อดีตนักฝึกอบรมโครงการส่วนพระองค์ มูลนิธิชัยพัฒนา แนะปลูกไม้ป่า สร้างความมั่นคงทางอ้อมให้เกษตรกร

ตั้งแต่เริ่มมีการปลดล็อกไม้หวงห้าม ทำให้ช่วง 1-2 ปีหลังมานี้ มีเกษตรกรหลายท่านหันมาให้ความสนใจในการที่จะเริ่มต้นปลูกไม้ป่าไว้ในพื้นที่ตามกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ด้วยจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันออกไป บางคนปลูกเพื่อให้เกิดระบบนิเวศ บางคนปลูกไว้สร้างรายได้ในอนาคต เพราะไม้ป่าเหล่านี้มีมูลค่าที่สูง ซึ่งนอกจากประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีประโยชน์ที่พ่วงมาจากการปลูกไม้ป่าที่หลายท่านนึกไม่ถึงคือการคำนวณคาร์บอนเครดิต เพื่อนำไปแลกซื้อขายสร้างรายได้โดยที่ไม่ต้องตัดต้นไม้ทิ้งสักต้น

คุณปรีชา หงอกสิมมา หรือ พี่แขก เกษตรกรนักคิดนักพัฒนา เจ้าของ วนพรรณ ออร์แกนิค การ์เด้น บ้านเลขที่ 96 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านกง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ผู้น้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาใช้ในกิจการงานเกษตรได้เป็นอย่างดี และยังเป็นแบบอย่างสร้างแนวคิดให้กับเกษตรกรได้อีกหลายๆ ท่าน

คุณปรีชา หงอกสิมมา หรือ พี่แขก

พี่แขก เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรว่า ตนเรียนจบสาขาวิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น จากนั้นได้ประกอบอาชีพเป็นนักฝึกอบรมโครงการส่วนพระองค์ มูลนิธิชัยพัฒนา โดยทำหน้าที่เป็นวิทยากรฝึกอบรมให้เกษตรกรที่สนใจแนวพระราชดำริ ได้เข้าใจหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อแก้ปัญหาการเกษตร รวมถึงด้านการพัฒนา ดิน น้ำ ป่า และการส่งเสริมอาชีพ การแปรรูปสินค้าเกษตรต่างๆ ให้กับทุกคนที่สนใจได้มาเรียนรู้เป็นระยะเวลานานกว่า 8 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อกลับมาทำเกษตรในพื้นที่ของตนเองที่บ้านเกิด บนพื้นที่ 15 ไร่

เริ่มต้นด้วยการปรับปรุงแปลง พลิกผืนนาเดิมเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ มีการจัดการน้ำ ขุดบ่อ วางผังออกแบบพื้นที่ในการจัดการพื้นที่แต่ละส่วน ดังนี้

  1. พื้นที่ปลูกป่า
  2. พื้นที่ปลูกสมุนไพร
  3. พื้นที่ผลิตอาหาร
  4. พื้นที่ปลูกผักผลไม้
  5. พื้นที่ปลูกข้าว
  6. พื้นที่สำหรับการจัดการอื่นๆ

จากนั้นเริ่มเก็บรายละเอียดของการทำแปลง อย่างเช่น ตรงไหนจะปลูกต้นไม้ ก็ลงไม้ป่าไว้ก่อน ตรงไหนจะปลูกสมุนไพร ก็ต้องปรับปรุงดิน และดูแลจัดการแผนการผลิตไว้ก่อน ว่าจะปลูกสมุนไพรชนิดใด หมุนเวียนกันเท่าไร เป็นต้น

พืชผักสมุนไพรในสวนผสมผสาน

ส่วนเรื่องของการสร้างรายได้ จากสวนผสมผสานที่ทำช่วงแรกของที่สวนผลิตข้าวไว้บริโภคเอง ส่วนพืชผักส่วนอื่นๆ จะมีทั้งส่วนปลูกไว้กินเองและปลูกไว้ขาย เริ่มทำการตลาดในท้องถิ่นก่อนอันดับแรก เมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักได้มีการขยายตลาดต่อไปเรื่อยๆ ทั้งนำไปขายในตัวจังหวัด เข้าไปร่วมกับตลาดกรีนมาร์เก็ตของขอนแก่นบ้าง จากนั้นค่อยขยับทำพรีออเดอร์รวบรวมผลผลิตของตัวเองและเครือข่ายเข้าไปส่งของลูกค้าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกค้าวิ่งเข้ามาหา เมื่อผ่านไประยะหนึ่งต้นไม้เริ่มโต สมุนไพรมีเยอะขึ้น ได้มีการปรับเปลี่ยนจากการขายผักสดเป็นการแปรรูปสินค้า พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง สบู่ แชมพู โดยสินค้าทุกตัวได้รับมาตรฐาน อย. มาตรฐานคลีนโปรดักส์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งในส่วนที่ผลิตขายในแบรนด์ของตนเองและในส่วนของการรับจ้างผลิตด้วย รวมๆ รายได้แล้วอยู่ที่ประมาณหลักแสนบาทต่อเดือน นี่คือ ส่วนหนึ่งของรายได้ที่เกิดจากผลของการรู้จักการวางแผนที่ดี แล้วมาดูกันต่อว่ารายได้และประโยชน์อีกส่วนหนึ่งที่ลงทุนปลูกไม้ป่าไว้จะได้อะไรบ้าง

ประโยชน์ของการปลูกไม้ป่า
สร้างระบบนิเวศ ออมเงินแทนธนาคาร

เจ้าของบอกว่า เริ่มต้นปลูกไม้ป่ามาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี ปลูกตั้งแต่ยังไม่มีการปลดล็อกไม้หวงห้าม โดยมีหลักการและแนวคิดสืบเนื่องมาจากเกษตรทฤษฎีใหม่ คือ ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง โดยเอาต้นไม้มาเป็นตัวนำเพื่อสร้างระบบนิเวศให้มีความสมดุลและยั่งยืน ฉะนั้น สิ่งที่จะดึงความยั่งยืนของระบบนิเวศได้คือ ป่าไม้ จึงใช้ป่าไม้นำก่อน พอเอาป่าไม้นำ ผลพลอยได้จากการสร้างป่าก็เกิดขึ้น ทั้งเห็ด ทั้งฟืน จุลินทรีย์ และปุ๋ย และสุดท้ายแล้วไม้ป่าเหล่านี้เป็นหลักทรัพย์สามารถมาค้ำประกันได้ จึงมองว่าต้นไม้ปลูกครั้งเดียวแล้วเราสามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงชั่วลูกชั่วหลานถ้าไม่ตัดก็ยิ่งเพิ่มมูลค่าไปเรื่อยๆ “ตอนปลูก ซื้อกล้าไม้ราคาต้นละ 10 บาท ผ่านไป 10-20 ปี ราคาขึ้นเป็นหลักพันถึงหลักหมื่นบาท ก็เหมือนกับการออมเงิน เงินมีการเติบโตไปเรื่อยๆ ในขณะที่เราแบ่งพื้นที่ของเราปลูกไม้พวกนี้ไว้เยอะๆ แล้วเราก็ใช้พื้นที่อื่นๆ มาบริหารจัดการวนเกษตร หาปลูกพืชสร้างกิจกรรมอะไรก็ได้ที่มีรายได้ทุกวัน และในขณะที่เราทำกิจกรรมไปเรื่อย ต้นไม้ที่เราปลูกข้างๆ มันก็เติบโตไปเรื่อยๆ มันก็เหมือนกับสร้างเงินบำนาญให้เราในอนาคต ซึ่งรวมๆ ที่สวนปลูกไม้ป่ารวมๆ แล้ว กว่า 50 ชนิด ประมาณ 500 กว่าต้น หลักๆ จะเป็นยางนา ตะเคียน ไม้สัก ประดู่ พะยูง พะยอม ก้ามปู ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้พวง ไม้ตะแบง” เป็นต้น

บรรยากาศร่มรื่นภายในสวน

การซื้อขายคาร์บอนเครดิต
ประโยชน์ทางอ้อมของการปลูกป่า

ประโยชน์อีกข้อของการปลูกป่าที่นอกเหนือจากการสร้างระบบนิเวศให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืนแล้ว หลายคนยังไม่ทราบเรื่องของการซื้อขายคาร์บอนเครดิต แล้วการซื้อขายคาร์บอนคืออะไร พี่แขก อธิบายว่า การซื้อขายคาร์บอนเครดิตเปรียบเสมือนผลพลอยได้ของการปลูกป่า คือสามารถสร้างรายได้จากคาร์บอนได้โดยที่ไม่ต้องเสียต้นไม้สักต้น ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ทางชุมชน ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เป็นผู้พัฒนาโครงการร่วมกับ ธ.ก.ส. มีการสำรวจทำฐานข้อมูลเพื่อที่จะซื้อขายในระบบสมัครใจ โดยมีกระบวนการตรวจวัดดังนี้

  1. วัดแปลงระบุพิกัดแปลง
  2. ระบุพิกัดต้นไม้
  3. ระบุชนิดและขนาดความโตของต้นไม้

จากนั้นคำนวณออกมาเป็นค่าคาร์บอน โดยจะมีสูตรคำนวณคาร์บอนอยู่ 3 สูตร ซึ่งทางเราจะเลือกใช้สูตรที่ถนัดสามารถจัดการได้ เมื่อคำนวณปริมาณคาร์บอนออกมาได้แล้ว จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้ให้กรรมการตรวจรับรอง เมื่อผ่านการรับรองข้อมูลตรงนี้ จะเป็นข้อมูลที่นำไปซื้อขายได้

เจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าเยี่ยมชมสวนป่า

รูปแบบการขาย ขายเป็นตันคาร์บอน ราคาตลาดโลกอยู่ที่ ตันละ 200-500 บาท โดยการทำสัญญาซื้อขายกันปกติทั่วไปจะทำสัญญาซื้อขายเป็นระยะเวลา 10-20 ปี โดยมีเงื่อนไขว่า ระหว่างที่อยู่ในระยะสัญญา ผู้ขายจะไม่สามารถตัดต้นไม้ได้ แต่หลังจากที่หมดสัญญาแล้วเจ้าของสามารถตัดขาย หรือทำประโยชน์อย่างอื่นต่อไปได้ ถือเป็นประโยชน์ทางอ้อมสำหรับคนที่ชอบปลูกป่า แต่หากจะนับเอาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจการขายคาร์บอนยังไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย แต่จุดประสงค์ของชุมชนคือ อยากทำเป็นโมเดลสำหรับคนที่จะทำตรงนี้ต่อ “โครงการนี้ยังมีคนทำน้อย เมื่อมีคนทำน้อย ค่าใช้จ่ายก็จะสูงมาก เพราะคอร์สค่าตรวจแต่ละครั้งจะสูงมาก แต่ถ้ามีชุมชนทั้งประเทศทำ หน่วยงานรับรองเยอะขึ้น ค่าใช้จ่ายจะถูกลงๆ เพราะมีคนทำเยอะขึ้น เพราะฉะนั้นเราจึงยอมเป็นชุมชนแรกที่ทำเรื่องนี้เพื่อให้สำเร็จก่อน ถ้าเราสำเร็จมันมีคนทำเยอะขึ้น ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็จะถูกลงตามจำนวน วันนี้ยังไม่คุ้ม เราทำเพื่อส่งเสริมคนปลูกต้นไม้ได้มีรายได้จากการปลูกต้นไม้โดยที่ไม่ต้องตัดต้นไม้ แต่ในอนาคตทำแล้วคุ้มค่าแน่นอน”

การปลูกดูแลไม้ป่าเบื้องต้น

พี่แขก บอกว่า การปลูกดูแลไม้ป่าเป็นอะไรที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแต่ว่าต้องดูแลให้รอดแล้งในช่วงปีแรกก่อน เนื่องจากสภาพฝน ฟ้า อากาศ เป็นอะไรที่ไม่แน่นอน ฉะนั้น การปลูกไม้ป่าในปีแรกต้องทำให้ต้นไม้รอดตายก่อน พอรอดตายปีที่ 2 ก็ให้ดูแลตามลักษณะการเจริญเติบโต มีการตัดหญ้า ควบคุมวัชพืช และปล่อยให้ต้นไม้โตตามธรรมชาติ ถ้าผ่านแล้งในปีแรกไปได้ ก็จะง่ายในปีที่ 2-3 เมื่อเข้าปีที่ 4-5 แทบไม่ต้องดูอะไรเลย ปล่อยตามธรรมชาติ จากนั้นเลือกใช้ประโยชน์ของไม้แต่ละชนิดได้แล้ว โดยไม้แต่ละชนิดมีการเจริญเติบโตไม่เท่ากัน

ไม้โตเร็ว ที่น่าสนใจคือไม้ตระกูลอะเคเซีย เช่น กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินลูกผสม ระยะการปลูก 3-5 ปี นำไปทำงานก่อสร้าง หรือทำเฟอร์นิเจอร์

ไม้โตช้า เช่น สัก พะยูง ประดู่ ตะเคียนทอง อายุรอบตัดฟัน 15 ปีขึ้นไป ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานแต่เป็นไม้ที่มีมูลค่าสูง เป็นที่ต้องการของตลาด

สวนป่าเกษตรทฤษฎีใหม่

การสร้างรายได้จากไม้ป่า
ทั้งปัจจุบันและอนาคต

“การสร้างรายได้จากสวนป่าของผมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของการสร้างรายได้ในปัจจุบันคือ การทำถ่านหุงต้ม ถ่านดูดกลิ่น ถ่านบำรุงดิน รวมถึงการนำส่วนผสมจากพืชบางตัวมาทำเครื่องสำอาง ทำเป็นยา ส่วนการสร้างรายได้ในอนาคต คือ อุตสาหกรรมการแปรรูปไม้ โรงเลื่อยชุมชน แม้กระทั่งโรงไฟฟ้าชีวมวล แต่ต้องมีเทคโนโลยีที่ควบคุมมลพิษเป็นอย่างดี ซึ่งผมมองว่าถ้าต่อไปชุมชนมีต้นไม้เยอะขึ้น พลังงานจากชีวมวลก็จะดีขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการใช้วัสดุจากไม้ ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยมีการนำเข้าไม้จากต่างประเทศเยอะมาก อาทิ นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา มาดากัสการ์ และลาว เป็นต้น

พูดง่ายๆ ว่า ไม้ที่ใช้ในวงการก่อสร้างของประเทศไทยเป็นไม้นำเข้าเกือบทั้งหมด เพราะฉะนั้นต่อไปถ้าในประเทศไทยมีไม้เยอะขึ้น ก็ต้องพัฒนาอุตสาหกรรมไม้มากขึ้น ทำเป็นชาร์โคล ชาร์โคลสามารถนำไปทำประโยชน์ได้อีกหลายอย่างทั้งเป็นวัสดุปรับปรุงดิน หรือนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องกรองน้ำ กรองอากาศ เหล่านี้ล้วนใช้ประโยชน์จากถ่านชาร์โคลทั้งหมด

รวมทั้งการทำพลังงานทางเลือกจากชีวมวลก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ว่าต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาครัฐ และกฎหมายบางอย่างก็ยังไม่ได้เอื้อสิ่งอำนวยเหล่านี้เท่าที่ควร ซึ่งก็ต้องผลักดันกันต่อไป” พี่แขก กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดการทำเกษตรทฤษฎีใหม่หรือการปลูกไม้ป่าสร้างรายได้เพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทร. 094-526-2925

ผลิตภัณฑ์แปรรูปแบรนด์วนพรรณ ออร์แกนิค การ์เด้น
นักศึกษาแพทย์ มข. และนักศึกษาแพทย์แลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่น อยากมาดำนา