หนุ่มอ่างทอง ทำสวนเกษตรผสมผสาน มีรายได้วันละ 1,000 ทำได้ไม่ไกลเกินเอื้อม

คุณอำนาจ ศรีบัวทอง อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ที่ 2 ตำบลคำหยาด อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์จังหวัดอ่างทอง ที่เป็นทั้งเกษตรกรนักสู้ และเป็นทั้งนักคิดนักพัฒนาจนประสบผลสำเร็จในอาชีพที่ทำมาตั้งแต่จำความได้ ทุกวันนี้มีกิน มีใช้ มีเงินเก็บ ส่งลูกเรียน ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากรายได้จากอาชีพเกษตรกรรม มาดูกันว่าคุณอำนาจจะมีเทคนิคทำเกษตรอย่างไร ให้ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจได้ขนาดนี้

คุณอำนาจ ศรีบัวทอง เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นเกษตรกรว่า ตนเริ่มเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ซึ่งการทำเกษตรของตนนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการให้ทันยุคทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่ตลอดเวลา

คุณอำนาจ ศรีบัวทอง

โดยเริ่มต้นจากการเป็นชาวนา ทำนาปลูกข้าวแบบทั่วไปตามที่สมัยบรรพบุรุษได้สืบทอดทำกันมา แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนไปจากเดิม จึงเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงการทำนาแบบเดิมๆ มีการเรียนรู้เทคนิคการทำนาสมัยใหม่มากขึ้น พร้อมทั้งศึกษาปัจจัยและองค์ประกอบที่มีผลในด้านการผลิต ทั้งเรื่องของดิน น้ำ อากาศ เพื่อนำมาปรับประยุกต์ใช้ในนาข้าวของตัวเอง

เป็นเกษตรกรทันสมัย ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต

ซึ่งหลังจากการที่ได้ศึกษาทดลอง ผลลัพธ์ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ ผลผลิตข้าวต่อไร่สูงขึ้น และต้นทุนต่ำลง แต่ก็ต้องประสบปัญหาข้าวราคาตกต่ำที่เข้ามาซ้ำเติมอย่างไม่จบสิ้น จนต้องกลายเป็นหนี้เป็นสิ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องกลับมานั่งคิดหาทางออกของปัญหาอีกครั้ง จนเกือบถึงทางตันก็ได้มีแสงสว่างเข้ามาช่วย ให้ได้นึกถึงแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง รัชกาลที่ 9

เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เริ่มมีการนำแนวทางเกษตรผสมผสานของพ่อหลวงมาปรับใช้ ด้วยการลดพื้นที่ทำนาลง แล้วเพิ่มในส่วนของเกษตรผสมผสานเข้ามา จำนวน 8 ไร่ เพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน ปัญหาภัยธรรมชาติ ปัญหาด้านการตลาด ที่เกินการควบคุมของตัวเอง และมองว่าเกษตรผสมผสานจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายได้อีกด้วย

ทำเกษตรผสมผสาน 8 ไร่
ช่วยหลุดพ้นความยากจน

เจ้าของบอกว่า ปัจจุบันก็ยังทำนาเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้เหมือนเดิม เพราะทำในจำนวนที่มากกว่า 180 ไร่ ปลูกข้าวหลายสายพันธุ์ด้วยกัน จึงยังละทิ้งการทำนาไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องเจออุปสรรคมากมายก็ตาม แต่ถ้ามีสติ ปัญหาก็ย่อมมีทางออก ซึ่งทางออกที่คุณอำนาจเลือกก็คือ การหันมาทำเกษตรผสมผสานเพื่อสร้างรายได้เสริมที่ไม่ได้เงินทองมากมาย แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้คนในครอบครัวอิ่มท้อง มีเงินส่งลูกไปโรงเรียนได้ทุกวัน ด้วยการเก็บพืชผักภายในสวนมาขาย เลือกปลูกไม้ผลกินได้ และต้องเลือกชนิดไม้ผลให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตัวเองด้วย

โดยดูจากปัจจัยด้านพื้นที่ว่าอยู่สูงจากน้ำชั้นใต้ดินเท่าไร ควรปลูกพืชชนิดใด และจะต้องรู้ว่าพื้นที่ของตัวเองมีทิศทางลมมาจากทิศใด คลองส่งน้ำ คลองทิ้งน้ำ อยู่ตรงไหน เพื่อให้รู้ว่าหากเกิดฝนตกหนักขึ้นมามีปริมาณน้ำมากๆ จะมีวิธีการระบายน้ำอย่างไรให้เหมาะสม เพราะถ้าวางแผนทำแบบนี้ได้ จะเกิดผลดีคือ เกษตรกรจะได้ผลผลิตที่แน่นอน ไม่เสียหาย น้ำไม่ท่วมในสวน และต้นไม้ในสวนที่ปลูกไว้ก็ไม่เกิดความเสียหาย

นอกจากการวางแผนระบบน้ำที่ดีแล้ว การจัดสรรพื้นที่การปลูกก็เป็นเรื่องที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง โดยที่สวนคุณอำนาจจะเลือกปลูกพืชที่ปลูกง่ายแต่ตลาดมีความต้องการบริโภคอยู่เรื่อยๆ เช่น มะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ ฝรั่งกิมจู ส้มโอ มะนาว น้อยหน่า พุทรา มะขามเทศ มะพร้าวน้ำหอม และพืชผักใบอีกมากมาย ถือเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเกิดการเกื้อกูลกันจากธรรมชาติสู่ธรรมชาติ

ส่วนเคล็ดลับในการที่จะทำอย่างไรให้สามารถเลือกปลูกพืชให้ได้มากมายหลายอย่างขนาดนี้ เจ้าของบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การบริหารจัดการเวลา ที่จะทำอย่างไร ให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์ดีสุด ก็ต้องเริ่มวางแผนที่พืชหลักอย่างข้าวก่อน คือในช่วงแรกของการปลูกข้าว ก็จะใส่ใจไปที่การปลูกดูแลข้าวอย่างเดียว หลังจากนั้นเมื่อต้นกล้าเริ่มแข็งแรงโตสูงคลุมดินได้ ก็จะว่างจากการทำนา แล้วใช้เวลาช่วงที่เหลือหันมาเข้าสวนผสมผสานต่อ

โดยมีการจัดสรรแบ่งพื้นที่ขุดบ่อน้ำ ขุดพื้นที่ร่องสวน เลือกปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่และเอื้อประโยชน์ต่อกันภายในสวนให้มากที่สุด ด้วยการปลูกชะอมเป็นแนวรั้ว เป็นได้ทั้งรั้วกินได้ รั้วขายได้ รั้วป้องกันขโมย รั้วป้องกันสัตว์ร้ายที่จะเข้ามาแอบกินพืชผักในสวน รวมถึงเป็นรั้วต้นทุนต่ำ แทนที่จะต้องไปเสียเงินสร้างรั้วคอนกรีตราคาแพง 300,000-400,000 บาท กับการเสียเงินหลักพันไปซื้อกิ่งชะอมมาปลูกเป็นแนวรั้วที่ประหยัดต้นทุน และยังสามารถสร้างรายได้จากชะอมริมรั้วได้ วันละประมาณ 200-300 บาท ถัดมาพืชชั้นที่สองที่สวนจะเลือกปลูกเป็นมะม่วงหลากสายพันธุ์อย่างละ 10-20 ต้น และพืชชั้นที่สาม จะปลูกมะพร้าวน้ำหอม และช่วงระหว่างมะพร้าวน้ำหอมจะปลูกมะกรูด

ชะอมริมรั้ว

ซึ่งวิธีการแบ่งปลูกพืชเป็นชั้นๆ แบบนี้ถือเป็นวิธีที่ดีมาก เพราะพืชแต่ละชนิดกินอาหารต่างกัน เพราะฉะนั้นเวลาปลูกใกล้กันไม้บางอย่างจะเป็นภาวะเกื้อกูลกัน พึ่งพาอาศัยกันในการให้ร่มเงาบ้าง นอกจากพืชผักและไม้ผลแล้ว ที่สวนยังกันพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ด้านบนของสวน แบ่งปลูกไม้ป่า เช่น มะฮอกกานี พะยูง ประดู่ และปลูกไม้ดอกเพื่อไว้ล่อแมลงให้มาอยู่ในสวนและใช้ให้แมลงเหล่านี้เป็นตัวช่วยผสมเกสรดอกไม้ และช่วยผสมเกสรให้กับไม้ผลภายในสวนได้อีกด้วย

ปลูกพืชแบบร่องสวน

ยกตัวอย่างการปลูกมะม่วง ถ้าดินดี
ปลูกแล้วไม่ต้องดูแลมาก ผลผลิตก็ออกมาดี

คุณอำนาจ บอกเล่าถึงเทคนิคขั้นตอนการปลูกมะม่วงว่า อันดับแรกต้องบอกก่อนว่า ไม่ว่าจะปลูกมะม่วงหรือพืชผักชนิดใดก็แล้วแต่ ขั้นตอนสำคัญที่สุดอยู่ที่การเตรียมดิน บำรุงดินให้ดีตั้งแต่เริ่มปลูก ยกตัวอย่าง ที่สวนจะปลูกมะม่วงระบบร่องสวน แต่วิธีการขุดยกร่องของที่สวนจะไม่เหมือนใคร ตรงที่สวนทั่วไปจะนิยมการตักหน้าดินชั้นบนไปไว้ข้างล่าง แล้วตักเอาดินข้างล่างขึ้นไปไว้ข้างบน ซึ่งเป็นวิธีที่ทำแล้วจะไม่ค่อยได้ผลดีเท่าที่ควร ต้นไม้จะเจริญเติบโตได้ช้ามาก เนื่องจากอินทรียวัตถุหรือปุ๋ยหน้าดินลงไปอยู่ข้างล่างหมด แต่ที่สวนจะใช้วิธีการสลับดิน ด้วยการเอาดินชั้นที่ไม่ดีลงไปข้างล่าง เอาดินชั้นที่ดีไว้ข้างบน เมื่อดินดีแล้วตอนปลูกต้นไม้ลงไปแทบจะไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย ไม่ต้องไปเหนื่อยซื้อปุ๋ยมาใส่ เพราะดินเราดีอยู่แล้ว

หลังจากเตรียมดินเสร็จแล้ว ตากดินไว้ให้แห้งเพื่อฆ่าเชื้อโรคให้ดินร่วนซุย จากนั้นมาวางแผนพื้นที่ส่วนไหนจะปลูกมะม่วงพันธุ์อะไร

ขั้นตอนการปลูก ขุดหลุม รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์ จากนั้นนำต้นพันธุ์มะม่วงที่เตรียมไว้ลงปลูก กลบดินแค่พอดีโคนต้น

การดูแลใส่ปุ๋ย ปีละครั้ง ปุ๋ยที่ใช้เป็นปุ๋ยหมักต่างๆ แต่ถ้าดินดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องใส่ อย่างที่สวนเลี้ยงเป็ด เป็ดไปนอนใต้ต้นมะม่วง เป็ดถ่ายมูลออกมาเป็นปุ๋ยโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยเลย

น้ำ ช่วงปลูกแรกๆ รดน้ำทุก 3 วัน จนกว่าต้นจะเจริญเติบโต หลังจากนั้นก็ปล่อยได้เลย รดน้ำนานๆ ครั้ง เนื่องจากน้ำชั้นใต้ดินลึกแค่ไม่ถึงเมตรต้นไม้ก็จะสามารถหาน้ำกินได้เอง ใช้ระยะปลูก 2 ปี ผลผลิตออกครั้งแรก ออกมากจนเก็บแทบไม่ทัน เพราะมีการเตรียมดินและระบบน้ำที่ดีไว้ตั้งแต่แรก

รายได้ ในตอนนี้ยังเป็นข้าวที่สร้างรายได้หลัก ในส่วนของเกษตรผสมผสานรวมๆ จากการเก็บพืชผักหลายชนิดภายในสวน จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 บาท กลายเป็นรายได้นำมาจุนเจือครอบครัว เป็นเงินค่าขนมลูกไปโรงเรียน จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ อยู่ได้สบายๆ เพราะเราอยู่กับแหล่งอาหาร และเมื่อถึงบั้นปลายชีวิตอายุมากขึ้น ทำงานอื่นไม่ไหว สิ่งที่จะเลี้ยงชีพเราได้คือ สวนของเราที่เราทำไว้

ตลาด โพสต์ขายผ่านเฟซบุ๊ก เป็นช่องทางที่ง่ายและเร็ว เพราะไม่ได้ทำในปริมาณที่มากจนกระจายสินค้าออกเองไม่ทัน ถ้าทำมากไปก็ต้องมากังวลเรื่องการตลาด ต้องไปให้พ่อค้าคนกลางกดราคา แต่ถ้าทำในปริมาณที่พอดี สามารถขายเองได้ และสามารถกำหนดราคาเองได้ อย่างที่สวนโพสต์ขายฝรั่ง กิโลกรัมละ 40 บาท ขายได้ ขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว ในขณะที่ตามท้องตลาดขายในกิโลกรัมละ 25 บาท ยังขายไม่หมด เพราะฉะนั้นเกษตรกรต้องคิดให้เป็นและพยายามผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และปลอดภัยต่อผู้บริโภคด้วย นี่คือ สิ่งสำคัญที่สุด

นาข้าวคุณภาพเยี่ยม

ฝากถึงเกษตรกร

“ฝากถึงเกษตรกรที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ หรือขาดทุนล้มเหลวจากการทำเกษตร ผมอยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง แล้วกลับมาศึกษาหาความรู้ให้ชัดเจนในสิ่งที่จะทำ และก้าวสู้ต่อไป ผมเชื่อว่าเราทุกคนสามารถทำทุกอย่างได้ ถ้ามีองค์ความรู้และวิธีคิดที่ดี เกษตรผสมผสานไม่ใช่สิ่งที่แย่ แต่เกษตรผสมผสานเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีแหล่งอาหารเป็นของตัวเอง อย่างน้อยไม่มีเงิน ไม่มีงาน แต่ยังมีกิน หรือเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ เราก็ไม่อดตาย ค่อยๆ ทำกันไปเถอะครับ วันละนิดวันละหน่อย เดี๋ยวก็สำเร็จเอง” คุณอำนาจ กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ คุณอำนาจ ศรีบัวทอง ได้ที่ เบอร์โทร. 081-991-2369

เป็ดบำบัดน้ำกลายเป็นปุ๋ย
ปลูกเองขายเอง

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2563