เผยแพร่ |
---|
“โรคราแป้ง และโรคแอนแทรคโนส” สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของสตรอเบอรี่ สำหรับโรคราแป้ง จะพบเชื้อรามีลักษณะเป็นผงสีขาวคล้ายผงแป้งขึ้นกระจัดกระจายตามส่วนต่างๆ ของพืช เมื่ออาการรุนแรงจะทำให้เกิดแผลใต้ใบสตรอเบอรี่เปลี่ยนเป็นสีม่วง และใบบิดม้วนขึ้น ถ้าเป็นที่ผลจะทำให้ผลมีขนาดเล็กและสีไม่สม่ำเสมอกัน
กรมวิชาการเกษตร แนะนำให้เกษตรกรผู้ปลูกสตรอเบอรี่ คอยบำรุงรักษาต้นสตรอเบอรี่ให้มีความแข็งแรง สมบูรณ์ และควรหมั่นตรวจตรากำจัดวัชพืชในแปลงปลูก หากพบโรคราแป้งให้รีบเก็บใบหรือส่วนที่เป็นโรคนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที จากนั้นพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช สารเบโนมิล 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 6 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5-7 วัน
ส่วนโรคแอนแทรคโนส มักพบอาการบนไหล จะมีแผลเล็กสีม่วงแดงขยายลุกลามตามความยาวสายไหล ต่อมาแผลที่ขยายยาวจะเปลี่ยนเป็นแผลสีน้ำตาล ทำให้เกิดรอยคอดของไหลบริเวณที่เป็นแผล ไหลจะแห้งและตายในที่สุด อาการบนผล พบแผลฉ่ำน้ำสีน้ำตาลเข้ม เนื้อเยื่อรอบขอบแผลสีซีด แผลยุบตัวลง หากอาการรุนแรง แผลจะขยายใหญ่จนทำให้ผลเน่า และในสภาพที่มีอากาศชื้นอาจพบกลุ่มสปอร์สีส้มของเชื้อราอยู่บริเวณแผล และยังสามารถพบอาการของโรคได้ที่ใบ ก้านใบ โคนต้น และราก ได้อีกด้วย
สำหรับแนวทางการป้องกันกำจัด เกษตรกรต้องตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรคให้ตัดส่วนที่เป็นโรคไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก และพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช สารฟลูโอไพแรม+สารไตรฟลอกซีสโตรบิน 25%+25% เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร กรณีพบโรคเริ่มระบาดให้งดการให้น้ำแบบพ่นฝอย ควรให้แบบระบบน้ำหยด และหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตสตรอเบอรี่แล้ว ให้เก็บซากพืชไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก และเลือกใช้ส่วนขยายพันธุ์ที่มีคุณภาพดีจากแหล่งปลอดโรค