ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
คุณบริพัฒน์ ธัญอุดม อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 6 ตำบลโพนทอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่ทำสวนมะม่วงมาเกือบ 30 ปี และประสบผลสำเร็จกับการปลูกมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ ต่อมาจึงได้ทำการทดลองนำมะม่วงแก้วขมิ้นมาทดลองปลูกภายในสวน ซึ่งเขามองว่ามะม่วงชนิดนี้มีจุดเด่นหลายอย่างที่สามารถตอบโจทย์ในอนาคต เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะปลูกเพื่อสร้างรายได้อีกด้วย
ออกจากงานรับราชการ สู่ชีวิตเกษตรกรชาวสวน
คุณบริพัฒน์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในช่วงนั้นเขามีความคิดที่อยากจะทำสวน แต่คุณพ่อของเขาได้ทัดทานไว้เสียก่อน เพราะในสมัยก่อนนั้นยังมีความกังวลเรื่องราคาสินค้าเกษตรที่มีความไม่แน่นอน
“หลังเรียนจบพ่อรีบบอกผมเลยว่า อย่าเพิ่งรีบมาทำเลยสวน ราคาผลผลิตยังไม่ดีมากนัก ทำมาเดี๋ยวก็ลำบากในเรื่องตลาด ท่านก็เลยบอกผมว่าให้ไปหางานแบบอื่นทำก่อน เพื่อสร้างประสบการณ์ ผมก็เลยไปรับราชการอยู่ที่กระทรวงเกษตรฯ และก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา พอกลับมาจึงมาทำงานใช้ทุนให้หมด พอได้อายุประมาณ 39 ปี ผมก็ได้ลาออกมา เพื่อเตรียมตัวทำในสิ่งที่อยากทำตามความฝัน” คุณบริพัฒน์ กล่าว
เมื่อมีสิ่งที่ตั้งใจเป็นทุนเดิมในการอยากจะทำสวนอยู่แล้วเมื่อสมัยเรียนจบ คุณบริพัฒน์ บอกว่า จึงได้นำเงินทั้งหมดที่เก็บสะสมจากการทำงานมาลงทุนทำสวนมะม่วง ซึ่งทั้งสวนก็จะมีพันธุ์มะม่วงปลูกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงฟ้าลั่น และมะม่วงจากต่างประเทศบ้างเล็กน้อย
“ช่วงสมัยก่อนที่ทำใหม่ๆ มีความเชื่อกันว่ามะม่วงที่ปลูก ควรทำให้เป็นต้นใหญ่ๆ ก่อน ค่อยเก็บผลผลิต ซึ่งผ่านมาผมมองว่าไม่จำเป็นแล้ว เมื่อปลูกได้สักปีสองปีก็สามารถเก็บผลขายได้เลย ซึ่งมะม่วงทั้งหมดที่ผมปลูกมา แต่ละสายพันธุ์ก็จะให้ผลผลิตที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะน้ำดอกไม้และเขียวเสวย ต้องตัดแต่งต้นอย่างดี มะม่วงถึงจะให้ผลผลิตที่ดีตามไปด้วย” คุณบริพัฒน์ แสดงความเห็น
ต่อมาประมาณปี 2554 คุณบริพัฒน์ เล่าว่า ได้รู้จักกับมะม่วงแก้วขมิ้นที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศกัมพูชา จึงเกิดความสนใจอยากหามาทดลองปลูก จึงได้ยอดกิ่งพันธุ์ดีของมะม่วงแก้วขมิ้นมาเสียบกับต้นตอภายในสวน
หลังจากการทดลองครั้งนั้น มะม่วงแก้วขมิ้นที่นำมาปลูกเจริญเติบโตได้เต็มที่ จนสามารถติดดอกออกผล โดยคุณบริพัฒน์ บอกว่า โชคดีมากที่ได้พันธุ์ที่ดีมีคุณภาพมาทำการเสียบยอด เพราะมะม่วงแก้วขมิ้นมีทรงพุ่มโปร่งผลดก และผลที่ออกมามีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด
ตอบโจทย์ในยุคนี้ ที่แรงงานหายาก
คุณบริพัฒน์ เล่าถึงวิธีการปลูกว่า ในขั้นตอนแรกก่อนจะทำการขยายพันธุ์มะม่วงแก้วขมิ้นด้วยวิธีการเสียบยอด สิ่งที่สำคัญที่สุดคืดยอดกิ่งพันธุ์ดีที่นำมาเสียบ โดยจะนำยอดกิ่งพันธุ์ดีจากต้นที่มีอายุอย่างน้อย 3 ปี มาทำการเสียบยอดกับมะม่วงแก้ว มะม่วงโชคอนันต์ หรือมะม่วงกะล่อนก็ได้ เพราะมะม่วง 3 สายพันธุ์นี้ ค่อนข้างมีความแข็งแรงเหมาะที่จะนำมาเป็นต้นตอ
“ที่สวนผมจะใช้มะม่วงแก้วเพื่อทำต้นตอ โดยนำเมล็ดมาเพาะลงในถุงดำ วัสดุที่ใช้ปลูกก็จะเป็นพวกดินผสมกับขี้เถ้าแกลบและปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ต่อ 1 รอให้ได้ต้นตอมีอายุประมาณ 8 เดือน ถึง 1 ปี โดยดูความสมบูรณ์ให้พร้อมที่สุด แล้วจากนั้นเราก็ค่อยเอากิ่งพันธุ์ดี จากต้นมาเสียบยอด พอต้นมันติดสนิทดีแล้ว ดูแลอีกประมาณ 3 เดือน จึงเอาไปลงปลูกดินภายในสวน ก็จะได้มะม่วงแก้วขมิ้นที่เจริญเติบโตได้ดี” คุณบริพัฒน์ กล่าวถึงวิธีปฏิบัติ
คุณบริพัฒน์ บอกว่า การเสียบยอดเป็นวิธีการขายพันธุ์ที่ดีกว่าการเพาะเมล็ด เมื่อทำการเสียบยอดเสร็จต้นมะม่วงจะมีโคนลำต้นที่ใหญ่ ทำให้ยอดกิ่งพันธุ์ดีสามารถได้รับธาตุอาหารจากท่อลำเลียงน้ำลำเลียงอาหารได้เต็มที่ เวลาที่ปลูกลงดินจะมีความแข็งแรงและเจริญเติบโตได้ดีอีกด้วย
“สวนผมก็มีอายุจากการทำสวนมาก็จะ 30 ปีแล้ว มันก็มีต้นมะม่วงบางต้นที่ค่อนข้างแก่ที่เริ่มจะตาย ผมก็จะเอามะม่วงแก้วขมิ้นพวกนี้ ค่อยๆ ปลูกลงไปแทนต้นที่ตาย เพื่อเป็นการทดลองเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งวิธีการดูแลก็ไม่มีอะไรที่ยาก ข้อดีสำหรับผมคิดว่า น่าจะดูแลน้อยกว่ามะม่วงพันธุ์อื่นหน่อย เพราะมะม่วงพันธุ์นี้ไม่ต้องตัดแต่งกิ่งมาก มีทรงต้นโปร่ง มันผิดกับมะม่วงพันธุ์อื่นที่ทรงต้นมันทึบที่ต้องตัดแต่งอยู่เสมอ ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ก็จะออกดอกติดผล พร้อมเก็บผลผลิตออกจำหน่ายตลาดได้” คุณบริพัฒน์ กล่าว
มะม่วงแก้วขมิ้นที่สวนแห่งนี้ นับว่าเป็นมะม่วงเศรษฐกิจพันธุ์ใหม่ที่ตอบโจทย์สำหรับการทำเกษตรในปัจจุบันที่ค่อนข้างหาแรงงานยาก ซึ่งมะม่วงสายพันธุ์นี้ไม่ต้องตัดแต่งกิ่งเมื่อเก็บผลผลิตหมดแล้ว โดยจะเน้นให้ออกตามฤดูเสียมากกว่า ซึ่งจะออกดอกตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงต้นเดือนธันวาคม เมื่อดอกบานเต็มที่นับต่อไปอีกประมาณ 120 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้แล้ว
“ต่อไปในอนาคตแรงงานแพง ยิ่งตอนนี้หายากมากที่จะหาคนมาทำงานในสวน มะม่วงพันธุ์นี้จึงตอบโจทย์เลย ถ้าปลูกแบบให้ออกผลผลิตตามฤดูนะ เพราะว่าไม่ต้องใส่ปุ๋ยเร่งอะไรมาก ส่วนเรื่องการเก็บผลผลิตก็เก็บง่ายเข้าไปอีก เพราะว่าลูกมันออกมาเป็นพวง มันเลยตอบโจทย์กับแรงงานที่แพงและหายากในเวลานี้” คุณบริพัฒน์ กล่าว
ผลดก รสอร่อย เหมาะกับทุกวัย
ผลของมะม่วงที่เก็บพร้อมจำหน่ายอยู่ที่น้ำหนักต่อผลประมาณ 300-500 กรัม ซึ่ง 1 ต้น จะให้ผลผลิตประมาณเฉลี่ย 50 – 70 กิโลกรัมต่อปี โดยขึ้นอยู่กับอายุของต้นยิ่งเป็นต้นที่มีอายุมากผลผลิตก็จะได้มากตามไปด้วยเช่นกัน
“เรื่องการตลาดส่วนใหญ่ที่ผมส่งจำหน่าย ก็จะอยู่ที่กาฬสินธุ์เป็นหลัก โดยส่งให้แม่ค้าที่มารับซื้อบ้าง ตามตลาดนัดบ้าง บางทีก็มีโรงงานแปรรูปจากราชบุรีมารับซื้อ เอาแบบผลที่เริ่มจะแก่ เพราะว่าช่วงนั้นเนื้อมะม่วงก็เริ่มเหลืองแล้ว” คุณบริพัฒน์ กล่าว
มะม่วงแก้วขมิ้นจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 – 30 บาท ราคาขึ้นอยู่กับฤดูกาลซึ่งสามารถปรับขึ้นลงได้ คุณบริพัฒน์ บอกว่า จากการที่ได้จำหน่ายมะม่วงแก้วขมิ้นมาได้มองเห็นความชื่นชอบที่หลากหลาย ซึ่งคนทุกเพศทุกวัยที่ผ่านไปมาหน้าร้านที่เขาจำหน่ายก็ซื้อทาน เรียกง่ายๆ ว่า ทุกสาขาอาชีพไม่ว่าจะหญิงชายหรือวัยไหนๆ ก็ซื้อทานแทบทั้งสิ้น
การทำสวนมะม่วง ต้องมีความเอาใจใส่
สำหรับท่านใดที่กำลังมองหางานที่สร้างรายได้ไม่ว่าจะเป็นรายได้เสริมหรือหลัก ในเรื่องของการทำสวนมะม่วงนั้น คุณบริพัฒน์ ได้กล่าวแนะนำว่า
“สำหรับใครที่มองหามะม่วงเพื่อนำไปทำสวน ผมก็อยากจะแนะนำว่ามะม่วงแก้วขมิ้นอาจตอบโจทย์ อาจจะปลูกเป็นอาชีพหลักก็ได้ หรือปลูกเป็นอาชีพเสริมก็ดี แต่ถ้าอยากจะทำเป็นอาชีพ ที่สร้างเงินแบบเต็มที่แล้ว ต้องเอาใจใส่สักหน่อย เพราะผลผลิตเมื่อเทียบกับมะม่วงอื่นแล้ว ก็ให้ผลผลิตค่อนข้างสูงเหมือนกัน เพราะตลาดเริ่มกว้าง ส่วนการทำเป็นอาชีพเสริม หากไม่ดูแลอะไรมาก ผลผลิตก็อาจจะน้อยกว่าคนที่ทำเป็นอาชีพหลัก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ ถ้าเราสนใจที่อยากจะทำก็ต้องทำการรวบรวมข้อมูลเสียก่อน ศึกษาข้อมูลให้มากๆ แล้วก็วิเคราะห์ดูว่าเหมาะกับที่ดินที่เรามีไหม รวมทั้งสภาพแวดล้อมและเงินทุน เพราะมันต้องใช้เวลาถึง 2-3 ปี ถ้าคิดว่าตัดสินใจดีแล้ว ก็เตรียมจัดการได้เลย วางระบบให้เรียบร้อยสอบถามกับผู้ที่มีประสบการณ์ได้ยิ่งดี เพราะแก้วขมิ้นไม่ต้องดูแลอะไรมาก แม้คนที่ไม่มีเวลาก็สามารทำได้ ขอเพียงศึกษาเรื่องสถานที่ปลูกว่าเหมาะสมไหม เท่านี้การปฏิบัติก็จะเป็นงานที่สร้างงานสร้างเงินได้อย่างสบายๆ”
สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่มได้ที่ คุณบริพัฒน์ ธัญดุดม หมายเลขโทรศัพท์ (087) 857-4493