สมยศ บ่อหิน ปลูกส้มสายน้ำผึ้ง ที่บึงกาฬ สร้างรายได้เฉียดล้านต่อปี

ลบภาพจำการปลูกส้มที่เคยมีมา จากที่เมื่อก่อนหลายท่านคิดว่า ส้มจะปลูกให้ดีได้ต้องปลูกที่ภาคเหนือเท่านั้น แต่ในปัจจุบันได้มีเกษตรกรรุ่นใหม่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “ส้ม” สามารถปลูกบนพื้นที่ใดก็ได้ แม้แต่สภาพพื้นที่เป็นดินทรายอย่างทางภาคอีสานก็สามารถปลูกส้มให้ได้ผลผลิตดีและมีคุณภาพได้แล้ว เพียงต้องอาศัยเทคนิคและความขยันในการปรับปรุงบำรุงดินสักหน่อย

คุณสมยศ บ่อหิน อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 2 ตำบลเซกา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ เกษตรกรคนเก่งผู้พลิกผืนดินทรายมาปลูกส้มสายน้ำผึ้ง แถมยังได้ส้มคุณภาพดี อย่างที่ปลูกในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย

คุณสมยศ เล่าว่า ก่อนที่จะมาทำสวนส้ม ตนประกอบอาชีพวิ่งรถขายเคมีเกษตรมาก่อน ซึ่งในขณะนั้นได้พบเจอกับเกษตรกรมากหน้าหลายตา จนวันหนึ่งมีโอกาสเข้าไปขายเคมีเกษตรในสวนส้มที่อำเภอฝาง ได้ไปเจอกับเกษตรกรผู้ที่คร่ำหวอดในวงการส้ม เขาให้ความรู้เรื่องการปลูกส้มมามากมาย ก็ได้มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากตรงนั้นมาวันละเล็กวันละน้อย จนสามารถชวนพี่ที่สนิทกันหาเช่าพื้นที่ทดลองทำสวนส้มที่อำเภอฝางแล้วค่อนข้างได้ผลดี จึงได้ทดลองนำมาปลูกที่บ้านจังหวัดบึงกาฬบ้าง ปลูกไปปลูกมาเริ่มติดใจและประกอบกับที่ช่วงนั้นอาชีพค้าขายเคมีเกษตรเริ่มทำได้ยากขึ้นในเรื่องของการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ต่างๆ จึงตัดสินใจเลิกขาย แล้วกลับมาบ้านเพื่อทำสวนส้มอย่างเต็มตัว

คุณสมยศ บ่อหิน

มือใหม่หัดปลูกส้มสายน้ำผึ้ง 5 ไร่ ที่บึงกาฬ
สร้างรายได้เฉียดล้าน

คุณสมยศ บอกว่า หลังจากที่ทดลองนำส้มมาปลูกที่บ้านจังหวัดบึงกาฬ ถือว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่ไม่ต้องใช้เวลาลองผิดนาน เพราะมีผู้เชี่ยวชาญที่สะสมประสบการณ์มาหลายสิบปีคอยแนะนำทางลัดให้ นับเวลามาถึงปัจจุบันก็ปลูกส้มมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี มีพื้นที่ปลูกส้มทั้งหมด 5 ไร่ หรือประมาณ 535 ต้น โดยส้มที่เลือกปลูกเป็นส้มสายน้ำผึ้ง ได้ผลดีมาเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากเน้นการป้องกันมากกว่าให้เกิดก่อนแล้วค่อยแก้ปัญหา แบบนี้จะยับยั้งโรคได้ยากกว่า

ถ้าถามถึงสาเหตุว่า ทำไม ถึงมาเลือกปลูกส้มที่ภาคอีสาน ก็ต้องบอกว่า ใช้ความเสี่ยงผสมกับความน่าจะเป็นด้วย เพราะจากที่สังเกตมาแล้วว่าสภาพอากาศที่ภาคเหนือก็คล้ายๆ กับอากาศทางภาคอีสาน มีร้อน มีฝน มีหนาว เหมือนกัน จึงเริ่มนำมาปลูก เลยไม่คิดมาก ปลูกครั้งแรกก็เริ่มปลูกแบบเต็มพื้นที่เลย คือ 5 ไร่ ปลูกทั้งที่สภาพพื้นดินเป็นดินทราย แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะสภาพดินสามารถปรับปรุงเติมธาตุอาหารเข้าไปได้เรื่อยๆ หลักๆ จะเป็นปุ๋ยคอก ขี้วัว มีใส่ปุ๋ยเคมีบ้างเล็กน้อย

ลูกใหญ่ ผิวสวย เหลืองอร่าม

เทคนิคการปลูกส้มบนพื้นที่ดินทรายให้ได้ผลผลิตดี

การเตรียมดิน… พื้นที่ปลูกตรงนี้เคยเป็นพื้นที่ทำนามาก่อน จึงจำเป็นต้องมีการยกร่องเพื่อให้ระบายน้ำได้ดี ไม่ให้มีน้ำท่วมขัง ขุดเตรียมดินโดยการใช้ปุ๋ยคอกคลุกกับโดโลไมท์ไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจึงค่อยนำต้นกล้ามาลงปลูก

ขุดหลุม… ถ้าเป็นกิ่งตอนไม่ต้องขุดลึกมากเอาแค่พอถมรากได้แล้วเสียบหลักเลย แต่ถ้าเป็นกิ่งชำจะต้องขุดลึกกว่าเดิมอีกหน่อย เผื่อไว้สำหรับถุงดำ หลังจากนั้นประมาณสัก 3-4 เดือน ค่อยใส่ปุ๋ย ใส่ครั้งแรกจะไม่ใช้วิธีการหว่าน แต่จะใช้วิธีการฝัง ใช้ไม้เสียบแล้วหยอดปุ๋ยลงไป

ระยะห่างระหว่างต้น… ที่สวนจะปลูกถี่หน่อย คือระยะ 3×4 เมตร แต่ถ้าจะให้ดีต้องเป็นระยะ 4×4 เมตร หรือ 4×5 เมตร เพื่อไม่ให้ต้นชนกัน แสงจะเข้าถึงจะช่วยลดการเกิดเชื้อรา และช่วยการออกดอกของส้มได้ดีอีกด้วย

ระยะห่างระหว่างต้น 3×4 เมตร

ระบบน้ำ… สายพีอี ปล่อยน้ำพุ่งไปที่ต้น แต่ส่วนมากจะเริ่มปลูกส้มกันในช่วงฤดูฝน หรือช่วงก่อนฤดูฝนสักนิดอยู่แล้ว ช่วงนี้ก็ยังไม่ต้องดูแลรดน้ำอะไรมาก แต่ถ้าหมดหน้าฝนไปแล้วน้ำถือเป็นหัวใจสำคัญในการปลูกส้มเลย ถ้าไม่มีน้ำก็ปลูกส้มไม่สำเร็จ ถ้าส้มขาดน้ำจะเกิดปัญหา ใบสลด ลูกร่วง ลูกเป็นมะกรูด ผิวไม่สม่ำเสมอ ซังขม และถ้าเป็นช่วงดอกก็จะร่วง ส่งผลไปถึงส้มในฤดู คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ทางที่ดีควรรดน้ำทุกวัน หรือรดแบบวันเว้นวัน และการให้น้ำต้องดูอาการของใบเป็นหลักด้วย ถ้าใบเริ่มสลดก็ให้รดได้เลย ถ้าเป็นส้มเล็กไม่มีพืชพี่เลี้ยงต้องให้วันเว้นวัน หรือถ้าเป็นช่วงหน้าแล้งจริงๆ ก็ให้ใช้ฟางหรือเศษหญ้ามาคลุมเพื่อรักษาความชื้นให้อยู่ได้นาน

ระบบน้ำสายพีอี น้ำพุ่งเข้าหาต้น

ปุ๋ย… ถ้าเป็นส้มเล็ก จะใส่ช่วงก่อนฝน และช่วงหลังฝน สูตร 25-7-7 หรือสูตรเสมอ ปริมาณการใช้ไม่มาก ประมาณ 1 กำมือ การใส่ไม่ต้องโรยตรงโคนต้น แต่ให้โรยรอบๆ และต้องคอยสังเกตอาการของใบด้วย ถ้าเริ่มรู้สึกว่าใบมีอาการหิวปุ๋ยก็ต้องใส่เพิ่มเข้าไป ส่วนมากใบจะฟ้องถึงค่อยใส่ แต่บางคนใส่ปุ๋ยทุกเดือนก็มี เพื่อเร่งให้โตเร็วๆ

หลังจากนั้น เมื่อเริ่มมีดอก มีลูก เริ่มจะไว้ผล ก็เริ่มใส่ปุ๋ย 15-0-0 แคลเซียม บวกกับสูตรเสมอ 15-15-15 ประมาณนี้

การใส่ปุ๋ย แบ่งเป็นช่วง เมษายน-พฤษภาคม ใส่ปุ๋ย ครั้งที่ 1 มิถุนายน-สิงหาคม ไม่ต้องใส่ เพราะเป็นหน้าฝน และจะทำให้เกิดโรคแคงเกอร์ หลังจากนั้นเริ่มใส่ปุ๋ยอีกครั้งเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน

ระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต… ขึ้นอยู่ที่การดูแล ตัวอย่างที่สวนเริ่มเก็บผลผลิตได้ตอนอายุ 3 ปี เก็บได้นิดหน่อย ปีที่ 4 พอได้เพิ่มขึ้นมาอีกนิด มาเข้าสู่ปีที่ 5 ก็คือปีนี้ ผลผลิตเริ่มออกตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถือว่าผลผลิตดก แต่ทรงพุ่มยังไม่โต เก็บผลผลิตได้ประมาณ 10 ตัน ต่อ 5 ไร่ ผลผลิตต่อต้น 1-2 ตะกร้า ถ้าทรงพุ่มใหญ่หน่อย จะได้ผลผลิตประมาณ 3-4 ตะกร้า ต่อต้น 1 ตะกร้า น้ำหนักประมาณ 22 กิโลกรัม คูณ 500 ต้น ก็ประมาณ 20 ตัน ผลผลิตออกมาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ

โรคแมลง… หลักๆ มีเพลี้ยไฟไรแดง หนอนชอนใบ เชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุให้เกิดโรคแคงเกอร์ และโรคราสีชมพู วิธีแก้คือ ต้องพึ่งสารเคมี นำประสบการณ์ตอนที่ขายเคมีภัณฑ์มาใช้ ก็จะพอรู้ว่าใช้ตัวไหนแล้วได้ผลดี คือต้องใช้สลับไปเรื่อย

ดกเต็มต้น

รายได้จากการขายผลผลิต

ต่อปีถ้าผลผลิตออกมาดี ไม่เจอภัยธรรมชาติ ไม่เจอพายุลูกเห็บ ก็สามารถสร้างรายได้เกือบ 1 ล้านบาท วิธีคิดคำนวณแบบง่ายๆ คือ ปลูกส้ม 5 ไร่ เก็บได้ ต้นละ 2 ตะกร้า ปลูกอยู่ 500 ต้น น้ำหนักตะกร้าละ 22 กิโลกรัม คิดราคากิโลกรัมละ 40 บาท เป็นเงิน 800,000 บาท แต่ถ้าโชคดีขายได้กิโกรัมละ 50 บาท ทั้งหมด คิดเป็นเงิน 1 ล้านบาทพอดี เมื่อหักต้นทุนออกมาแล้วยังเหลือกำไรอยู่มาก เพราะทำเองทุกอย่าง ไม่มีคนงาน จะมีแค่ ค่าน้ำมัน ค่าน้ำ ค่าปุ๋ย ค่ายา รวมๆ แล้วประมาณ 200,000 บาท ต่อปี ถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดีกว่าการทำนามากๆ

สีสันสดใส น่ากิน

การตลาด

ลูกค้ากลุ่มหลักๆ มีทั้งลูกค้าออนไลน์ขายผ่านเฟซบุ๊ก และกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าทั้งในจังหวัดและใกล้เคียง ที่เริ่มรู้ข่าวว่าที่บึงกาฬมีสวนส้มสายน้ำผึ้งแล้ว หรือคนในพื้นที่จะเรียกว่า ส้มเซกา ราคาขายเองหน้าสวน ขายตามไซซ์ กิโลกรัมละ 50-60 บาท ยึดราคานี้เป็นหลัก ตลาดจะขายกิโลกรัมละ 80 บาท ที่สวนก็ยังขายราคาเดิม แต่ถ้าส้มออกมาดกมากขายในจังหวัดไม่หมด ก็จะมีตลาดรองรับ คือโทร.ให้แม่ค้าทางเหนือมารับ ราคาซื้อขายขึ้นอยู่กับตลาด ปีที่แล้วจะได้ราคาดี กิโลกรัมละ 30 กว่าบาท เพราะส้มที่สวนจะผิวสวย ลูกโต รสชาติจะหวานอมเปรี้ยว แม่ค้าจะชอบ เขาเลยให้ราคาดี

ช่วยกันดูแลสวนกับภรรยาสองคน

ฝากถึงเกษตรกร

“สำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่ไม่มีความรู้ในการทำเกษตรมาก่อนก็อยากให้ค่อยเป็นค่อยไป หมั่นศึกษาหาความรู้และทำให้เต็มที่ อย่าเอาผมเป็นตัวอย่าง ที่ปลูกทีเดียว 5 ไร่ เพราะคุณอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนผม ที่มีคนคอยให้คำปรึกษา และในความคิดผม ทำอะไรไม่ต้องทำหลายอย่าง แต่ทำอย่างเดียวแล้วทำให้ดีที่สุด เอาให้แตกฉาน ไปเรียนรู้ไปสัมผัส ไม่ต้องฟังคนอื่นมาก แต่ต้องเรียนรู้กับคนที่เขารู้จริง ถ้าทำได้ประสบความสำเร็จ อาชีพเกษตรกรรมจะเป็นอาชีพที่ให้ความสุขกับชีวิตได้มากที่สุด ได้ทำงานอยู่ที่บ้าน อยู่กับครอบครัว อยู่กับลูก อยู่กับภรรยา” คุณสมยศ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับท่านที่สนใจอยากเข้าเยี่ยมชมสวนส้มทรายเงินเซกาของ คุณสมยศ บ่อหิน หรือสนใจสั่งซื้อส้มเซกามาลองชิม ติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 096-168-6548

ภาพมุมสูงสวนส้มทรายเงินเซกา
คัดแยกไซซ์ส้ม
ลูกใหญ่ 8-9 ลูก น้ำหนัก 2 กิโลกรัม

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563