ระวังเพลี้ยอ่อน-แมลงหวี่ขาวในพริก

สภาพอากาศร้อนตลอดวัน และมีแดดแรงในระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพริกให้เฝ้าระวังการระบาดของเพลี้ยอ่อน และแมลงหวี่ขาว มักพบการเข้าทำลายในระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตพริก สำหรับเพลี้ยอ่อน จะพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและยอด ทำให้ใบและยอดอ่อนหงิกงอ บิดเบี้ยวเป็นคลื่น ส่งผลทำให้ต้นพริกชะงักการเจริญเติบโต และยังเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคใบด่างในพริก ซึ่งจะระบาดในช่วงอากาศแห้งแล้ง

เกษตรกรควรใช้วิธีเขตกรรมในการกำจัดวัชพืชในแปลงไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก หากพบเพลี้ยอ่อนมีความหนาแน่น 10-20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ใบทั้งต้นจากจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ของต้นทั้งหมด ให้พ่นด้วยสารฆ่าแมลงอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอีโทเฟนพร็อกซ์ 20% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร และควรพ่นสารอย่างใดอย่างหนึ่ง

แมลงหวี่ขาว มักพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน และยังเป็นพาหะนำโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้ใบพริกหงิกซีดด่าง หรือใบหงิกเหลือง ยอดไม่เจริญ และต้นพริกไม่สมบูรณ์ ผลพริกที่ได้ไม่มีคุณภาพ หากพบให้ใช้สารฆ่าแมลงใช้สารฆ่าแมลงอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยสามารถพ่นซ้ำ ได้ตามการระบาด