อดีตผู้จัดการหมู่บ้านจัดสรร ทำเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชหมุนเวียน สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน

คุณกชมล สีนวล หรือ พี่แหม่ม อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่  6 ตำบลดอนทอง อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี อดีตผู้จัดการหมู่บ้านจัดสรร เงินเดือนสูง ผันตัวเองกลับมาเป็นเกษตรกรที่บ้านเกิดจังหวัดสระบุรี พลิกฟื้นพัฒนาการทำเกษตรแบบเดิมของพ่อแม่ให้ดียิ่งขึ้น จนทุกวันนี้สามารถสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน บนพื้นที่การทำเกษตรเพียง 11 ไร่

คุณกชมล สีนวล หรือ พี่แหม่ม เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเป็นเกษตรกรว่า เคยทำงานเป็นผู้จัดการหมู่บ้านจัดสรรมาก่อน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพที่รุมเร้า จึงตัดสินใจที่จะกลับมาตั้งหลักหางานทำที่บ้าน ประกอบกับพื้นฐานที่บ้านพ่อแม่เป็นเกษตรกรอยู่แล้ว อาชีพเป็นเกษตรกรถือเป็นอาชีพที่อยู่ในสายเลือด แต่ก็ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วจะลงมือทำได้เลย การทำเกษตรนอกจากมีใจรักแล้ว จำเป็นต้องศึกษาวิธีการให้ดีก่อน เพราะตนมีอุดมคติและความตั้งใจที่จะกลับมาพัฒนาเปลี่ยนการทำเกษตรให้ฉีกจากรูปแบบเดิมๆ ที่พ่อแม่ทำไว้ คือยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ แต่เราจะทำการเกษตรอย่างไรให้มีกำไร ก็คือ ต้องศึกษาจากคนรุ่นใหม่ ศึกษาตลาดโลกว่าเทรนด์สินค้าการเกษตรแบบไหนที่โลกกำลังให้ความสนใจ ก็ลองหาข้อมูลดู ก็ได้พบว่า เทรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพกำลังมาแรง จึงเริ่มวางแผนทำเกษตรตั้งแต่นั้นมา

คุณกชมล สีนวล หรือ พี่แหม่ม

“พี่เริ่มทำเกษตรตอนปี 56 ช่วงนั้นเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง ตรงกับจังหวะที่พี่กำลังปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ส่งตลาดออนไลน์ เมื่อผลตอบรับดี พี่จึงหันมาศึกษาเรื่องข้าวอย่างจริงจัง เพราะที่บ้านพี่ทำนาเป็นหลักอยู่แล้ว จึงใช้ข้าวเป็นพืชเริ่มต้นสร้างรายได้ และได้ผลตอบรับที่ดี เมื่อทำข้าวประสบความสำเร็จเริ่มมีเงินมากขึ้น ความคิดก็เริ่มฟุ้งอยากทำอะไรหลายอย่าง ก็ไปหาเป็ดมาเลี้ยง โดยที่ไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลการเลี้ยงและการตลาดมาก่อน ผลปรากฏว่าเจ๊งไปตามคาด ก็ต้องเลิกราการเลี้ยงเป็ดไป แล้วเข้ามาสมัครโครงการยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ปี 58 เพื่อเข้ามาเติมความรู้ อะไรที่ไม่รู้ก็ถามเครือข่ายยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ด้วยกัน เพื่อนๆ ในกลุ่มก็ให้คำปรึกษาดี และแนะนำให้แปรรูปสินค้าเพิ่มอีกช่องทาง จึงเริ่มหันมาแปรรูป เพราะเริ่มรู้แล้วว่าการทำเกษตรนอกจากจะมีความตั้งใจแล้ว ตลาดต้องนำการผลิตด้วย นี่เป็นสิ่งสำคัญของการทำเกษตร และไม่ใช่ว่าจะขายอะไรที่อยากขายก็ได้ แต่ต้องมองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก อย่างเช่นตอนนี้พี่มีรายได้หลักจากการขายปลานิลแดดเดียว แต่พี่จะไม่ทำแค่ปลาแดดเดียว เพราะลูกค้าบางคนไม่ชอบแกะก้าง พี่ก็มาทำปลานิลไร้ก้าง ปลาช่อนไร้ก้าง ลูกค้าชอบกินปลานาปลาทุ่งอยู่แล้ว เพราะหากินยาก เราก็เอาวิถีชนบทที่เราอยู่มาประยุกต์ใช้กับเกษตรสมัยใหม่ให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ใหม่ๆ ขึ้นมา”

เกษตรวิถีธรรมชาติ กินกรีน

มีพื้นที่น้อย เลือกปลูกพืชอย่างไร
ให้มีรายได้คุ้มค่าที่สุด

พี่แหม่ม เล่าว่า ตนมีพื้นที่การทำเกษตรทั้งหมด 11 ไร่ อันดับแรกจะเน้นปลูกพืชที่ดูแลง่าย และมองเรื่องการบริหารจัดการเวลาเป็นหลัก ที่ฟาร์มจะมีปฏิทินฤดูการเก็บเกี่ยวพืชผักโดยเฉพาะ เพื่อให้รู้ว่าพืชผักชนิดนี้ปลูกวันไหน ครบกำหนดเก็บเกี่ยวเมื่อไร จึงจะสามารถวางแผนได้ว่าสินค้าตัวนี้จะส่งไปถึงมือลูกค้าได้วันไหน อันดับถัดมาคือ การแบ่งพื้นที่การปลูก ที่ฟาร์มจะมีการแบ่งพื้นที่ ดังนี้

  1. พื้นที่ขุดสระน้ำ 4 ไร่ สาเหตุที่ต้องทำสระน้ำขนาดใหญ่ เนื่องจากว่าที่สวนทำเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ เป็นเหมือนบ่อประปาของหมู่บ้านให้คนอื่นได้ใช้ด้วย
  2. พื้นที่ทำอาคารแพ็กสินค้า ประมาณ 1 ไร่ เพื่อตอบโจทย์และพัฒนายกระดับคุณภาพสินค้าขึ้นมา
  3. พื้นที่ไว้สำหรับจัดสรรปันส่วนปลูกพืชหมุนเวียน ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งถือว่ามีพื้นที่การปลูกพืชผักไม่มากนัก ดังนั้น จึงต้องเลือกปลูกพืชหมุนเวียนที่มีราคา สร้างความคุ้มค่าให้เกิดขึ้นทุกตารางนิ้ว โดย
  4. เลือกปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อสร้างรายได้ประจำสัปดาห์
  5. พื้นที่สำหรับเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดี เพื่อเก็บไข่ขาย
  6. พื้นที่สำหรับโรงเพาะเห็ด
  7. ปลูกมะเขือเทศหลากหลายสายพันธุ์ เช่น มะเขือเทศราชินี มะเขือเทศท้อ มะเขือเทศสีดา และ
  8. ปลูกข้าวโพดอินทรีย์ ทั้งสายพันธุ์เพียวไวท์ฮอกไกโด และราชินีทับทิมสยาม มีจุดเด่นที่สามารถกินดิบได้ ท้องไม่อืด และเป็นข้าวโพดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
มะเขือเทศราชินี

เทคนิคการปลูกข้าวโพดหวานราชินีทับทิมสยาม
ให้รสชาติหวาน กรอบ ถูกใจผู้บริโภค

เจ้าของบอกว่า ที่ฟาร์มจะใช้ระบบปลูกพืชหมุนเวียน ไม่ได้กำหนดพื้นที่ตายตัว แบ่งปลูกตามออเดอร์ลูกค้า เพราะที่นี่ใช้ตลาดนำการผลิต วิธีการปลูกข้าวโพดของที่นี่จะเป็นการปลูกแบบอินทรีย์ ซึ่งหลายคนสงสัยว่า ปลูกข้าวโพดแบบอินทรีย์ทำได้ด้วยหรือ ตอบเลยว่า ทำได้ เทคนิคการปลูกมีดังนี้

  1. การเตรียมแปลง ที่นี่จะไถพรวนแล้วตีปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ลงไปด้วย และเมื่อเตรียมดินเสร็จขุดหลุมปลูก ให้รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักไปอีกเล็กน้อย
  2. จากนั้นหยอดเมล็ด หลุมละ 3-4 เมล็ด แล้วกลบ
  3. ระยะห่างระหว่างต้น ประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อให้พืชได้เกิดการผสมเกสร เพราะถ้าพืชไม่มีการผสมเกสรจะส่งผลทำให้ฝักออกมาไม่สมบูรณ์ เมล็ดลีบ รสชาติไม่หวาน ฟักไม่ดก
  4. เมื่ออายุครบ 20 วัน เริ่มพรวนดินใส่ขี้แดดนาเกลือ ไว้รอบๆ ขี้แดดนาเกลือคือสาหร่ายขี้ตะไคร่น้ำนาเกลือ เกิดจากชาวนาเกลือเวลาทำนาผันน้ำออกไปแล้ว เขาจะเอาน้ำหล่อพื้นนาไว้ให้ดินชื้น ทีนี้มันจะเกิดเป็นตะไคร่น้ำเวลาแสงแดดส่องผ่านกระทบดินมันจะกลายเป็นตะไคร่แผ่นสาหร่าย แล้วก็เอาน้ำออก พอแห้งจะล่อนเหมือนขี้ดิน เขาจะเอารถมาปาดขายได้ ซึ่งขี้แดดนาเกลือจะมีธาตุอาหารแทนปุ๋ยเคมี ทำให้ผลไม้มีรสชาติกลมกล่อม หวาน กรอบ พืชเจริญเติบโตได้ดี ถือเป็นสูตรเด็ดเคล็ดลับความหวานของข้าวโพดที่ฟาร์ม
แปลงปลูกข้าวโพดหวานราชินีทับทิมสยาม

ระบบน้ำ …ใช้สายยางเดินรด เพราะปลูกครอปละไม่มาก น้ำวันเว้นวัน และกำลังอยู่ในขั้นตอนเร่งพัฒนาทำระบบน้ำหยดพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อประหยัดต้นทุนในอนาคต

การดูแลกำจัดแมลง …ปัญหาหลักของข้าวโพดคือ หนอนกระทู้ แต่ที่นี่จะไม่ใช้สารเคมีในการกำจัด จะใช้อินทรีย์เข้ามาแทน โดยการใช้น้ำหมักมะกรูด หรือน้ำหมักสะเดา ฉีดพ่นสัปดาห์ละครั้ง ถ้าช่วงไหนระบาดหนักก็พ่นวันเว้นวัน

ส่วนการทำน้ำหมักมะกรูดไว้ใช้เองไม่ยาก เพียงใช้มะกรูดสด 5 กิโลกรัม นำไปปั่นหรือแช่น้ำให้เปื่อยแล้วขยำทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำมากรอง ผสมน้ำในอัตราส่วนตามความเหมาะสม ในมะกรูดจะมีสารจับใบและมีกลิ่นหอมระเหยสามารถไล่แมลงได้

ระยะการปลูกถึงเก็บเกี่ยว …ใช้เวลา80 วัน ผลผลิตที่ได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ลูกค้าชอบ ฝักใหญ่ หวาน กรอบ น้ำหนักต่อฝักเฉลี่ย ประมาณ 7-8 ขีด 1 ต้น ได้ผลผลิตประมาณ 3 ฝัก

ราคาขาย …ในชุมชนราคาฝักละ 25 บาท ขายออนไลน์ฝักละ 35-40 บาท ถือเป็นพืชสร้างรายได้ดีเมื่อเทียบกับเงินลงทุน

ข้าวโพดหวานราชินีทับทิมสยาม ฝักใหญ่ หวาน กรอบ

ต้นทุนในการผลิตต่อครอป …ค่าใช้จ่ายหลักๆ อยู่ที่ค่าเมล็ดพันธุ์ ส่วนค่าปุ๋ยคอก กระสอบละ 35 บาท ขี้แดดนาเกลือ กระสอบละ 60 บาท น้ำหมักมะกรูดหาเก็บทำเองได้ หรือจะไปขอตามร้านทำเครื่องแกงมาทำก็ได้ สรุปค่าใช้จ่ายการปลูกข้าวโพดแค่หลักพันต้นๆ ต้นทุนไม่แพง แต่ที่ขายได้ราคาดีเพราะความใส่ใจดูแลที่ดี และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคด้วย

รายได้ต่อเดือน …200,000 บาท แต่ต้องบอกก่อนว่า รายได้ 200,000 บาท นี้ไม่ใช่มาจากการขายข้าวโพดและมะเขือเทศเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากสวนเกษตรผสมผสานและการพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้เชิงเกษตร มีกิจกรรมให้เด็กมาเรียนดำนา ทำกิจกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรในฟาร์ม ภายใต้แบรนด์กินกรีน รวมถึงการทำตลาดออนไลน์ และมีหน้าร้านขายสินค้าเกษตรจากเครือข่ายยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์อยู่ที่ตลาด อ.ต.ก. เน้นเชื่อมโยงเครือข่ายทำเกษตรอินทรีย์

ไก่ไข่อารมณ์ดี

ทำตลาดสินค้าเกษตรอย่างไร
ให้มีรายได้หลักแสนต่อเดือน

พี่แหม่ม บอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการทำเกษตรคือ ใช้ตลาดนำการผลิต และต้องมีความรู้ความใส่ใจจริงๆ ต้องไม่ทำตามกระแส และต้องรู้จักการแปรรูป แพ็กเกจจิ้งยังไงก็สำคัญ ยกตัวอย่าง สินค้าสร้างรายได้หลักที่ฟาร์มคือ ปลาแดดเดียว แต่จะทำอย่างไรให้ขายออนไลน์ได้ทั่วประเทศ ก็ต้องมาถึงขั้นตอนแพ็กเกจจิ้งที่ทันสมัย ไปที่ไหนใครก็อยากซื้อ และราคาสามารถจับต้องได้

ส่วนการทำตลาดออนไลน์ เกษตรกรต้องขยันโพสต์กิจกรรมภายในสวนทุกวัน เพื่อให้ผู้ติดตามเพจได้ทราบว่า วันนี้ที่ฟาร์มปลูกอะไร ทำอะไรบ้าง รวมถึงการเปิดพรีออเดอร์สินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ ว่าเขาอยากจะกินอะไร ต้องการอะไร พอเขาบอกมาแล้ว เราก็มาผลิตส่งตรงถึงโต๊ะอาหารลูกค้า ฟาร์มทูเทเบิ้ล หรือถ้าในบางเดือนพื้นที่ไม่พอปลูกสินค้าครบจำนวนตามที่ลูกค้าออเดอร์มา ที่ฟาร์มจะแก้ปัญหาด้วยการนำสินค้าของเครือข่ายมาขาย ในราคาที่ให้เขากำหนดเอง จะไม่มีการกดราคาเกษตรกรด้วยกันเองเกิดขึ้น เพราะเราไม่ใช่พ่อค้าคนกลาง เราเป็นเครือข่ายกัน

แปลงปลูกข้าวโพดนมสดเพียวไวท์ฮอกไกโด

แนะนำเกษตรกรรุ่นเก่า หาทางออกสินค้าล้นตลาด

“สิ่งที่เกษตรกรรุ่นเก่ากลัวที่สุดคือ กลัวการขาย กลัวการออกจากบ้าน ยกตัวอย่าง เกษตรกรแถวบ้าน เราไปสอนเขาทำปลาแดดเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วเกษตรกรที่เราไปสอนเขามีองค์ความรู้ มีความชำนาญมากกว่าเรา แต่เขาให้เราไปสอน เราก็ไม่รู้จะสอนอะไร แต่เรามองปัญหาของเขาอย่างเดียวคือ เขาแค่ไม่กล้าออกไปขาย บ้านอยู่ริมถนนรถผ่านเยอะทุกวันแต่ไม่ติดป้ายว่า มีปลาขาย ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่รู้จะติดยังไง จะมีคนเห็นไหม อันนี้คือ เกษตรกรคิดเอง คิดแทนลูกค้า คือบางครั้งการตลาดก็แค่การประชาสัมพันธ์ และเปิดใจกล้าที่จะออกไปเจอลูกค้า กล้าที่จะขาย แต่เกษตรกรขาดตรงนี้ ไม่ต้องมีองค์ความรู้มากมาย แต่กล้าที่จะทำ ตลาดอยู่ที่ปากเรานี่เอง หรือถ้าเกษตรกรท่านใดพื้นที่บ้านไม่สะดวกเป็นที่ไม่มีคนสัญจรจริงๆ ก็เริ่มจากการนำไปขายที่ตลาดนัดใกล้บ้าน หรือถ้าไม่มีเวลาก็ไปรับออเดอร์มาก่อนก็ได้ แล้วมาทำที่บ้านแล้วเอาไปส่ง ไม่ต้องเขิน และอย่าคิดว่าสินค้าตัวเองขายไม่ได้ เพราะแค่ยอดมะตูมแขก ลูกมะอึก ผักเสี้ยนดอง ที่พี่ลงโพสต์ขายก็ขายได้ ลูกมะอึกที่อยู่ตามถนน โลละ 80 บาท เชฟในโรงแรมต้องการแทบตาย แต่ไม่มีคนเห็นค่า พี่โพสต์ขายแป๊บเดียวหมด ดังนั้น เกษตรกรทุกคนต้องออกจากความกลัว ในยุคสมัยนี้หยิบจับอะไรขึ้นมา แป๊บเดียวก็ขายได้ ถ้าของเราดีไม่ต้องกลัวโซเชี่ยลไปไวมาก แค่กล้าเริ่มต้น” พี่แหม่ม กล่าวทิ้งท้าย

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรืออยากแวะชมเกษตรวิถีธรรมชาติ กินกรีน สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 095-962-1832

ข้าวโพดนมสดเพียวไวท์ฮอกไกโด