที่ชลบุรีนานถึง 5 ปี จากนั้นเส้นทางอาชีพหันเหไปด้านโยธา ด้วยการไปทำงานเป็นวิศวกรคุมงานก่อสร้าง

ผลมะนาวมีขนาดใหญ่ แม้ไม่ได้ดูแลเต็มที่
ผลมะนาวมีขนาดใหญ่ แม้ไม่ได้ดูแลเต็มที่

 

แล้วอะไรเป็นเหตุผล

ให้เกิดความชอบเกษตรกรรม??

สมัยเด็กเรียนระดับประถมศึกษา คุณเก่ง คุยกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนเกี่ยวกับการเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ บนบ่อปลา แล้วสงสัยว่าถ้าปลากินขี้หมู/ขี้ไก่ เป็นอาหารแล้ว คนจะนำปลาไปรับประทานได้หรือ??

ความสงสัยเช่นนี้ถูกปลูกฝังมายาวนานกว่า 30 ปี กระทั่งเขาโตขึ้น จึงแสวงหาความรู้จากตำรา เอกสารด้านการเกษตรที่เกี่ยวกับพืช/สัตว์ ทุกสำนัก พร้อมไปกับการแสวงหาความจริงด้วยการทดลอง ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ปลูกดอกไม้ ปลูกผัก ผลปรากฏว่ามีทั้งสำเร็จและล้มเหลว ซึ่งก็มิได้ท้อแท้หรือถอดใจเลย แต่กลับมุ่งมั่นเติมเต็มความรู้ ตลอดจนฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้น

คุณเก่ง มีมุมมองในเรื่องงานเกษตรที่น่าสนใจว่า เมื่อมีการพูดถึงภาคเกษตรกรรมแล้ว ภาพที่สะท้อนออกมามักมองเรื่องความยากจน แต่ถ้ามองให้ลึกในทุกมิติแล้วมันไม่ใช่เกิดขึ้นจากตัวอาชีพเกษตรกรรม เพียงแต่การทำการเกษตรอาจไม่มีรูปแบบคงที่ตายตัวอย่างในอดีตเท่านั้น หรือถ้ามองอีกอย่างว่า การทำเกษตรอาจเป็นตรรกะที่ต้องใช้ความรู้ การทดลอง เหมือนอย่างที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เนื่องจากงานเกษตรก็ถือเป็นศาสตร์ประเภทหนึ่งเช่นกันคือ ต้องมีการค้นหาเหตุและผลในคราวเดียว

วิศวกรรายนี้ชี้ว่า ถ้าชาวนาพยายามหาแนวทางการลดต้นทุนการทำนาให้น้อยลงอย่างเต็มที่ อาจเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยให้สำเร็จ โดยใช้กรอบแนวคิดคือ ความประหยัด ความจริง แล้วชาวนาทุกคนมีศักยภาพในการปลูกข้าวที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่อาจมีจุดอ่อนในเรื่องการสร้างแบบแผนที่ชัดเจน สมัยนี้เทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ทำให้เกิดความสะดวกสบาย ลดการใช้แรงงาน อย่างเช่น เครื่องหยอดข้าว ที่สามารถทำได้ 4-5 ไร่ ต่อวัน เพียงคนเดียว แถมยังลดการสูญเสียปริมาณข้าวจากการหว่าน ทำให้ช่วยลดต้นทุนได้มาก หรือแม้แต่แนวทางการใช้วิธีแกล้งข้าวที่ช่วยในเรื่องการลดการใช้น้ำ

“ฉะนั้น แนวทางแบบนี้ถ้าเลือกใช้อย่างถูกวิธี หรือจัดให้เป็นระบบแบบแผนจะเป็นเครื่องมือช่วยในเรื่องการทำนาได้อย่างดี อีกทั้งความทันสมัยเช่นนี้จึงทำให้ชาวนารุ่นใหม่สามารถวางแผนงานล่วงหน้าได้ทั้งการกำหนดเวลา และงบประมาณ ซึ่งต่างจากแนวทางในอดีต แต่ที่น่าวิตกคงเป็นเรื่องราคาขายที่ควบคุมไม่ได้เท่านั้น”

คุณเก่ง ไม่ได้เพียงแค่พูดและคิด เขาได้ลงมือปลูกข้าวด้วยตัวเอง ทั้งที่ไม่เคยปลูกมาก่อน ในเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ แถวชัยภูมิ ก่อนลงมือปลูกได้รับการดูแคลนจากหลายคนที่ต่างเชื่อว่าไม่มีทางทำสำเร็จ เพราะไม่เคยทำนามาก่อน แต่ก็มิได้โกรธเคืองประการใด แล้วยังถือเป็นตัวเร่งเพื่อกระตุ้นให้ต้องทำให้สำเร็จเพื่อลบคำสบประมาทเหล่านั้นให้จงได้

ก่อนลงมือทำมีการหาความรู้ หารายละเอียดพันธุ์ข้าวที่เหมาะสม คือพันธุ์อีเหลืองกับหอมมะลิ ดูวิธีปลูกจริงในยูทูป แล้วลงมือปลูกทันที เป็นนาหว่าน พอได้เวลาเกี่ยวหารถเกี่ยวไม่ได้ เลยตัดสินใจเกี่ยวเอง โดยพื้นที่ จำนวน 10 ไร่ ใช้เวลาเกี่ยวเองประมาณ 3 วัน ปรากฏว่าได้ผลดีในระดับมือใหม่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย ไร่ละ 200-300 กิโลกรัม และเป็นครั้งแรก จึงถือว่าสอบผ่านในฐานะชาวนามือใหม่ เพราะระหว่างปลูกข้าวต้องทำงานประจำไปด้วย

 

ทำแปลงทดลอง

ปลูกมะนาว หาพันธุ์เหมาะ

เพื่อปลูกเป็นการค้า

พอเสร็จจากข้าว คุณเก่ง หันมาสนใจเรื่องมะนาวต่อ แล้วศึกษาเรื่องการปลูกมะนาวด้วยการซื้อตำรา เอกสาร หนังสือทุกชนิดมาอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ที่ติดตามอยู่เป็นประจำเกือบทุกเล่ม              

คุณอาวุธ มองมะนาวว่าเป็นพืชที่ไม่เคยโกหกมาตั้งแต่เด็กจนโต โดยพบความจริงอยู่เป็นประจำตรงที่ มะนาว มีราคาแพงมากในช่วงหน้าแล้ง แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมามีหลายคนเห็นปัญหาตรงนี้แล้วใช้โอกาสด้วยการบังคับมะนาวให้ออกนอกฤดู แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้แก้ไข จนทำให้ราคาถูกลงมาก แต่คงต้องใช้เวลาให้ยาวนานกว่านี้อาจเห็นความเปลี่ยนแปลง

เพื่อเป็นการค้นหาความจริง คุณเก่ง จึงทำแปลงทดลองปลูกมะนาวในวงบ่อที่บ้านพักจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 20 บ่อ โดยวางแผนการปลูกด้วยการผสมผสานหลักคิดทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลา เหตุผลที่คุณเก่งทำเช่นนี้เพราะต้องการหาข้อมูลมะนาว เพื่อเปรียบใช้ปลูกเชิงการค้าต่อไป

เริ่มจากการกำหนดดินปลูกให้เป็นชั้นๆ เพื่อเป็นการสะสมธาตุอาหาร เช่น ชั้นดิน ชั้นปุ๋ย และชั้นแกลบ และต้องวางระบบน้ำให้มีประสิทธิภาพ แล้วการเลือกสายพันธุ์ก็มีส่วนสำคัญ ดังนั้น ถ้านำปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มาบูรณาการให้เหมาะสมกัน ก็น่าจะสัมฤทธิผลได้ไม่ยาก

สำหรับพันธุ์มะนาวในแปลงทดลองนี้ เลือกมา จำนวน 3 พันธุ์ ได้แก่ แป้นรำไพ เอี้ยมเซ้ง (ซื้อต้นพันธุ์มาจากเทคโนฯ) และแป้นพิจิตร เพราะต้องการเปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย ของแต่ละพันธุ์ ทั้งเรื่องการทนโรค การให้ผลผลิต ความทนแล้ง                  

ภายหลังจากลงมือปลูกไปได้สักพักหนึ่งพบว่า แป้นพิจิตร ทนแคงเกอร์ได้ดี รองลงมาเป็นเอี้ยมเซ้ง ส่วนแป้นรำไพถือว่าอ่อนแอ แต่เมื่อมามองในเรื่องคุณภาพ ปรากฏว่า แป้นรำไพ ให้ความสมบูรณ์ดีมาก แป้นพิจิตรมีลักษณะผลสวยแต่เปลือกหนา ส่วนเอี้ยมเซ้งเปลือกบาง น้ำดี

สำหรับผลผลิตที่ได้จากแปลงทดลองในปีแรก แป้นพิจิตร ได้จำนวน 500 ผล ต่อต้น เอี้ยมเซ้ง ได้จำนวนใกล้เคียงกับแป้นพิจิตร ส่วนแป้นรำไพได้น้อยมาก ซึ่งต้องกลับไปค้นหาสาเหตุก่อนว่าเกิดจากอะไร ดังนั้น ผลที่เกิดขึ้นจากแปลงทดลองจึงเป็นข้อสรุป และข้อมูลตัดสินเพื่อนำพันธุ์ที่เหมาะสมมาปลูกในเชิงการค้าต่อไป

การใส่ปุ๋ยมะนาวเป็นปุ๋ยตัวหน้าสูง จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 1-2 สัปดาห์ นอกจากนั้น ใส่ปุ๋ยคอก ส่วนการให้น้ำในช่วงปลูกต้องให้ทุกวัน และดูแลเช่นนี้ไปเป็นเวลา 8 เดือน พอเข้าถึงเดือนกันยายน-ตุลาคม จึงเริ่มทำนอกฤดูด้วยการหยุดให้น้ำเด็ดขาด แต่ด้วยความที่ตัวเองทำงานอยู่กรุงเทพฯ จึงต้องใช้วิธีโทรศัพท์กลับไปบอกทางบ้านว่าไม่ต้องรดน้ำต้นมะนาวเลย

เมื่อสังเกตว่าเริ่มมีใบเหี่ยวงอ แล้วร่วง ต้นดูโทรม เป็นสัญญาณบอกว่าต้นมะนาวขาดน้ำเต็มที่ จึงเริ่มให้น้ำและปุ๋ยสูตร 16-16-16 ทันที เมื่อออกดอก พบว่า แป้นพิจิตรกับเอี้ยมเซ้ง ให้ดอกดกมาก แต่แป้นรำไพมีน้อย พอเข้าเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ผลมะนาวเริ่มมีขนาดใหญ่เก็บได้ 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงให้ดอกไปจนถึงติดผล ไม่มีการบำรุงต้นอะไรเลย เพราะเห็นว่าเป็นแปลงทดลอง เพียงแต่ต้องการหาข้อมูลที่แท้จริงมากกว่า เพื่อเป็นแนวทางการวางแผนปลูกมะนาวพันธุ์ที่เหมาะสมกับตลาดอย่างจริงจัง พร้อมไปกับต้องการสรรหาพันธุ์แปลกใหม่เข้ามาปลูกเพื่อ เพาะ-ขยาย ต่อไป

 

สนใจปลูก เพกา เพื่อการค้า

ต้นเพกา หรือ ลิ้นฟ้า คือพันธุ์ไม้ชนิดต่อไปที่คุณเก่งสนใจต่อจากมะนาว เขาบอกว่า ความจริงไม้ชนิดนี้ปลูกตามหัวไร่ปลายนา แต่คนมักมองข้ามความสำคัญของไม้ชนิดนี้ หากไปเดินตามตลาดมักหายาก ดังนั้น คุณเก่งจึงมองพืชชนิดนี้ทางการตลาด เพราะหายากและมีราคาดีมาก เนื่องจากเป็นพืชสมุนไพร ทั้งนี้ เพราะมีเพื่อนปลูกอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี มีขนาดยาวมากเป็นเมตร

เพกา หรือ ลิ้นฟ้า
เพกา หรือ ลิ้นฟ้า

คุณเก่ง ปลูกเพกาพันธุ์เตี้ย ปลูกมาได้ปีกว่าแล้ว เป็นพืชที่ปลูกไม่ยาก เพียงแต่ไม่ควรให้ขาดน้ำ ในกรณีที่ต้องการเร่งให้เจริญเติบโตและมีผลผลิตรวดเร็ว ควรใส่ปุ๋ยเดือนละครั้ง ปลูกลงดินระยะระหว่างต้น 2 เมตร ต้นพันธุ์ที่ซื้อมาเพาะจากเมล็ด ราคาต้นละ 20 บาท ขณะนี้ปลูกเพกาไว้ จำนวน 20 ต้น และเป็นพืชที่ปลูกในลักษณะการทดลองเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ปลูกเพกา เพราะต้องการเพาะขายต้นพันธุ์

หลักคิดการทำเกษตรของคุณเก่งจะให้ความสำคัญไปที่การลดต้นทุน เพื่อเพิ่มรายได้ ทั้งนี้ คุณเก่งบอกว่าเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะถูกปลูกฝังแนวคิดมาจากสาขาวิชาที่ร่ำเรียน ซึ่งพยายามหาวิธีลดต้นทุนในเชิงอุตสาหกรรม หาวิธีทำให้ประหยัด และเกิดความแข็งแรง เลยทำให้มีความคิดประยุกต์แล้วนำมาปรับใช้ในวงการเกษตรกรรม

คุณเก่ง วางแผนชีวิตไว้ว่า ในอนาคตคงเดินหน้าทำสวนเกษตรเต็มตัว แล้วต้องการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ทั้งนี้เพราะมองว่าการปลูกพืชควรมีความหลากหลาย เพราะพืชแต่ละชนิดมีลักษณะทางธรรมชาติต่างกัน อีกทั้งความเป็นสวนผสมผสาน สามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าได้ทุกตารางนิ้ว เพียงแต่ว่าจะหยิบจับอะไรขึ้นมาทำเท่านั้น อย่างที่ผมทดลองทำอยู่ คือระหว่างต้นมะนาวได้ปลูกพืชอื่นแซม เพื่อเป็นการไม่ปล่อยให้พื้นที่ว่างโดยไร้ประโยชน์

เนื้อที่บ้าน จำนวน 1 ไร่ คุณเก่ง แบ่งมาทำแปลงทดลองปลูกพืชชนิดต่างๆ ประมาณ 1 งาน โดยตอนนี้ยังไม่คิดทำในเชิงธุรกิจ เพราะอยู่ระหว่างการทดลองศึกษาหาข้อมูล เสมือนเป็นห้องเรียน

ปัจจุบัน คุณเก่ง ลาออกจากการเป็นวิศวกรคุมงานก่อสร้างแล้ว และไปเปิดร้านอาหารหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ โดยได้นำไม้ผลอย่างมะนาว รวมถึงพืชผักชนิดอื่นมาใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ถือเป็นการยึดหลักแนวคิดของการลดต้นทุน ทำให้ประหยัด สร้างกำไรเพิ่ม

 

ถึงแม้คุณเก่งจะไม่ได้ร่ำเรียนหรือคลุกคลีกับแวดวงเกษตรอย่างชนิดเข้มข้น แต่ด้วยความมีใจรัก การใฝ่รู้ การเสาะแสวงหาข้อมูลในแหล่งต่างๆ ตลอดถึงการนำหลักคิดของความมีเหตุและผลเข้ามาวิเคราะห์ กระทั่งนำไปสู่ความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ฉะนั้น การแสดงความคิดของเขา ถือเป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจ…ใครที่สนใจต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูล โทรศัพท์ไปหา คุณเก่ง (คุณอาวุธ ลึกมณี) ที่ โทร. (091) 490-7611