ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“จิตร์นิยม” เป็นสวนออร์แกนิกที่ส่งต่อกันมาเป็นเวลายาวนานถึง 4 รุ่น และได้เป็นสวนออร์แกนิกดีเด่นระดับประเทศจากกรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2556 มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยรุ่นอาเหล่ากงบุกเบิกทำเป็นสวนเกษตรอินทรีย์เป็นที่แรกของอำเภอศรีมหาโพธิ จนถึงปัจจุบันที่สวนก็ยังยืนหยัดที่จะทำเกษตรอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงมีการขยับขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมพื้นที่ 20 ไร่ จนถึงปัจจุบันขยายพื้นที่ไปถึง 500 ไร่ นับได้ว่าเป็นอีกสวนเกษตรผสมผสานแบบอินทรีย์ที่มากคุณค่า มากเรื่องราว และน่าค้นหาเป็นอย่างมาก
คุณปิยะพัทธ์ อุดมสิน หรือ คุณซีวิล อยู่บ้านเลขที่ 29/1 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรง ในวัย 24 ปี กลับมาสืบทอดกิจการทำสวนของที่บ้าน ในรุ่นที่ 4 อาศัยความเป็นคนรุ่นใหม่มาพัฒนาสวนที่บ้านให้เจริญก้าวหน้าสืบต่อไป แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ด้วยการประยุกต์เอาความคิดของคนรุ่นใหม่มาผสมกับประสบการณ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ จะไม่ยึดฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นที่ตั้ง แต่จะพยายามบาลานซ์ทั้งสองฝั่งให้เข้ากันระหว่างเทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่กับประสบการณ์ความรู้จากคนรุ่นเก่า
คุณปิยะพัทธ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเป็นเกษตรกรว่า ตนเรียนจบปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยตอนที่เรียนจบนั้นมีการตัดสินใจว่าอยากจะออกไปหาประสบการณ์การทำงานจากข้างนอกก่อน แต่เมื่อได้มาลองนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่คลุกคลีอยู่ด้วยมาตลอดทั้งชีวิต นั้นคือ วิถีชีวิตการเป็นเกษตรกร จึงได้เล็งเห็นโอกาสที่จะกลับมาพัฒนาสวนของครอบครัวให้ก้าวหน้าดีกว่า เพราะมองเห็นว่าทุกอย่างในสวนสามารถพลิกทุกอย่างให้กลายเป็นเงินได้ แม้กระทั่งดินก็สามารถขายได้ จึงตัดสินใจที่จะเลือกเดินทางกลับมาทำสวนที่บ้าน โดยช่วงนั้นเป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดพอดี จากเดิมที่สวนไม่ได้มีการขายของออนไลน์ ก็ใช้โอกาสตรงนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเองไปด้วย
โดยรูปแบบการจัดสรรพื้นที่ของสวนเน้นปลูกพืชผสมผสาน ปลูกไม้ผลมากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดนั้นล้วนแล้วแต่มีรางวัลการันตีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นมะยงชิดอุดมสินและมะปรางรุ่งอรุ่น พันธุ์พิเศษที่พัฒนาสายพันธุ์โดย คุณสมพร อุดมสิน เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ถูกคัดเลือกเข้าโครงการอนุรักษ์พันธุ์ชัยพัฒนา โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทุเรียนหมอนทอง ชะนี ก้านยาว และพันธุ์โบราณ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ทุเรียนหลากหลายพันธุ์ปลูกบนแหล่งพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปราจีนบุรีที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีรสชาติเฉพาะที่ยากจะหาที่ไหนเลียนแบบได้ มะไฟเหรียญทอง และลองกองรางวัลชนะเลิศ ลูกใหญ่ เนื้อแน่น หวาน อร่อย จนได้รางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในหลายๆ รายการ และได้ชื่อลองกองพันธุ์พิเศษนี้ว่า ลองกอง EXTRA นอกจากผลไม้อันโดดเด่นอันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะของสวนจิตร์นิยมแล้ว ยังมีผลไม้พันธุ์หายากอีกหลากหลาย อาทิ มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วง R2 E2 เขียวใหญ่ ขนุนฟ้าถล่ม กระท้อนอีล่า และกระท้อนทองกำมะหยี่ ปลูกแบบเน้นระบบนิเวศ สร้างความสมดุลทางธรรมชาติและความหลากหลายในชีวภาพโดยไม่เบียดเบียนหรือใช้สารเคมีเพื่อกำจัดศัตรูพืช มีการปลูกแนวไผ่ป้องกันไฟป่า และควันพิษ มีการขุดคูน้ำรอบสวน รวมถึงการจัดโซนไว้สำหรับให้สัตว์ป่าอยู่ในโซนนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้รุกล้ำเข้ามาในส่วนที่ปลูกไม้ผลไว้ รวมถึงศัตรูพืชอื่นๆ และนอกเหนือจากนี้ที่สวนยังมีข้อได้เปรียบจากแหล่งน้ำที่ใสสะอาด บริสุทธิ์ เนื่องจากชั้นใต้ดินลึกจากผิวดินไปประมาณ 1 เมตร เป็นหินศิลาแลง มีตาน้ำที่กรองโดยธรรมชาติ ใสสะอาด และมีความหวานจากแร่ธาตุที่มีอยู่มากมาย เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของพืชจากธรรมชาติ ส่งผลให้รสชาติของผลไม้ที่สวนทุกชนิดมีรสชาติที่โดดเด่น มีความหวานที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจน
“กบชายน้ำ”
สุดยอดทุเรียนโบราณ
ทรงคุณค่าตลอดกาล
เจ้าของเล่าถึงประวัติความเป็นมาของทุเรียนกบชายน้ำที่สวนว่า ทุเรียนกบชายน้ำ ที่สวนเริ่มปลูกมาตั้งแต่สมัยอาเหล่ากง ในสมัยนั้นจะมีการหาพันธุ์พืชมาปลูก อย่างเช่น ทุเรียนที่มีจุดเด่นในสมัยนั้นคือ “ทุเรียนเมืองนนท์” จะใช้วิธีขนส่งพันธุ์ขึ้นเรือเมล์แดง มาจากนนทบุรีแล้วร่องผ่านแม่น้ำบางปะกงมาลงที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีการตอนกิ่ง ทาบกิ่ง เหมือนในสมัยปัจจุบัน เพื่อรักษาพันธุ์ไว้ให้คงเดิม เพราะฉะนั้นสมัยนั้นจะใช้วิธีการเพาะเมล็ดเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการเพาะเมล็ดนั้นค่อนข้างจะมีโอกาสกลายพันธุ์ค่อนข้างสูง แต่ที่สวนโชคดีที่การกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นกลับได้พันธุ์ที่ดียิ่งขึ้น ถือว่าเป็นโชคของเรา
ส่วนที่มาของชื่อ ทุเรียนกบชายน้ำนั้น มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมที่จังหวัดนนทบุรี โดยต้นแม่จะขึ้นอยู่ตามริมสระน้ำ จึงถูกเรียกว่า “ทุเรียนกบชายน้ำ” และมีความทนต่อโรคไส้ซึม น้ำหนักเฉลี่ยต่อผล 1.5-2 กิโลกรัม ลักษณะทรงผลกลมรี พูเต็มเสมอกัน มีตั้งแต่ 5-6 พูขึ้นไป เนื้อมีความเนียนนุ่ม ไม่มีเส้นใย รสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ป่าเป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนพันธุ์กบ ถึงแม้ว่าผลจะสุกแล้ว กลิ่นก็ไม่ฉุน สามารถวางไว้ในห้องแอร์ได้ และอีกจุดเด่นของทุเรียนกบชายน้ำคือ สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยที่ไม่เสีย ปล่อยไว้จนก้นปริ แล้วกลับมารับประทานเนื้อก็จะไม่เละ ไม่เป็นปลาร้า ถือเป็นทุเรียนอีกหนึ่งพันธุ์ที่ทรงคุณค่ามากๆ แต่ละต้นมีอายุไม่ต่ำกว่า 40-50 ปีขึ้นไป
ไฮไลต์เด็ด ทุเรียนกบชายน้ำ ลูกละแสน!
เชื่อว่าหลายท่านคงสงสัยว่า ทุเรียนอะไรราคาลูกละเป็นแสน เจ้าของได้อธิบายว่า เนื่องจากทุเรียนกบชายน้ำที่มีการซื้อขายในราคาลูกละเป็นแสนนั้น เรียกว่าทุเรียนนางพญา จะออกมาเป็นลูกแรกของต้น ซึ่งลูกแรกที่ออกมาจะมีความอุดมสมบูรณ์ที่สุด จากไซซ์ปกติอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 กิโลกรัม น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3-3.5 กิโลกรัม อันนี้คือจุดเด่นเลย ซึ่งในแต่ละต้นจะมีแค่เพียงลูกเดียวเท่านั้น ทำให้เป็นที่สุดของที่สุด ราคาจึงแพง ซึ่งราคาลูกละแสนนี้ไม่ได้เกิดมาจากการประมูล แต่เป็นราคาที่ลูกค้าเสนอมาให้เอง เริ่มต้นเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว มีกลุ่มลูกค้าเป็นนักธุรกิจต้องจองกันข้ามปี อย่างเช่นเมื่อปีก่อนมีลูกค้าซื้อไปถวาย สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) และในสมัยตอนที่อากงยังมีชีวิตอยู่ ก็จะมีทีมงานของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำไปถวายท่านทุกๆ ปี สวนจิตร์นิยมเริ่มสะสมชื่อเสียงตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน
ส่วนวิธีการดูแลนั้น หลายท่านคงคิดว่าต้องมีการประคบประหงมเหมือนลูกน้อย แต่ในทางกลับกันนั้น ทุเรียนนางพญาลูกแรกของต้นแทบไม่ต้องดูแลอะไรเลย เนื่องจากมีความเชื่อที่ต่อกันมาว่า มีรุกขเทวดาช่วยดูแล ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะจากการสังเกตมานั้น ทุเรียนนางพญานี้จะเป็นอะไรที่ไม่ต้องดูแล ไม่ต้องห่อผลเหมือนลูกอื่นๆ มดและแมลงไม่มารบกวน นับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่ง และนอกเหนือจากทุเรียนลูกละแสนแล้ว ยังมีทุเรียนกบชายน้ำจำหน่ายในราคาเริ่มต้น ตั้งแต่ลูกละ 11,000-100,000 บาท อีกด้วย
ผลไม้มาตรฐานส่งออกยุโรปและเอเชีย
สร้างรายได้คุ้มค่ากับการลงทุน
เจ้าของบอกว่า ที่สวนแบ่งการส่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ ส่งไปยุโรป คือมะม่วงและมังคุดออร์แกนิก และอีกกลุ่มคือส่งให้กับประเทศจีน เป็นการส่งออกทุเรียน ทำสัญญาเอ็มโอยู (MOU) ร่วมกับทางจังหวัดปราจีนบุรี โดยมีมูลค่าการส่งออกที่ได้ราคาสูงกว่าทั่วไปกว่าเท่าตัว ในราคากิโลกรัมละเกือบ 200 บาท ในขณะที่ตลาดทั่วไปขายได้กิโลกรัมละ 90-100 บาท เนื่องจากคุณภาพและการคัดไซซ์ ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 4-5 ตู้ ต่อเดือน รวมของสมาชิกเครือข่ายด้วย ซึ่งราคาที่ได้มาสูงก็ต้องแลกกับความใส่ใจกว่าที่อื่นด้วย ในขั้นตอนการส่งออกนั้น ค่อนข้างที่จะมีกฎระเบียบมากมาย แต่คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้รับ ซึ่งในแต่ละปีสวนจิตร์นิยมสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกผลไม้ได้ไม่น้อย ถือเป็นรายได้ที่มาก สามารถนำเงินส่วนนี้มาต่อยอดธุรกิจให้ก้าวหน้าขึ้นไปได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการนำเทคโนโลยีการเก็บรักษา เรื่องการออกแบบแพ็กเกจจิ้ง หรือล่าสุดในปีนี้ที่สวนมีการเปิดหน้าสวนอย่างเป็นทางการ มีการปรับปรุงหน้าสวนใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะเปิดรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าขาจร หรือสั่งออนไลน์ให้สามารถมาเยี่ยมชมที่สวนได้ นี่ก็เป็นการนำรายได้จากการส่งออกมาพัฒนา
ฝากถึงคนรุ่นใหม่
ทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จ
ต้องใจเย็นและมีสติ
“ในฐานะที่ผมเป็นคนรุ่นใหม่และมีสิ่งที่เจอกับตัวเองอย่างเห็นได้ชัดคือ คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายมาก ทำให้เราเป็นคนใจร้อน คิดเร็ว ทำเร็ว บางทีการทำเกษตรเป็นเรื่องที่ต้องรอ ไม่ใช่ว่าจะได้ภายในวันสองวัน หรือปีสองปี แต่เราต้องวางแผนล่วงหน้า ระหว่างที่เรารอ เราก็ใช้วิธีการปลูกพืช 3 ระยะ คือระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อที่จะรอให้มีรายได้ตลอดเวลา แต่ว่าในระหว่างนั้นพยายามอย่าไปเร่งธรรมชาติ เพราะธรรมชาติคือสิ่งที่สวยงามที่สุดแล้ว เราอย่าพยายามทำอะไรด้วยความใจร้อน มันทำให้ผลที่ได้รับกลับมาบางทีอาจจะไม่คุ้มกับที่เราลงทุนไป นี่เป็นเรื่องที่เจอกับตัวเอง และอยากฝากกับทุกคนให้ระวังไว้” คุณปิยะพัทธ์ กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจติดต่อเข้าเยี่ยมชมสวนจิตร์นิยม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 064-995-5635