ตามไปดูอาชีพเสริม ‘ลุงแดง’ ปลูกเมล่อนญี่ปุ่น ขายรายได้ปีละสองแสน

ในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ “อาชีพเสริม” คงถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว คุณวชิระ พันธุ์ทอง หรือ “ลุงแดง” วัย 62 ปี บัณฑิตจากวิทยาลัยครูเพชรบุรี เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว เจ้าของร้าน “วิศวกรเครื่องเย็น” ซึ่งจำหน่าย ติดตั้ง บำรุงรักษา และซ่อมอุปกรณ์เกี่ยวกับความเย็น ทั้งเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ตู้แช่ต่างๆ เป็นอีกคนหนึ่งที่หันมาทำอาชีพเสริมด้วยการปลูกเมล่อน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว

คุณวชิระ พันธุ์ทอง หรือ ลุงแดง

คุณวชิระ พันธุ์ทอง หรือ ลุงแดง พักอยู่บ้านเลขที่ 57/2 หมู่ที่ 9 ตำบลตากแดด อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เล่าว่า เมื่อเดือนมิถุนายน 2559 ได้ไปซื้อเมล็ดผักในตลาดชุมพร เพื่อนำมาปลูกไว้กินเองในครอบครัว แล้วเห็นเมล็ดพันธุ์เมล่อนซึ่งนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นเป็นซอง จึงลองซื้อมาปลูกดู โดยเริ่มแรกได้ปลูกเมล่อนพันธุ์ Lady Gold ประมาณ 25 ต้น แบ่งเป็น 2 แถว ในพื้นที่หลังบ้านนอกโรงเรือน ซึ่งรูปบนซองเนื้อเมล่อนเป็นสีส้ม แต่พอนำมาปลูกเนื้อเมล่อนกลับเป็นสีเขียว จึงรู้สึกผิดหวังมาก จากนั้นจึงลองศึกษาทางอินเตอร์เน็ต และสนใจเมล่อนญี่ปุ่น พันธุ์ Green Net จึงซื้อมา 1 ซอง ซองละ 200 บาท น้ำหนัก 1 ขีด มีประมาณ 100 เมล็ด ส่วนปุ๋ยที่ใช้คือ ปุ๋ย AB ซึ่งเป็นปุ๋ยเคมีที่ผสมเอง โดยเอาปุ๋ยแต่ละชนิดมาผสมกัน แล้วทดลองหลายๆ ครั้ง และปลูก 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง รวมเป็นปีละ 4 ครั้ง

เมล่อนในโรงเรือน

“ปีแรกไม่ประสบความสำเร็จ มีปัญหาทั้งเรื่องน้ำ เรื่องปุ๋ย ที่สำคัญคือ เมล่อนเป็นพืชจากญี่ปุ่น ซึ่งอากาศไม่เหมือนเมืองไทย แต่เราไม่ได้ให้ความสนใจอย่างจริงจัง จึงต้องให้ความสนใจมากขึ้น จะปลูกทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้ จากนั้นก็พยายามพัฒนาเรื่องน้ำ ปุ๋ย อากาศ แบบลองผิดลองถูก เรียนรู้จากอินเตอร์เน็ตมาเรื่อยๆ จนเข้าสู่ปีที่ 2 คือปี 2560 ผลผลิตก็เริ่มดีขึ้น ได้ความหวานประมาณ 14 บริกซ์ (Brix – หน่วยวัดความหวาน ที่วัดจากเนื้อเมล่อนส่วนกลาง) วันใดฝนตกหนักหรือมีแสงแดดแค่ 30% เราก็จะไม่ปลูก เพราะความหวานของเมล่อนจะไม่ถึง 14 บริกซ์ เมล่อนต้องการแสงแดดวันละประมาณ 10 ชั่วโมง และอุณหภูมิ 30-40 องศาเซลเซียส” ลุงแดง กล่าว

แผ่นดักแมลง

พื้นที่ที่ใช้ในการปลูกเมล่อน ลุงแดง เปิดเผยว่า มีที่ดินประมาณ 1.5 ไร่ ปลูกทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง แล้วแบ่งมาทำโรงเรือนเมล่อน 2 โรง โรงแรกมีขนาด 6.8×15 เมตร ปลูกเมล่อน พันธุ์ Ki-Mo-Ji ได้ 240 ต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 60,000 บาท ส่วนอีกโรงมีขนาด 6×8 เมตร ปลูกเมล่อน พันธุ์ Green Net ได้ 80 ต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000 กว่าบาท รวมทั้ง 2 โรง ก็ใช้เงินลงทุนประมาณ 60,000-70,000 บาทเท่านั้น สามารถเก็บผลผลิตเมล่อนได้ปีละ 4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 450 กิโลกรัม ขายได้กิโลกรัมละ 120 บาท เฉลี่ยมีรายได้จากเมล่อนปีละประมาณ 200,000 กว่าบาท

ผสมปุ๋ยในน้ำรด

“ขณะนี้เราปลูกเมล่อนเป็นรายได้เสริมเท่านั้น หากจะให้เป็นรายได้หลัก คงต้องขยายพื้นที่ปลูกให้มากกว่านี้ คนที่สนใจปลูกเมล่อนเป็นอาชีพหลัก คงต้องมีเวลาในการเรียนรู้และเอาใจใส่มันอย่างเต็มที่ เพราะกว่าจะสามารถปลูกเมล่อนจนส่งขายได้แบบนี้ ต้องลองผิดลองถูกมาประมาณ 1 ปี ส่วนเรื่องตลาดรับซื้อเมล่อนนั้นไม่ต้องกังวล เพราะถ้าเมล่อนของเรามีคุณภาพ ลูกค้าก็จะติดต่อเข้ามาขอซื้อจากเราเอง แต่ข้อเสียก็คือ เมื่อเมล่อนต้นหนึ่งให้ลูกแล้วก็จะตาย เราต้องรื้อทิ้งแล้วปลูกใหม่ทันที ซึ่งช่วงที่เมล่อนออกผลได้ประมาณ 25 วัน เราก็จะเพาะชุดใหม่ไว้ด้านนอกเพื่อเตรียมนำเข้ามาแทนที่เป็นชุดต่อไป” ลุงแดง เล่า

ผสมเกสร

ลุงแดง ยังสาธิตการผสมเกสรเมล่อนระหว่างดอกตัวผู้กับดอกตัวเมียโดยใช้พู่กัน การรดน้ำเมล่อน วันละ 10 ครั้ง ครั้งละ 1-2 นาที โดยใช้อุปกรณ์ตั้งเวลาปิด-เปิดน้ำ

การป้องกันแมลงขนาดเล็กที่อาจจะหลุดลอดเข้ามาในโรงเรือนกางมุ้ง โดยใช้แผ่นฟิวเจอร์บอร์ด (Future Board) สีเหลืองที่สีเหมือนดอกเมล่อน ทากาวแขวนไว้ตามจุดต่างๆ ในโรงเรือน

ผลผลิตเมล่อน

การผสมปุ๋ย การผสมสารไตรโคเดอร์มาลงในน้ำ การใช้กรดไนตริกปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ของน้ำประปาที่ใช้รดเมล่อน การให้ออกซิเจนในน้ำ และเคล็ดลับต่างๆ ในการปลูกเมล่อนให้ได้ผลดี

ขายได้ราคาดี

ผู้สนใจที่อยากจะปลูกเมล่อนเป็นอาชีพหลักหรือลองปลูกเป็นรายได้เสริมก่อน ลุงแดงก็พร้อมให้คำแนะนำอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการหวงวิชา ซึ่งขณะนี้เริ่มมีผู้สนใจเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรือนปลูกเมล่อนของลุงแดงบ้างเป็นครั้งคราว โดยสามารถติดต่อนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ โทรศัพท์ 081-538-7832 หรือจะลองเข้าไปเยี่ยมชมแฟนเพจ “โปรดปรานเมล่อนฟาร์ม” ของลุงแดงก่อนก็ได้

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก  เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2562