ประเทศไทยขาดแคลนมะพร้าว ต้องแก้ด้วยเทคโนโลยีการจัดการสวนมะพร้าว (ตอนที่ 1)

ในช่วงประมาณสิบปีที่ผ่านมา พื้นที่ปลูกมะพร้าวของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 มีพื้นที่ปลูกมะพร้าว จำนวน 1.13 ล้านไร่ ผลผลิตรวมจำนวน 8.58 ตัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 755 กิโลกรัม จากการรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2560 ผลผลิตโดยรวมลดลง เนื่องจากมีการปลูกพืชเศรษฐกิจขึ้นมาทดแทน เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ 28.01,50.23 และ 31.00 นอกจากนั้น แหล่งปลูกมะพร้าวที่สำคัญประสบกับแมลงศัตรูมะพร้าวระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตมะพร้าวลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จนต้องมีการนำมะพร้าวเข้ามาจากต่างประเทศในปี 2559 ได้มีการนำเข้ามะพร้าวผลแห้ง จำนวน 171,848 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,843 ล้านบาท โดยนำเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมกะทิกระป๋องสำเร็จรูปเพื่อส่งออก

ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าภาครัฐโดยกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าวเหล่านั้นได้ในบางพื้นที่ ด้วยความร่วมมือของเกษตรกรบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตมะพร้าวในแหล่งผลิตมะพร้าวที่สำคัญของประเทศให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นเหมือนเดิมได้ในเวลาอันรวดเร็ว

คุณวิไลวรรณ ทวิชศรี หัวหน้าชุดโครงการวิจัยและพัฒนามะพร้าว

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลผลิตมะพร้าวลดลง

นอกเหนือจากการระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าวที่ทำให้ผลผลิตไม่สามารถเพิ่มขึ้นดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีปัญหาอีกหลายเรื่อง เช่น ดิน น้ำ อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำฝน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ฝนทิ้งช่วงมาเป็นเวลานาน และปุ๋ยซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่สวนมะพร้าว หากมะพร้าวขาดความสมบูรณ์ไม่แข็งแรงแล้ว โอกาสที่มะพร้าวจะให้ผลผลิตย่อมไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่อดอก (จั่น) ของมะพร้าวพันธุ์ไทยจะพัฒนาให้เห็นผลต้องใช้เวลาประมาณ 40 เดือน ดังนั้น เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการขาดแคลนมะพร้าวในประเทศ กรมวิชาการเกษตร โดยสถาบันวิจัยพืชสวนได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมะพร้าวขึ้นมา ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน โดยจัดทำแปลงทดลองสำหรับให้เป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวสวนมะพร้าวด้วยความร่วมมือจากเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวในพื้นที่ที่มีปัญหา ประกอบด้วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกมะพร้าวมากอันดับต้นของประเทศ

ขุดบ่อสูบน้ำขึ้นมารดต้นมะพร้าวในช่วงแล้ง

เพิ่มผลผลิตมะพร้าว ต้องใช้เทคโนโลยีการจัดการสวน

คุณวิไลวรรณ ทวิชศรี นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร หัวหน้าชุดโครงการวิจัยพัฒนาพันธุ์และเทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิตมะพร้าวให้เพียงพอกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ให้ข้อมูลว่า เกษตรกรทำสวนมะพร้าวที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนใหญ่จะปลูกมะพร้าวเป็นพืชเชิงเดี่ยว มีการเลี้ยงวัวในสวนมะพร้าวบ้าง เพียงหวังจะอาศัยมูลวัวเป็นปุ๋ยในสวนมะพร้าวอย่างไม่จริงจังเท่าไรนัก แต่เกษตรกรส่วนหนึ่งก็ใส่ปุ๋ยมูลไก่ เพราะหาซื้อได้ง่าย อายุมะพร้าวที่ปลูกไว้ มีอายุประมาณ 50-60 ปี ปลูกตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย ตกทอดมาจนถึงลูก หลาน สวนมะพร้าวจะมีลักษณะโล่งโปร่ง ผลผลิตก็น้อยลง จึงมีแนวคิดอยู่ 2 ทาง

แนวทางแรก…ถ้าจะเพิ่มผลผลิต จะต้องรณรงค์ให้ชาวสวนมะพร้าวปลูกมะพร้าวทดแทนในพื้นที่ระหว่างต้น หรือปลูกแซมระหว่างแถว ต้นมะพร้าวที่มีอยู่เดิม ถ้าเรามีประชากรมะพร้าวรุ่นใหม่เกิดขึ้น ประมาณ 6-7 ปีข้างหน้า ก็จะมีผลผลิตมะพร้าวเพิ่มขึ้นมา ซึ่งศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมวิชาการเกษตร เป็นหน่วยงานที่ผลิตมะพร้าวพันธุ์ดีให้เกษตรกร ได้แก่ พันธุ์ลูกผสมสวี 1 ลูกผสมชุมพร 2 ลูกผสมพันธุ์สามทางชุมพร 1 ลูกผสมพันธุ์สามทางชุมพร 2 พันธุ์มะพร้าวน้ำหอมและมะพร้าวพันธุ์ไทย

ปลูกมะพร้าวเชิงเดี่ยว

ขณะนี้ สถาบันวิจัยพืชสวน ได้จัดทำโครงการวิจัยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยสร้างแปลงแม่พันธุ์ในพื้นที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรเพื่อเพิ่มการผลิตต้นพันธุ์มะพร้าวพันธุ์ดีให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกรและกรมวิชาการเกษตรได้มีนโยบายในการกระจายต้นกล้าพันธุ์ดีสำหรับให้เกษตรกรนำไปปลูกในพื้นที่ที่เป็นแหล่งปลูกมะพร้าวเดิมและพื้นที่ปลูกใหม่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และสตูล โดยร่วมกับสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 จังหวัดสงขลา และภาคเอกชน ซึ่งดำเนินการปลูกมะพร้าวพันธุ์ไทยที่ผลิตจากศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรไปแล้ว ประมาณ 10,000 ต้น

แนวทางที่สอง… ต้องใช้เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตประชากรมะพร้าว คือ การใส่ปุ๋ย ส่วนใหญ่เกษตรกรไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องการใส่ปุ๋ยมะพร้าว หรือใส่แต่ใส่น้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการของต้นมะพร้าว รอคอยแต่เก็บผลอย่างเดียว

ใส่ปุ๋ยให้ห่างจากโคนต้นมะพร้าว ประมาณ 1.5 เมตร

คุณวิไลวรรณ บอกว่า นอกจากจะปลูกมะพร้าวพันธุ์ดี สภาพแวดล้อมดีแล้ว ความอุดมสมบูรณ์ของดินยังเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเพิ่มผลผลิตมะพร้าว การใส่ปุ๋ยตามความต้องการธาตุอาหารของพืชจะช่วยให้พืชนำธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธาตุไนโตรเจน และธาตุโพแทสเซียม เป็นธาตุหลักที่มีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตมะพร้าว  ในขณะที่ธาตุคลอไรด์และจุลธาตุมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์แสงและการพัฒนาการเจริญเติบโตทางลำต้นและผล การใส่ปุ๋ยเคมีเป็นการเร่งการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากปุ๋ยเคมีมีปริมาณธาตุอาหารสูง พืชสามารถนำไปใช้ได้โดยตรง เมื่อใส่ลงในดินที่มีความชื้นเหมาะสม อย่างไรก็ตาม การใส่ปุ๋ยเคมีติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยขาดการปรับปรุงบำรุงดิน อาจเป็นสาเหตุให้ดินเสื่อมคุณภาพได้ เช่น พีเอช (pH) ในดินลดลง ดินเป็นกรด เนื่องจากปุ๋ยบางชนิด เป็นปุ๋ยก่อกรด และดินอาจมีค่าความเค็มเพิ่มขึ้น ดังนั้น การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์เพื่อช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดิน ทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย และอุ้มน้ำได้ดีขึ้น จุลินทรีย์ในดินสามารถทำงานได้ดีขึ้น

ในการที่จะเพิ่มผลผลิตมะพร้าว เกษตรกรจะต้องใส่ปุ๋ย สูตร 13-13-21 จำนวน 4 กิโลกรัม ต่อต้น ต่อปี ร่วมกับปุ๋ยคอก 50 กิโลกรัม ต่อต้น ต่อปี โดยแบ่งใส่สองครั้ง คือ ต้นฤดูฝน กับปลายฤดูฝน ซึ่งดินยังมีความชื้นอยู่ เกษตรกรบางสวนใส่ปุ๋ยเพียงปีละครั้ง ซึ่งไม่เพียงพอที่จะให้ผลผลิตมะพร้าวมากตามที่เราต้องการ

ให้น้ำกับมะพร้าวในช่วงแล้งเพื่อรักษาความชื้นของดิน

ใส่ปุ๋ยอย่างไร มะพร้าวจะได้รับอาหารเต็มที่

คุณวิไลวรรณ แนะนำว่า การใส่ปุ๋ยควรจะใส่ห่างจากโคนต้นมะพร้าว ประมาณ 1.5 เมตร หรือใส่ระยะครึ่งหนึ่งของความยาวของใบมะพร้าว ซึ่งยาวประมาณ 4 เมตร ไม่ควรใส่ชิดโคนต้น เนื่องจากปลายรากมะพร้าวที่จะดูดปุ๋ยจะอยู่ที่ระยะห่างจากโคนต้น 1.5 เมตร หรือขุดร่องรอบต้นมะพร้าวระยะห่างจากโคนต้น 1.5 เมตร แล้วโรยปุ๋ยลงในร่องไปรอบโคนต้น แต่ต้องไม่ลืมว่าต้องใส่ปุ๋ยในช่วงที่ดินมีความชื้นอยู่ คือใส่ในช่วงต้นฝนและปลายฝน

น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับสวนมะพร้าว

การที่จะทำสวนมะพร้าว ควรเลือกพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนไม่ต่ำกว่า 1,200-1,500 มิลลิเมตร ต่อปี และฝนทิ้งช่วงไม่ควรนานเกิน 3 เดือน

โชคดีของเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวแถบจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดินที่ปลูกมะพร้าวเป็นดินที่มีธาตุโพแทสเซียม และพื้นที่ปลูกมะพร้าวห่างจากทะเล ประมาณ 50 กิโลเมตร จากชายฝั่งจึงได้อิทธิพลจากไอน้ำเค็ม ทำให้ได้ผลผลิตมะพร้าวดี แม้จะมีปัญหาเรื่องน้ำ สวนมะพร้าวแถบนี้ต้องรอน้ำฝนอย่างเดียว และเกษตรกรส่วนใหญ่จะไม่มีการให้น้ำกับสวนมะพร้าว

ในระยะปี 2561-2562 สภาพดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนตกน้อยกว่าปกติ มีช่วงแล้งเป็นเวลายาวนาน เพราะฉะนั้น ปีใดที่มีปริมาณน้ำฝน 2,000 มิลลิเมตร ปีนั้นเกษตรกรได้ผลผลิตมะพร้าวดีมาก ดังนั้น น้ำจึงมีความสำคัญต่อการให้ผลผลิตของมะพร้าว เนื่องจากน้ำหรือความชื้น น้ำช่วยให้รากพืชดูดและลำเลียงแร่ธาตุและสารอาหารภายในลำต้น ช่วยปรับอุณหภูมิ ช่วยให้กระบวนการต่างๆ ดำเนินไปได้ ถ้าพืชขาดน้ำจะมีการเหี่ยวเฉา

ปลูกหญ้าให้วัวกินในสวนมะพร้าว

จากการที่สถาบันวิจัยพืชสวนทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมะพร้าว โดยศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรคัดเลือกแปลงมะพร้าวของเกษตรกรเป็นแปลงต้นแบบในแต่ละพื้นที่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และให้ความรู้และสาธิตเกี่ยวกับการจัดการสวนมะพร้าว ทำให้เกษตรกรได้รับความรู้แล้วว่า มะพร้าว ควรจะมีการให้น้ำในช่วงแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงขาดฝน หรือฝนทิ้งช่วงประมาณ 3 เดือน และรักษาความชื้นดิน จึงมีเกษตรกรบางรายที่ขุดบ่อเก็บกักน้ำและสูบน้ำขึ้นมารดต้นมะพร้าวช่วงหน้าแล้ง

คุณวิไลวรรณ บอกว่า ประเทศไทยพบช่วงแล้งติดต่อกันสองปี งานวิจัยมะพร้าวได้ศึกษาวิจัยแปลงที่ให้น้ำและไม่ให้น้ำ พบว่า แปลงที่ไม่ให้น้ำ ใบมะพร้าวจะแห้งและหักพับลงมา ส่วนแปลงที่ให้น้ำ ใบมะพร้าวจะเหี่ยวแต่ก็ฟื้นตัวได้เร็ว  มะพร้าวควรจะได้น้ำ 600 ลิตร ต่อสัปดาห์ หรือ 90 ลิตร ต่อวัน เวลาที่ให้น้ำก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ควรจะให้น้ำต้นมะพร้าวในช่วงเวลาเช้า-ช่วงสาย ซึ่งต้นมะพร้าวจะได้นำน้ำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถ้าเกษตรกรต้องการให้มะพร้าวได้ผลผลิตดี ไม่ควรรอฝนอย่างเดียว ควรมีการให้น้ำบ้าง เมื่อให้น้ำแล้วก็ควรหาวัสดุมาคลุมโคนต้นมะพร้าว เช่น เปลือกมะพร้าว กะลามะพร้าว หรือใบมะพร้าว ที่อยู่ในสวนนำมาสับและคลุมโคนต้นไว้ ก็จะรักษาความชุ่มชื้นในดิน ป้องกันความชื้นในดินไม่ให้ระเหยออกมาด้วย การคลุมพื้นที่รอบโคนต้นมะพร้าวนี้เกษตรกรในประเทศศรีลังกาได้ปฏิบัติกันอย่างจริงจัง เพราะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากสถาบันวิจัยมะพร้าวถึงข้อดีของการคลุมพื้นที่รอบโคนต้นมะพร้าว อีกประการหนึ่ง คือ เมื่อมีความชื้น รากมะพร้าวที่เป็นรากฝอย รากหาอาหาร จะขึ้นมาข้างบน เมื่อใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูฝน รากเหล่านี้จะช่วยดูดปุ๋ยไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีการจัดการสวนมะพร้าวยังครอบคลุมไปถึงการคลุมวัสดุรอบโคนต้นมะพร้าว หากเกษตรกรใช้วัสดุคลุมต้นอย่างไม่มีเทคนิค หรืออย่างไม่ระมัดระวังแล้ว อาจเสี่ยงกับปัญหาหรือก่อให้เกิดศัตรูมะพร้าวประเภทด้วงเข้ามาวางไข่ที่วัสดุคลุมโคนต้นได้ ซึ่งในตอนต่อไปจะกล่าวกันถึงเรื่องนี้

สนใจปรึกษาและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร โทร. 02-579-0583 และที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร เลขที่ 70 หมู่ที่ 2 ตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร 86130 โทร. 077-556-073 โทรสาร 077-556-026

…………………..

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 30% ตั้งแต่วันนี้ –  15 ก.ย. 63 เท่านั้น!  คลิกดูรายละเอียดที่นี่