วิไล ประกอบบุญกุล เกษตรกรมืออาชีพ ปลูกกล้วยหอมครบวงจร นานกว่า 30 ปี

คุณวิไล ประกอบบุญกุล เป็นเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีมานานกว่า 30 ปี คุณวิไล เริ่มต้นบนเส้นทางกล้วยหอมด้วยการปลูกอย่างเดียว จากนั้นต่อยอดด้วยการตัดขาย พัฒนามาถึงการเป็นผู้จัดส่งเอง แถมท้ายด้วยการมีแผงขายกล้วยอยู่ที่ตลาดไทอีก เรียกว่า เธอทำสวนกล้วยแบบครบวงจร

เลิกทำสวนส้ม หันมาปลูกกล้วย

คุณวิไล กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดปทุมธานี นิยมปลูกกล้วยหอมแบบระบบร่อง เพราะสมัยก่อนเคยเป็นสวนส้มมาก่อน หลังเลิกทำสวนส้ม จึงปรับสวนเดิมมาปลูกกล้วยหอมแทน โดยนำเทคนิคการปลูกหลายวิธีมาใช้ อย่างแรก ใช้หน่อจากต้นกล้วยที่ตัดเครือไปแล้วซึ่งจะได้ผลดีและมีความสมบูรณ์ ทั้งนี้ ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกกล้วยได้จำนวน 300 หน่อ ใช้ระยะปลูก 1.50 เมตร แต่ละร่องปลูก 3 แถว

กล้วยหอม ปลูกได้ทั้งปี

กล้วยหอม สามารถปลูกได้ทุกฤดู แต่ควรเลือกพื้นที่ให้มีน้ำอุดมสมบูรณ์ เพราะต้องใช้น้ำรดตลอด ขณะเดียวกัน ควรวางแผนปลูกให้ได้ผลผลิตตรงกับช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ตรุษจีน ควรเริ่มปลูกในเดือนมีนาคม-เมษายน โดยใช้เวลาประมาณ 9 เดือน สามารถเก็บผลขายได้ตรงเวลา กับอีกเทศกาลสำคัญคือ สารทจีน ซึ่งควรลงมือปลูกในราวเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน

วิธีปลูก กล้วยหอมทอง

วิธีปลูกกล้วยหอมจะต้องรองก้นหลุมด้วยมูลวัวและกระดูกป่น จากนั้น 1 เดือน จึงเริ่มใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 หรือยูเรีย ประมาณครึ่งกำมือ ใส่บริเวณรอบโคนแต่อย่าให้ชิดต้น จากนั้น 2 เดือน ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 จำนวน 1 กำมือ รอบโคนเช่นกัน พอเข้าเดือนที่ 3 จะตักเลนจากร่องขึ้นมาใส่ที่โคนต้นเพื่อเรียกรากและป้องกันต้นโค่นล้ม

หลังจากเลนที่ตักใส่เริ่มแห้งสนิท จึงกลับมาใส่ปุ๋ยเช่นเดิม แล้วให้ใส่ทุกเดือน พอเข้าเดือนที่ 5 ให้ตัดเลนในร่องใส่อีกรอบ แล้วพอเลนแห้งจึงใส่ปุ๋ยเช่นเดิมอีก ขณะเดียวกัน ในช่วงนี้กล้วยจะออกใบสั้นและแทงปลี จึงต้องจัดการล้างคอกล้วยเพื่อเตรียมความพร้อมกับการสร้างคุณภาพผลผลิต อย่างไรก็ตาม วิธีการล้างคอกล้วยจะเป็นการช่วยกำจัดโรคแมลงที่อาศัยอยู่บริเวณรอบคอกล้วย พร้อมกับใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 จำนวน 2 กำมือ พร้อมกับการตัดแต่งใบ

ป้องกันโรคแมลง

คุณวิไล แนะนำว่า สวนกล้วยหอม ต้องระวังอย่าปล่อยให้บริเวณโคนต้นรก เพราะจะส่งผลต่อการเกิดโรค/แมลง เนื่องจากแสงแดดส่องไม่ถึงผิวหน้าดิน ควรตัดใบกล้วยออก ประมาณ 10-12 ใบ ต่อต้น ทั้งนี้ เพราะในช่วงที่ตกเครือจะไม่มีการแทงใบใหม่ออกมา ดังนั้น ใบที่มีความสมบูรณ์จะช่วยในเรื่องการปรุงอาหารได้อย่างดี

ในช่วงเข้าเดือนที่ 6 จะต้องเริ่มค้ำต้นกล้วย เพราะเป็นช่วงที่กล้วยออกปลี จึงต้องค้ำต้นล่วงหน้าเสียก่อนมิเช่นนั้นอาจทำให้ต้นกล้วยล้มแล้วเสียหายได้ โดยเฉพาะถ้าในช่วงนั้นมีลมพัดแรง สำหรับไม้ที่ใช้ค้ำต้นนั้นเป็นไม้รวกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว ยาว 5 เมตร โดยตำแหน่งค้ำยันควรอยู่บริเวณคอกล้วยใบสุดท้าย

ส่วนอีกด้านของไม้ค้ำ ให้ปักลงดินลึกอย่างน้อย 20 เซนติเมตร แล้วใช้เชือกมัดบริเวณกลางกล้วย ในช่วงนี้ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 เพื่อเป็นการเร่งผลผลิตให้โต พร้อมกับการสร้างรสชาติ ขณะเดียวกัน ช่วงเวลานี้จะต้องใช้ถุงห่อกล้วยด้วยเพื่อป้องกันแสงแดดที่จะทำให้ผิวเปลือกเสีย ทั้งนี้ ข้อดีของการห่อจะช่วยทำให้ผลกล้วยมีสีสวยเท่ากัน มีผิวสวย โดยการห่อผลจะเริ่มห่อตั้งแต่ผลกล้วยมีขนาดเท่านิ้วโป้ง และควรใช้ถุงห่อสีฟ้าเพราะทดสอบแล้วว่าดีที่สุด

ช่วงเก็บเกี่ยว

พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวจะตัดเครือกล้วยใส่บรรทุกลงในเรือที่อยู่ตามร่อง แล้วนำไปหั่นเป็นหวีล้างทำความสะอาด ขณะเดียวกันจะมีการคัดแบ่งเกรดเป็นไซซ์ขนาดใหญ่-กลาง-เล็ก สำหรับการขายให้ลูกค้าที่สั่งไว้จะใส่กล้วยไว้ในเข่ง จำนวนเข่งละ 7 หวี สำหรับกล้วยที่คัดตกเกรดจะมีคนมารับซื้อเพื่อนำไปแปรรูปเป็นขนมชนิดต่างๆ ส่วนสถานที่ขายจะมีแผงร้านขายอยู่ที่ตลาดไท ใช้ชื่อว่า “พรวิไลกล้วยหอม” จะขายทุกวัน

สร้างเครือข่ายลูกไร่

คุณวิไล มีสวนกล้วยหอมที่จังหวัดปทุมธานี จำนวนเนื้อที่ 100 ไร่ นอกจากผลผลิตกล้วยในสวนตัวเองแล้วยังรับซื้อกล้วยจากลูกไร่ที่ปลูกอยู่อีกหลายรายนับเป็นพันไร่ โดยจะรับซื้อ-ขายกล้วยแบบเป็นเครือ โดยเป็นการซื้อแบบเหมาสวน จะตีราคาเป็นเครือตามความสมบูรณ์ ทั้งนี้ เครือที่ความสมบูรณ์มากราคาประมาณ 200 บาท ส่วนความสมบูรณ์น้อยราคาก็จะลดต่ำลงมา และการเข้าซื้อแต่ละสวนเจ้าของสวนจะขอมัดจำไว้ล่วงหน้า หรือบางรายอาจต่อรองเป็นค่าไม้ค้ำยันแทนเงินมัดจำ

อย่างไรก็ตาม ราคาไม้รวกต่อเที่ยวรถบรรทุก ประมาณ 10,000-20,000 บาท และมีราคาต่อลำประมาณ 16 บาท เป็นไม้รวกทางปราจีนบุรี ซึ่งถ้าเป็นไม้เลี้ยงราคาจะแพงหน่อย แต่มีคุณภาพเนื้อไม้และอยู่ได้นาน แต่ถ้าเป็นไม้รวกธรรมดาที่ราคาไม่แพงจะอยู่ได้ราวปีเศษเท่านั้น

ปลูกกล้วย ก็รวยได้

คุณวิไล บอกว่า อาชีพของตัวเองจะต้องมีสวนกล้วยด้วยเนื่องจากเราสามารถปลูกอย่างมีคุณภาพได้ กำหนดได้ แต่ความเป็นจริงคงไม่ทันเพราะเรามีแผงขายและมีลูกค้าจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องหาเครือข่ายที่ปลูกกล้วยแบบมีคุณภาพเพื่อช่วยบรรเทาความต้องการของลูกค้าในกรณีที่ไม่พอ

“ในปัจจุบันตลาดกล้วยมีความต้องการทั้งในและต่างประเทศ ที่ผ่านมาแม้จะมีพื้นที่ปลูกกล้วยเพิ่มขึ้น แต่ในบางคราวยังมีสภาพขาดแคลนอยู่ ถ้าตลาดในประเทศยังมีความต้องการอยู่อย่างต่อเนื่อง แล้วมีการส่งเข้าห้างใหญ่หรือร้านสะดวกซื้อด้วย แต่ถ้าปลูกแบบเน้นคุณภาพเพื่อส่งออกก็ยังเป็นตลาดที่สนใจ แต่ต้องคุณภาพจริงๆ ดังนั้น ขอสรุปว่าตอนนี้ตลาดกล้วยยังไปได้ เพียงแต่ขอให้เกษตรกรรักษามาตรฐานการปลูกควบคู่ไปด้วย” คุณวิไล กล่าว

เผนแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกวันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564