วังน้ำเขียว ในวันที่ลมหนาวยังพัดพรู

สวัสดีท่านผู้อ่านที่รักทุกท่านครับ ในวันที่กำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ลมหนาวพัดพรูจนขนแขนสแตนด์อัพ ผมมายืนอยู่ในจุดที่เขาว่ากันว่าเป็นแหล่งโอโซนที่ดีมากๆ นั่นคือ วังน้ำเขียว อดแปลกใจกับสภาพอากาศมิได้ ปลายเดือนมกราคม จากอากาศที่เริ่มทิ้งหนาวเข้าสู่ร้อนแต่กลับมีความหนาวหวนกลับมาอีกครั้ง ก็ชอบใจสิครับ ได้ไอหนาวพอให้กระชุ่มกระชวย

น้าอ้วน บ้านเกษตรพอเพียง

วังน้ำเขียว เป็นหนึ่งในพื้นที่สำหรับคอนักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด ไม่ว่าจะเป็นสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับพื้นราบ มีการทิ้งระดับอย่างสวยงาม น้ำท่าก็อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องพูดถึงอากาศที่สูดได้อย่างสบายปอดยิ่งนัก อุณหภูมิในยามเย็นจนถึงมืดค่ำยังอยู่ที่ 12-14 องศาเซลเซียส ได้เสื้อกันหนาวสักตัวพร้อมกองไฟน้อยๆ สักกอง ก็คงมีเรื่องราวในการใช้ชีวิตกลางแจ้งได้ไม่น้อย ที่สำคัญ ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เดินทางมาได้หลายเส้นทาง ทำให้วันนี้วังน้ำเขียวยังเป็นสถานที่ๆ เราอาจไปเจอเพื่อนเก่าได้ไม่ยาก ดังสโลแกน ใครๆ ก็ไปวังน้ำเขียว

ความดกของฝรั่งหงเป่าสือ

ผมมีนัดกับ น้าอ้วน บ้านเกษตรพอเพียง ณัฏฐวุธ กลางอรัญ โทร. (098) 261-3412 แกบอกว่า จะชวนไปชิมเสาวรสที่หวาน หอมอร่อยสุดๆ พร้อมกับฝรั่ง ที่เริ่มให้ผลผลิตบ้างแล้ว รวมถึงยังมีผลไม้อื่นๆ ที่เริ่มปลูกในพื้นที่ และที่สำคัญ ไปช่วยบันทึกไว้หน่อยว่าต่อจากนี้ วังน้ำเขียวจะมีผลผลิตที่เป็นผลไม้สุดอร่อย หลากหลาย และมีปริมาณเพียงพอต่อผู้บริโภคที่เป็นนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

ที่ สวนสุชาดารีสอร์ท ก่อนนั้นเป็นสวนเกษตรที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีแปลงองุ่นไร้เมล็ด กล้วยไม้ โรงเรือนปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ และที่เป็นจุดเด่นของที่นี่คือ ปลูกดอกหน้าวัวหลากหลายสายพันธุ์ ปัจจุบัน สวนแห่งนี้ได้ขยับขยายเป็นธุรกิจรีสอร์ตในนาม สวนสุชาดา การ์เด้นลอดจ์ ในพื้นที่อันสวยงามที่เรียกว่าสวิตเซอร์แลนด์แดนอีสานกระนั้น และได้เปลี่ยนจากการปลูกไม้ต่างๆ ดังที่เคยทำ มาเป็นสวนฝรั่ง โดยเน้นสายพันธุ์หงเป่าสือที่แปลงแรกลงปลูกไปแล้วกว่า 500 ต้น และยังมีน้อยหน่าสับปะรด เสาวรสหวานพันธุ์หม่านเทียนซิน พุทราน้ำอ้อย ทุเรียน มัลเบอรี่ ฟิกส์ เลม่อน และที่ยังคงปลูกอยู่ตลอดก็คือผักไฮโดรโปนิกส์

แปลงขยายพันธุ์

ในแปลงฝรั่งหงเป่าสือ น้าอ้วน ปลูกในระยะ 3×3 พื้นที่ 1 ไร่ ก็ปลูกได้ประมาณ 177 ต้น โดยใช้ต้นพันธุ์จากการทาบกิ่งจากสวนที่หนองเสือ มาปลูก ระยะ 3 เดือนแรกคือ การสร้างราก แต่พอผ่านไปจะเริ่มแตกกิ่งก้านสาขาและเริ่มติดดอกออกผล ซึ่งน้าอ้วนบอกว่า อย่าใจร้อนให้เด็ดทิ้งไปก่อน รอให้ต้นสมบูรณ์จึงปล่อยให้ติดผล และในวันที่เราไปชมในพื้นที่นั้น ผลผลิตชุดแรกก็เริ่มมีให้ได้ชิม ความกรอบ หวาน หอม ไม่เป็นสองรองใคร แต่จุดเด่นมากๆ คือเมล็ดน้อยมาก เนื้อในสีแดงสวยงาม ติดผลดกมากจนต้องปลิดทิ้ง การให้ปุ๋ยก็เน้นผสมผสาน แรกๆ ก็ให้ทั้งปุ๋ยสูตรเสมอและมูลสัตว์แห้ง น้ำต้องไม่ขาด ให้วันละประมาณ 15 นาที ให้ดินชุ่ม ตัดแต่งให้กิ่งโปร่งพอที่แดดส่องไปถึงทั่ว พอพ้น 6 เดือน ก็เริ่มให้ติดผลอย่างจริงจังได้เลย

บุกชิมถึงสวน

“ทำไมน้าจึงเน้นแค่พันธุ์นี้ครับ”

“หงเป่าสือ เป็นฝรั่งที่ดก ผลทรงสวยและสม่ำเสมอ เนื้อในสีแดง เมล็ดน้อย รสหวานมีเจือเปรี้ยวในแบบที่คนชอบ กลิ่นหอม ที่สำคัญสุดๆ ใครชิมก็ชอบครับ ดังนั้นเราต้องปลูกไอ้ที่คนชอบกินนี่แหละ รับรองขายได้”

“ดูแลยากไหมครับ”

“ก็ฝรั่งน่ะพี่ ไม่ต้องอะไรมาก ขอแค่เตรียมดินให้ดี มีต้นพันธุ์ที่ดี มีน้ำ ให้ปุ๋ย ดูแลเอาใจใส่ไม่ต้องมากแต่ต้องดู รับรองได้กินแน่นอน”

เสาวรสหม่านเทียนซิน ดกอลังการ

น้าอ้วน พาไปดูอีกแปลงใกล้ๆ กัน เสาวรสเลื้อยค้างอย่างสวยงาม ใบที่เขียวสด แสดงให้เห็นว่ามีการดูแลและบำรุงต้นเป็นอย่างดี พอเดินเข้าไปในซุ้มและเงยหน้าขึ้นมองเท่านั้นแหละ โอ้โห! ดกดื่นชื่นสายตายิ่งนัก นี่หรือที่เขาลือกันนัก เสาวรสหม่านเทียนซิน ดกมากๆ ที่สำคัญ ออกดอกออกผลต่อเนื่องไม่ว่างเว้นเลย พี่เกรียงไกร พีระนที อธิบายถึงชื่อเสาวรสสายพันธุ์นี้ว่า

“หม่าน แปลว่า เต็ม, เทียน แปลว่า ฟ้า, ซิน แปลว่า ดาว แปลตรงๆ ก็คือ ดาวเต็มฟ้า”

“เออ! ใช่เลยพี่ ดกเหมือนดาวเต็มท้องฟ้าเลย”

“ไม่ใช่ครับ ลองดูที่ผิวเขาสิ มีจุดๆๆๆๆ เหมือนดวงดาวเลย สวยงามตั้งแต่ผิวแล้ว หากลองชิมก็คงไม่วางมือแน่ๆ”

ตอนกิ่งขยายพันธุ์เสาวรส

ผมไม่ค่อยเชื่อใครง่ายๆ ของแบบนี้ต้องลองให้รู้ เด็ดสดๆ จากต้น ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าเถาสิเนอะ เด็ดปุ๊บใช้มีดผ่าปั๊บ จมูกทำงานก่อนใคร โอยๆๆๆๆ หอมมากครับ กลิ่นเสาวรสที่เคยคุ้นนี่แหละ แต่รู้เลยว่าไม่เปรี้ยวแน่ๆ ไม่ต้องโรยเกลือให้เสียเวลา ใช้ช้อนตักแล้วป้อนเข้าปาก อย่าว่าผมนะครับ ใจจริงไม่อยากบรรยายเลย เกรงต่อมน้ำลายท่านผู้อ่านจะทำงานหนัก กลิ่นหอม รสหวานเจือเปรี้ยวนิดๆ อร่อยเต็มรสจริงๆ ครับ พิเศษกว่านั้น น้าอ้วน พาเก็บเสาวรสและขับรถพาไปต่อที่ Mom’s Cottage ที่อยู่ไม่ไกลกัน

ภาพในสายตาข้างหน้าของผมช่างงดงามมากมายเหลือเกิน ทุ่งกุหลาบหลากสีส่งกลิ่นหอมเป็นคำเชิญชวน ใครจะว่าผู้ชายอย่างไรก็ไม่ฟังแล้ว ผมปรี่ไปถ่ายรูปคู่กับกลุ่มดอกกุหลาบที่เห็นอยู่ข้างหน้า ยิ่งอยู่ใกล้กลิ่นยิ่งหอมจรุงใจ นี่ก็สวย นั่นก็งาม โน่นก็แสนละไม จนเกือบลืมไปว่าที่นี่มีร้านกาแฟสวยๆ สินค้าที่ระลึกเก๋ๆ ไว้จำหน่ายแก่ผู้มาเยือนด้วย น้าอ้วนยื่นแก้วผลไม้ปั่นให้ชิม

บรรยากาศที่ Mom’ Cottage

“อะไรน่ะน้า”

“หนึ่งในสิ่งที่ต้องลอง เมื่อมาที่นี่พี่ต้องลองน้ำเสาวรสปั่น เด็ดมาสดๆ แล้วก็ปั่นกันเดี๋ยวนี้ ชิมแล้วบอกหน่อยว่าเป็นอย่างไร นี่เราแปรรูปจากผลผลิตในสวนเราเองเลยนะ”

เพียงแรกสัมผัสแก้ว กลิ่นเสาวรสหม่านเทียนซินก็อวดความหอมในเอกลักษณ์ และเมื่อเสียบหลอดลงไปดูดเบาๆ

บรรยากาศสวยๆ

“พี่ๆ อย่าเว่อ ดูสิทำตาปรอยๆ ซะปานนั้น”

“น้าอ้วน นี่มันสุดจะฟินจริงๆ นะ รสชาติกำลังเหมาะ มีความหวานหอมเจือเปรี้ยวหน่อยๆ ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ”

“ชอบไหมล่ะ หากชอบก็ลงมือปลูกซะ ไม่ปลูกวันนี้พี่จะรอกินวันไหน”

“จะหาพันธุ์ที่ไหนล่ะโยม”

ที่พักในสวนสุชาดา การ์เด้นลอดจ์

“ที่นี่เราทำครบวงจรครับ ต้องขอบคุณพี่สุชาดาที่ท่านมองการณ์ไกล พอชิมแล้วชอบ ท่านก็บอกให้ลงมือปลูกเลย ปลูกแล้วชิมว่ารสชาติจากสวนเราอร่อยเหมือนต้นฉบับไหม”

“แล้วเป็นไงน้า”

“รสชาติอร่อยกว่าต้นฉบับอีกครับ ก็เลยขยายพันธุ์เพื่อขยายพื้นที่ปลูกกันไป แต่ก็มีบางส่วนที่แบ่งจำหน่ายด้วย”

เสาวรสปั่น ต้องมาชิมให้ได้อร่อยมาก

“ดีเลยน้า แบบนี้ลูกค้าที่มาชิมแล้วชอบก็สามารถซื้อไปปลูกกันได้เนอะ แล้วเขาจะทำเป็นไหมล่ะ”
“มาเถอะผมสอนให้ไปปลูกกันได้แน่นอน ยิ่งใครบอกว่าอ่านมาจากหนังสือ หรือถือหนังสือเทคโนโลยีชาวบ้านเล่มนี้มาด้วยนะ พิเศษสุด แต่ไม่บอกว่าอะไร เอาเป็นว่าพิเศษกว่าคนอื่นๆ ก็พอ”

ขอบคุณ ภาพสวยๆ จากตากล้อง ผัก บุ้ง กี๋