ที่มา | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ทำให้เกษตรกรไทยเผชิญกับปัญหาผลผลิตน้อยลง เนื่องจากขาดน้ำใช้ในการเกษตรแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่เกษตรกรผู้ปลูกผักต้องรับมือคือ ปัญหาแมลงระบาด กัดกินผลิตผลโดยเฉพาะกะหล่ำปลี ผักกาดขาว และมะเขือเทศ ที่บางแห่งเสียหายเกือบครึ่ง ไม่สามารถขายได้ นำมาซึ่งการสูญเสียรายได้
เทสโก้ โลตัส ในฐานะผู้รับซื้อผักและผลไม้ตรงจากเกษตรกรไทย มากถึงปีละ 150,000 ตัน จึงได้ร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเดินสายให้ความรู้กับเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ในการเพาะไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Steinernema sp. Thai strain) ไว้ใช้เอง โดยมีต้นทุนค่าวัสดุเพาะเลี้ยงเพียงแค่ 100 บาท ต่อไร่ ต่อครั้ง เทียบกับการใช้ยาฆ่าแมลง ที่มีต้นทุน ระหว่าง 700-1,000 บาท ต่อไร่ ต่อครั้ง โดยนอกจากจะช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการป้องกันและกำจัดแมลงอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของเกษตรกรจากการใช้สารเคมี และความปลอดภัยของผู้บริโภคอีกด้วย
นางสาวพรเพ็ญ นาถพิริยรัตน์ รองประธานกรรมการฝ่ายกำกับดูแลคุณภาพสินค้า เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ด้วยมาตรฐานด้านความปลอดภัยและคุณภาพที่เทสโก้ โลตัส กำหนดสำหรับการรับซื้อผักและผลไม้จากเกษตรกร ที่ผ่านมาในช่วงหน้าแล้งที่มักจะพบปัญหาแมลงระบาด ผลิตผลที่เกษตรกรเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะผักใบ เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว และผักคะน้า ในบางส่วนไม่ผ่านมาตรฐานด้านคุณภาพของเรา แต่วิธีการแก้ปัญหา ไม่ใช่การเพิ่มการใช้ยาฆ่าแมลง เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ของเทสโก้ โลตัส เพราะอาจนำมาซึ่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ฉะนั้น เราจึงได้ประสานงานไปยังกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวิชาการและมีผลงานวิจัยไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย โดย เทสโก้ โลตัส ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานรัฐและเกษตรกรที่เราทำงานด้วย เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรสามารถเพาะไส้เดือนฝอยไว้ใช้เองได้ โดยเลือกเกษตรกรในอำเภอฮอด อมก๋อย และแม่สะเรียง จังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน เป็นโมเดลต้นแบบ ก่อนขยายผลไปสู่เกษตรกรในเขตพื้นที่อื่นๆ
นางจัน ปานง้วน อายุ 40 ปี เกษตรกรจากอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า สวนมะเขือเทศ ขนาด 3 ไร่ ของตน ประสบกับปัญหาหนอนกินเกสร ทำให้ผลมะเขือเทศมีตำหนิและไม่สามารถขายได้ในราคาที่ดี ที่ผ่านมาต้องพ่นยากำจัดแมลง ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มากถึง ร้อยละ 50-60 ของรายได้ จากการขายผลผลิตทั้งหมด หลังจากที่ได้ดูการสาธิตจากเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรแล้ว รู้สึกมีความสนใจที่จะทดลองเพาะไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงเอาไว้ใช้เอง และคิดว่าวิธีการไม่สลับซับซ้อนจนเกินไป รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ก็ล้วนเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายตามท้องตลาด
ทั้งนี้ ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย เป็นผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตร โดย ดร. นุชนารถ ตั้งจิตสมคิด ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา สังกัดสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ ได้เริ่มงานวิจัย ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539 เพื่อนำมาใช้ลดหรือทดแทนสารป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช รวมถึงสารชีวภัณฑ์การค้าอื่นๆ ที่มีราคาค่อนข้างสูง หาซื้อยาก อาจประสบปัญหาขณะเก็บรักษา และช่วงเวลาในการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่มีผลทำให้สารชีวภัณฑ์ลดประสิทธิภาพในการฆ่าแมลงได้ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย ที่มีคุณสมบัติทนทานอุณหภูมิได้สูง มีศักยภาพในการกำจัดแมลงได้หลายชนิด โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงขยายปริมาณในอาหารเทียมแบบง่ายๆ และมีต้นทุนต่ำ โดยใช้วัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ซื้อหาได้ง่ายตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ ฟองน้ำ น้ำมันหมู หม้อนึ่งฆ่าเชื้อ เป็นต้น ซึ่งเกษตรกรสามารถทำใช้เองได้ไม่ยุ่งยาก
การทำงานของไส้เดือนฝอยกำจัดแมลง คือเข้าสู่ตัวแมลงผ่านทางช่องเปิดตามธรรมชาติ ได้แก่ ทางปาก ช่องขับถ่าย หรือรูหายใจทางผิวหนังของแมลง จากนั้น ไส้เดือนฝอยจะปล่อยแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดของแมลง สร้างสารพิษที่มีผลทำให้แมลงเกิดภาวะเลือดเป็นพิษและตายภายในเวลา 12 ชั่วโมง โดยไส้เดือนฝอยมีความปลอดภัยต่อมนุษย์ เนื่องจากไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์เลือดอุ่น ทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจได้ว่า ผักและผลไม้มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
สำหรับกรรมวิธีการทำอาหารเทียมเพื่อเพาะไส้เดือนฝอย สามารถทำได้ดังนี้
หนึ่ง ใช้ไข่ไก่ 4-5 ฟอง ผสมน้ำมันหมู 130 ซีซี และน้ำ 260 ซีซี คลุกกับก้อนฟองน้ำตัดรูปทรงสี่เหลี่ยม 40 กรัม แล้วนำไปใส่ในภาชนะกล่องพลาสติกพร้อมฝาปิดหรือถุงทนร้อน แบ่งเท่าๆ กัน จำนวน 20 กล่อง หรือถุง จากนั้นนำไปนึ่งฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งไอน้ำเดือด เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
สอง เมื่ออาหารเทียมเย็น ใส่หัวเชื้อไส้เดือนฝอย 50,000 ตัว ต่อภาชนะ ด้วยกระบอกฉีดยาพร้อมเข็มสะอาด นำไปบ่มเพาะเป็นเวลาเพียง 7 วัน หัวเชื้อไส้เดือนฝอยจะขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนได้มากกว่า 300 เท่า หรือได้ไส้เดือนฝอยเฉลี่ย 15 ล้านตัว ต่อภาชนะ หรือ 20 ภาชนะ ได้ 300 ล้านตัว ต่อ 1 รอบการผลิต
สาม เกษตรกรสามารถนำไปพ่นกำจัดแมลงศัตรูพืชได้ ในพื้นที่เฉลี่ย 1 ไร่ คิดเป็นต้นทุน ประมาณ 100 บาท ต่อการพ่น 1 ครั้ง โดย 1 ฤดูปลูก พ่นกำจัดแมลงเฉลี่ย 5 ครั้ง คิดเป็นเงิน 500 บาท ต่อไร่
“การร่วมมือกันตามโมเดลประชารัฐ เป็นการผนวกจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่าย เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เทสโก้ โลตัส ทำงานร่วมกับเกษตรกรจำนวนมากทั่วประเทศไทย จึงทราบดีถึงปัญหาที่เกษตรกรประสบ แต่ขาดความเชี่ยวชาญในด้านเทคนิค ซึ่งในจุดนี้ กรมวิชาการเกษตรสามารถเติมเต็มให้ได้” นางสาวพรเพ็ญ กล่าวทิ้งท้าย