“ศรีสะเกษ 1” มะขามพันธุ์ใหม่สายเปรี้ยว

กรมวิชาการเกษตร เปิดตัวมะขามเปรี้ยวพันธุ์ใหม่ “ศรีสะเกษ 1” ฝักใหญ่ เมล็ดน้อย ให้ผลผลิตสูง ปริมาณเนื้อมาก ฝักดาบ โค้ง ยาว แกะเปลือกแยกเนื้อออกจากรกง่าย ลักษณะเด่นชนะมะขามพันธุ์ท้องถิ่นและพันธุ์เดิมที่เกษตรกรปลูกมากว่า 20 ปี เร่งกระจาย “ศรีสะเกษ 1” มะขามเปรี้ยวพันธุ์ดีสู่เกษตรกรไม่น้อยกว่า 1,000 กิ่ง/ปี

มะขาม เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญพืชหนึ่งของประเทศไทย ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยไทยเป็นประเทศผู้ผลิตมะขามเปรี้ยวใหญ่เป็น อันดับ 2 ของเอเชีย รองจากประเทศอินเดีย ผลิตภัณฑ์มะขามที่ส่งออกมีทั้งมะขามสด มะขามเปียก และมะขามแห้ง โดยมีประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม แคนาดา สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา มะขามเปรี้ยวแกะเปลือกหรือมะขามเปียก ใช้เป็นเครื่องปรุงรสเปรี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์ด้านรสชาติในอาหารไทยเกือบทุกชนิด ภัตตาคาร และร้านอาหารไทยในต่างประเทศจึงมีความต้องการนำเข้ามะขามเปรี้ยวจากไทยเพิ่มขึ้น มะขามเปรี้ยวจึงถือเป็นสินค้าเกษตรชนิดหนึ่งของไทยที่มีศักยภาพในการส่งออก สร้างรายได้ให้กับประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท

ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ กรมวิชาการเกษตร ได้วิจัยปรับปรุงพันธุ์มะขามเปรี้ยวที่ใช้ประโยชน์จากฝักดิบและฝักแก่เพื่อการแปรรูปและการผลิตมะขามเปียก โดยออกเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตรไป เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2537 ใช้ชื่อพันธุ์ว่า มะขามเปรี้ยวพันธุ์ศรีสะเกษ ซึ่งพันธุ์ดังกล่าวได้ออกเป็นพันธุ์แนะนำแก่เกษตรกรมาแล้วกว่า 20 ปี ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาพันธุ์มะขามเปรี้ยวให้ได้พันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์เดิมเป็นทางเลือกและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกต่อไป ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ จึงได้ปรับปรุงพันธุ์มะขามเปรี้ยวโดยรวบรวมพันธุ์มะขามเปรี้ยวที่ชนะการประกวดในจังหวัดต่างๆ นำมาปลูกไว้ในแปลงรวบรวมพันธุ์ ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ จำนวน 26 สายพันธุ์ โดยมีพันธุ์เดิมคือ พันธุ์ศรีสะเกษ เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ

ปี 2536-2544 ได้คัดเลือกพันธุ์มะขามเปรี้ยวจากแปลงรวบรวมพันธุ์ดังกล่าว โดยมีเกณฑ์ในการคัดเลือกคือต้องเป็นทรงพุ่ม ทรงกระบอก หรือทรงกลม เจริญเติบโตดี ติดฝักสม่ำเสมอ ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์แนะนำเดิม ฝักมีขนาดใหญ่ โค้งเล็กน้อยและยาวไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร เปลือกหนา ฝักไม่แตกง่าย มีปริมาณเนื้อมากกว่า 45 เปอร์เซ็นต์ สามารถคัดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงได้จำนวน 2 สายพันธุ์ คือ ศก.045 และ ศก.048 ปี 2554-2562 ได้ทดสอบพันธุ์มะขามเปรี้ยวเพื่อการแปรรูปในท้องถิ่น ซึ่งผลจากการทดสอบพันธุ์สามารถคัดเลือกได้พันธุ์ที่มีลักษณะดีเด่นตามเกณฑ์คัดเลือกได้ 1 สายพันธุ์ คือ ศก.048

มะขามเปรี้ยวสายพันธุ์ ศก.048 ได้ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ จึงใช้ชื่อพันธุ์ว่า “มะขามเปรี้ยวพันธุ์ศรีสะเกษ 1” มีลักษณะเด่น คือ ให้ผลผลิตสูงถึง 4.46 กิโลกรัม/ต้น/ปี ซึ่งสูงกว่าพันธุ์ศรีสะเกษ ที่ให้ผลผลิต 3.14 กิโลกรัม และสูงกว่าพันธุ์ท้องถิ่นที่ให้ผลผลิต 1.62 กิโลกรัม ซึ่งพันธุ์ศรีสะเกษ 1 ให้ผลผลิตสูงกว่าเกือบ 2 เท่า รวมทั้งยังให้ปริมาณเนื้อมากถึง 47 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าพันธุ์ศรีสะเกษที่ให้ปริมาณเนื้อ 43 เปอร์เซ็นต์  และมากกว่าพันธุ์ท้องถิ่นที่ให้ปริมาณเนื้อ 41 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ มะขามเปรี้ยวพันธุ์ศรีสะเกษ 1 ยังมีฝักขนาดใหญ่ ความยาวกว่า 15 เซนติเมตร และความหนาฝัก 1.99 เซนติเมตร ซึ่งมากกว่าพันธุ์ศรีสะเกษ และมากกว่าพันธุ์ท้องถิ่น ใน 1 กิโลกรัม มีจำนวนฝัก 48 ฝัก ในขณะที่พันธุ์ศรีสะเกษมีจำนวนฝัก 50 ฝัก และพันธุ์ท้องถิ่นมีจำนวนฝัก 63 ฝัก ลักษณะฝักมะขามเปรี้ยวพันธุ์ศรีสะเกษ 1 เป็นฝักดาบ ฝักยาว ค่อนข้างกลมและโค้งเล็กน้อย ทำให้สะดวกในการแกะเปลือกเพื่อแยกเนื้อออกจากรก  ปริมาณเมล็ดน้อย โดยมีเมล็ด 23 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่พันธุ์ศรีสะเกษมีเมล็ด 29 เปอร์เซ็นต์ และมะขามเปรี้ยวพันธุ์ท้องถิ่นมีเมล็ด 28 เปอร์เซ็นต์

ในปี 2562 มีต้นแม่พันธุ์อายุ 8 ปี จำนวน 20 ต้น พร้อมขยายพันธุ์ได้ไม่น้อยกว่า 1,000 กิ่ง/ปี เกษตรกรที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ กรมวิชาการเกษตร โทร. 045-814-581