ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
ผักหวาน มีลักษณะเป็นไม้ทรงพุ่มขนาดกลาง ความสูงตั้งแต่ 1-3 เมตร ขึ้นไป เปลือกต้นมีลักษณะขรุขระ กิ่งที่ยังอ่อนจะมีลักษณะเป็นสีเขียวผิวเรียบ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ผิวใบเกลี้ยงเรียบทั้งสองด้าน โดยนิยมนำใบอ่อนมาประกอบอาหารหลากหลายเมนู ซึ่งการขยายพันธุ์ของไม้ชนิดนี้นั้น นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำกิ่ง
จากความนิยมของตลาดที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ทำให้ตลาดยังมีความต้องการไม้ชนิดนี้อย่างมาก เพราะบางฤดูกาลผลผลิตมีน้อยจึงส่งผลให้ราคาแพงตามไปด้วย จึงเป็นโอกาสสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกได้เป็นอย่างดี
คุณนิมิตร อุ่นหลำ อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ที่ 4 ตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ได้ปลูกผักหวานเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้มาหลาย 10 ปี โดยชาวบ้านในพื้นที่นี้ปลูกผักหวานเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นสินค้าประจำอำเภอเลยก็ว่าได้ โดยในทุกปีจะมีเทศกาลผักหวานที่จัดขึ้นให้ผู้ที่สนใจได้มาซื้อหาและชิมผักหวานของชุมชนในย่านนี้ได้ จึงเกิดการสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี
คุณนิมิตร เล่าให้ฟังว่า ย้อนไปเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นเขาได้จบการศึกษาใหม่ๆ ได้ไปสมัครงานหลายบริษัท เพื่อรอเรียกตัวเข้าไปทำงานในช่วงนั้น โดยในระหว่างนั้นเขาก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงได้นำผักหวานมาทดลองปลูกกับคุณแม่ เพราะช่วงนั้นครอบครัวก็มีการทำเกษตรอยู่บ้าง จึงมองเห็นถึงโอกาสที่จะได้นำผักหวานมาปลูกอีกหนึ่งชนิด เพื่อเป็นสินค้าสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวในขณะนั้น
“อำเภอบ้านหมอนี่ ส่วนใหญ่จะมีการปลูกผักหวานกันมาก เพราะผักหวานสามารถเจริญเติบโตได้ดี จะสังเกตได้จากดินที่นี่ จะค่อนข้างดำ ใครมาเห็นก็อิจฉา เพราะมันทำให้เห็นว่าที่นี่ดินยังมีความอุดมสมบูรณ์ เมื่อนำผักหวานมาปลูกแล้ว จึงสามารถให้ผลผลิตที่ดี โดยที่ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกเลย” คุณนิมิตร บอก
ในขั้นตอนแรกก่อนที่จะนำต้นผักหวานมาลงปลูกภายในแปลงนั้น คุณนิมิตร บอกว่า จะเพาะเมล็ดผักหวานตามวิธีการให้ถูกต้องเสียก่อน เพราะเมล็ดผักหวานเป็นพืชที่ค่อนข้างเพาะยาก หากทำไม่ถูกกรรมวิธี เมล็ดก็จะเน่าและไม่เกิดต้นอ่อนให้เห็น โดยส่วนใหญ่แล้วการเพาะจะต้องกะเทาะเปลือกออก และนำมาล้างทำความสะอาด จากนั้นผึ่งเมล็ดพันธุ์ให้แห้งในที่ร่ม 1-2 วัน
จากนั้นนำผ้าชุบน้ำให้เปียกมาคลุมลงบริเวณเมล็ดพันธุ์ 7-9 วัน พอผ่านเวลาช่วงนี้ไปเมล็ดจะเริ่มแตกออกแต่ก็ยังไม่มีต้นอ่อนให้เห็น จากนั้นนำเมล็ดที่แตกออกไปเพาะลงในถุงดำอีกครั้งหนึ่ง ผ่านไปไม่นานก็จะเริ่มเห็นต้นอ่อนงอกออกมาให้เห็นและนำไปเตรียมปลูกลงในแปลงปลูกต่อไป
โดยก้นหลุมที่จะนำต้นผักหวานปลูกนั้น คุณนิมิตร บอกว่า จะนำปุ๋ยคอกจำพวกขี้หมูมาลองที่ก้นหลุมก่อน เพื่อให้บริเวณที่ปลูกมีความสมบูรณ์ โดยระยะก็ไม่ได้ตายตัว เน้นให้อยู่แบบป่า และมีร่มรำไร จากนั้นดูแลต่อไปประมาณ 2-3 ปี ต้นผักหวานก็จะสามารถให้ผลผลิตเก็บยอดขายได้
“ที่บ้านจะมีคอกหมูอยู่ ก็จะเอามูลตรงนั้นที่ปล่อยให้เก่า อย่างน้อยประมาณ 1 ปี มาใส่ปรับปรุงบำรุงดินปีละ 2 ครั้ง การปลูกผักหวานของที่นี่จะไม่ใส่ปุ๋ยเคมีเลย จะเน้นใส่แต่ปุ๋ยขี้หมูที่เราเลี้ยงเอง ส่วนเรื่องน้ำก็ไม่ต้องรดปล่อย อาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือถ้าช่วงไหนร้อนมาก อาจจะรดอาทิตย์ละ 2 ครั้งก็ได้ เพราะผักหวานไม่ต้องการพื้นที่ให้แฉะมากจนเกินไป ดังนั้นพื้นที่ปลูกควรระบายในเรื่องน้ำให้ดี” คุณนิมิตร บอก
ในเรื่องของโรคและแมลงศัตรูพืชที่จะทำลายต้นผักหวาน คุณนิมิตร บอกว่า ตั้งแต่ปลูกมา 20 กว่าปี ยังไม่พบโรคระบาดหรือแมลงที่เข้ากัดกินจนเกิดความเสียหาย ถึงมีแมลงศัตรูพืชมากินยอดอ่อนบ้างแต่ก็เป็นอัตราส่วนที่น้อย จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารกำจัดในการฉีดพ่น แต่ต้นผักหวานจะตายได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่เกิดจากการโยกต้นมากเกินไป จะทำให้รากได้รับการกระทบกระเทือน ส่งผลให้ต้นตายได้
เนื่องจากผักหวานเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตตามฤดูกาล ดังนั้นใน 1 ปี ผลผลิตที่ได้จะมีไม่มากเท่ากับช่วงฤดูฝน จึงส่งผลให้ราคาที่ขายแต่ละช่วงฤดูกาลแตกต่างกันไปด้วย โดยในช่วงที่มีผลผลิตออกมาก ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัม 50 บาท และช่วงที่ผลผลิตมีน้อยส่งผลให้ราคาผักหวานสูงขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 200 บาท เลยทีเดียว
“เนื่องจากที่บ้านปลูกมานานแล้ว ก็จะมีแม่ค้าที่รู้จักกัน มารับซื้อถึงที่สวน โดยเราจะเริ่มเก็บยอดผักหวานตั้งแต่ 6 โมงเช้า พอสายๆ ได้เวลาแม่ค้าเขาก็จะมารับซื้อ แต่ช่วงที่ผลผลิตมีน้อย บางครั้งการเก็บขายก็ไม่คุ้ม เราก็จะเอายอดบางส่วนที่พอมีอยู่ในแปลง มาแปรรูปเป็นส่วนผสมในขนม โดยผู้ที่คิดค้นขึ้นมาก็คือน้องสาว นำยอดผักหวานมาผสมกับแป้ง ทำเป็นขนมเปี๊ยะแป้งเหนียวนุ่ม ในสูตรหวานน้อย ให้กับผู้ที่รักสุขภาพได้ทาน และมากด้วยคุณประโยชน์จากผักหวานเข้ามาเสริมด้วย” คุณนิมิตร บอกถึงเรื่องการตลาดและการแปรรูป
โดยขนมเปี๊ยะแป้งเหนียวนุ่ม ราคาขายส่งอยู่ที่กล่องละ 70 บาท ซึ่งใน 1 กล่อง บรรจุประมาณ 10 ลูก ซึ่งผู้ที่สนใจอยากสั่งไปลองชิม ก็สามารถบริการส่งตรงถึงบ้านให้กับลูกค้าได้เช่นกัน ด้วยระบบการขนส่งในปัจจุบันที่สะดวกและง่ายในการจัดการ
ซึ่งการปลูกผักหวานจึงเป็นงานที่สามารถสร้างเงินเป็นอาชีพเสริมได้ จนคุณนิมิตร บอกว่า ถึงจะมีงานประจำที่ทำอยู่ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะเขารักการทำเกษตรถึงจะมีงานประจำที่ต้องไปทำ ก็จะแบ่งเวลาให้ลงเพื่อมาทำการเกษตรอยู่เสมอๆ
“ผมมองว่าเกษตรนี้ เป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือดผมมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะตั้งแต่จำความได้ ผมก็ชอบการอยู่ในป่าในดง ตามแบบเด็กต่างจังหวัดที่ชอบเล่นซน เลยทำให้ชินและมีความคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ ส่วนผู้ที่สนใจ แต่ยังไม่ได้ลงมือทำอย่างจริงจัง สิ่งแรกก็จะบอกว่าให้ทำการศึกษาก่อน โดยเรียนรู้จากผู้ที่เขาประสบผลสำเร็จแล้ว ว่าเขามีการทำอะไรบ้างที่ทำให้เขาได้ผลผลิตที่ดี ยิ่งเดี๋ยวนี้สิ่งเรียนรู้มีมากมาย หาได้ง่ายทั้งหนังสือ และข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ก็เป็นตัวช่วยที่ให้การทำเกษตรประสบผลสำเร็จเพิ่มขึ้นตามไปด้วย” คุณนิมิตร แนะนำ
ท่านใดที่สนใจเรื่องการปลูกผักหวาน หรืออยากจะลองชิมขนมเปี๊ยะแป้งเหนียวนุ่ม ก็สามารถติดต่อสอบถามกันได้ที่ คุณนิมิตร อุ่นหลำ หมายเลขโทรศัพท์ (061) 939-4262
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2563