หนุ่มนักศึกษา ม. กรุงเทพ ทำกาแฟชะมด ปลดหนี้ครอบครัว

คุณเกียรติศักดิ์ คำวงษา หรือ น้องเฟลม

น้องเฟลม หรือ คุณเกียรติศักดิ์ คำวงษา หนุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปี 4 เรียกได้ว่าเป็นเยาวชนที่ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ เพราะจุดเริ่มต้นจากเด็กนักเรียนที่ครอบครัวล้มเหลวจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของพ่อกับแม่ จนพ่อเสียชีวิต ส่วนแม่ก็ต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกมาตามลำพัง แต่ปัจจุบันน้องเฟลม สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส สานต่อสิ่งที่มีอยู่และต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่า กระทั่งมีแบรนด์เป็นของตนเอง

“แม่ผมเป็นข้าราชการและวิศวกร หลังจากพ่อเสียชีวิต เราเป็นหนี้ธุรกิจในตอนนั้นประมาณ 50 ล้านบาท ผมจึงออกจากโรงเรียนในสายสามัญมาเรียนสายอาชีวศึกษา เพื่อเอาเวลาที่มีไปช่วยแม่คุมงานก่อสร้าง และเริ่มเรียนการเขียนแบบ การออกแบบ การก่อสร้าง จบจากนั้นก็เข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย”

กาแฟชะมดจากธรรมชาติ
กาแฟชะมดจากธรรมชาติ

ด้วยพื้นฐานเดิมของแม่ที่มีพื้นที่จัดสรรทำกินเพื่อการเกษตรบนเนินเขา ประมาณ 400 ไร่ ซึ่งใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกกาแฟ น้องเฟลมเองเลือกศึกษาต่อในคณะการสร้างเจ้าของกิจการและการบริหารกิจการ (School of Entrepreneurship and Management: BUSEM) ซึ่ง น้องเฟลม บอกว่า การเลือกศึกษาต่อในเส้นทางที่คิดว่าจะช่วยปูทางให้อาชีพในอนาคตข้างหน้าได้ เป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่ง เช่นตัวของเขาเองที่เลือกเรียนก็เพราะได้ลงมือทำจริง ซึ่งสุดท้าย น้องเฟลมเองก็พัฒนาสิ่งที่มีอยู่ นั่นคือ ไร่กาแฟ ให้เป็นธุรกิจในแบรนด์ของตนเอง

            “ระหว่างที่เรียน ผมหันมามองสิ่งที่เรามีอยู่คือ ไร่กาแฟ ปกติการทำไร่กาแฟของครอบครัวก็เป็นการทำไร่กาแฟทั่วๆ ไป คือ ปลูกทิ้งไว้ ถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็จ้างคนงานมาเก็บ มีพ่อค้าคนกลางมารับเหมาซื้อถึงที่ ผมก็มาคิดว่าทำยังไงจะเพิ่มมูลค่ากาแฟที่มีอยู่ได้ ก็ไปปรึกษาอาจารย์ ทำให้ได้ความคิดการผลิตกาแฟชะมด เพราะเป็นสินค้าหายาก ราคาแพง”

            น้องเฟลม เล่าให้ฟังว่า เคยเลี้ยงชะมดเมื่อตอนยังเด็ก ชะมดเป็นสัตว์ตัวหอม มีกลิ่นหอมเฉพาะของมันเอง กาแฟชะมดจึงมีกลิ่นหอมต่างไปจากกาแฟทั่วไป และมีกาเฟอีนต่ำกว่าด้วย ทำให้คนที่ดื่มไม่เกิดอาการใจสั่น แต่ได้รสชาติกาแฟแท้ๆ จึงศึกษาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับกาแฟชะมด ดูสภาพธุรกิจในไทยและในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแรกของกาแฟชนิดนี้ ทำให้คิดถึงไร่กาแฟของที่บ้าน อาจารย์แนะนำว่าให้คิดในสิ่งที่ต่างออกไป กาแฟชะมดใช่ว่าจะไม่มีในเมืองไทย แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปในการทำกาแฟชะมดของน้องเฟลมคือ วิธีการผลิต ซึ่งเป็นจุดขายที่ชัดเจนว่า กาแฟบลูโกลด์ เป็นกาแฟชะมดแท้ 100% เลี้ยงตามระบบนิเวศธรรมชาติ

            จุดแข็งของการทำกาแฟชะมดของน้องเฟลม แม้ว่าจะไม่ใช่กาแฟชะมดเจ้าแรกก็ตาม โดยน้องเฟลมบอกว่า พื้นที่ปลูกกาแฟมีมากถึง 400 ไร่ และเป็นพื้นที่ติดต่อกันทั้งแปลง ซึ่งไร่กาแฟอยู่ติดกับจุดผ่อนผันการนำเข้าสัตว์ป่าตามกฎหมาย ทำให้สามารถเลี้ยงชะมดในไร่กาแฟโดยไม่ขังกรง ปล่อยให้ชะมดใช้ชีวิตภายในไร่กาแฟตามธรรมชาติ ชะมดจะเลือกกินเมล็ดกาแฟเอง ทำให้คุณภาพเมล็ดกาแฟที่ขับถ่ายออกมากับมูลของชะมดได้คุณภาพ

            “กาแฟธรรมดาที่เราปลูกและจ้างคนงานเก็บขาย ได้ราคากิโลกรัมละ 500 บาท แต่กาแฟชะมดราคาขายกิโลกรัมละ 50,000-100,000 บาท”

            น้องเฟลม ใช้เวลา 2 ปี ในการเลี้ยงชะมด 200 ตัว เพื่อเก็บเมล็ดกาแฟจากการถ่ายมูลของชะมด นำมาทำความสะอาด ตากแห้งและแยกเมล็ดกาแฟที่คงสภาพเมล็ดที่ดีเอาไว้ โดยเก็บสต๊อกสินค้าไว้ให้มาก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตลาดขายในปีถัดมา

ทันทีที่เปิดตัวสินค้าสู่ตลาด ภายใต้แบรนด์ Blue Gold Coffee น้องเฟลม ใช้ช่องทางการจำหน่ายทางเดียว คือ ออนไลน์ โดยเปิดเว็บไซต์ www.bluegoldcoffee.com และเฟซบุ๊ก BlueGold Coffee ได้ผลตอบรับจากตลาดเกินความคาดหมาย 

ในทุกเช้า น้องเฟลม จะต้องตื่นมารับออเดอร์สินค้าทางเฟซบุ๊ก สินค้าขายดีในช่วงแรกคือ แพ็กเกจเล็กที่สุด (normal set) ราคา 990 บาท ชงกาแฟได้ 4 ถ้วย ส่วนคอกาแฟตัวจริงจะสนใจสินค้าพรีเมี่ยมเซ็ต และลักซ์ชัวรีเซ็ต ซึ่งมียอดสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีออเดอร์เฉพาะเมล็ดกาแฟดิบ

 

ปัจจุบัน มียอดสั่งสินค้าพุ่งถึงเลขแปดหลัก ด้วยการวางแผนธุรกิจมาแล้วอย่างดี ทำให้มีสต๊อกสินค้ามากเพียงพอกับความต้องการของตลาด ขณะเดียวกันก็มีแผนการสร้างแบรนด์บลูโกลด์คอฟฟี่อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเตรียมเปิดร้านกาแฟบลูโกลด์เป็นของตนเอง เพื่อใช้เป็นหน้าร้านสำหรับขายเมล็ดกาแฟ รวมทั้งการพัฒนาสูตรกาแฟชะมดหลากหลายเมนูตามสไตล์ความชอบของคอกาแฟ โดยกำหนดจะเปิดร้านแรก ในปี 2560 และเตรียมแผนขยายสาขาในอนาคตไว้อีก 10 สาขา พร้อมการวางแผนส่งออกกาแฟชะมดในตลาดต่างประเทศ