“อิสระ 01” กัญชาสายพันธุ์แรก ที่ได้รับการปลดปล่อย หลุดพ้นจากการถูกจองจำ

“อิสระ 01” กัญชาสายพันธุ์ไทยได้เปิดตัวในงาน มหกรรมกัญชากัญชง 360 องศา เพื่อประชาชน ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2564 โดยมี น.พ. อิสระ เจียวิริยบุญญา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี ได้มาให้ความรู้ ในหัวข้อ “อิสระ 01 : Why and What Next” เป็นหัวข้อที่เก็บการให้ความรู้กัญชาพันธุ์อิสระ 01 ทั้งในทางกฎหมายและทางแพทย์ เพื่อนำไปต่อยอดสู่การใช้งานในอนาคต

น.พ. อิสระ เจียวิริยบุญญา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี

ต้นกำเนิด กัญชง กัญชา ในประเทศไทย

เริ่มต้นที่ศิลปะเครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียง ซึ่งมีอายุมากกว่า 5,000 ปี โดยเครื่องปั้นดินเผามี 3 ยุค แต่ยุคแรกมีเอกลักษณ์คือลวดลายที่เกิดจากเชือกที่ทำมาจากกัญชง มาม้วนอยู่ที่เครื่องปั้นดินเผา ซึ่งการขุดค้นพบภาชนะดินเผาที่บ้านเชียงนั้น มีลายตรงลายผ้าบาติคของชาวม้งในปัจจุบัน นั้นก็หมายความว่า พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรามีการใช้กัญชงมามากกว่า 5,000 ปี เพราะเนื่องจากชาวม้งในอดีตต้องสืบทอดพันธุ์กัญชงไว้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อที่จะเป็นยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และเป็นทั้งที่อยู่อาศัย

Why : ทำไม กัญชา หรือกัญชง ถึงผิดกฎหมาย

ตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปี พ.ศ. 2477 เราสามารถใช้กัญชาหรือกัญชงได้อย่างถูกกฎหมาย ก่อนที่จะมี พ.ร.บ. (พระราชบัญญัติ)กัญชา พ.ศ. 2477 ทำให้การครอบครองและการสูบกัญชามีความผิด แต่ใน มาตรา 5 ได้ระบุไว้ว่า ตั้งแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้เป็นต้นไป ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกกัญชาหรือมีพันธุ์กัญชาไว้ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสามารถอนุญาตให้ใช้ได้แต่เฉพาะบุคคล สามารถปลูกหรือมีพันธุ์กัญชาไว้เพื่อการทดลองหรือเพื่อประโยชน์ทางโรคศิลปะก็ได้ นั้นหมายความว่า การใช้กัญชามีความผิด แต่ถูกยกเว้นมาใช้ได้ในทางการแพทย์มาโดยตลอด แต่ผิดกฎหมายพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ส่วนกัญชงนั้นเพิ่งจะมาถูกบรรจุเป็นสิ่งผิดกฎหมายในภายหลัง

ทำไม ถึงเป็น “อิสระ 01”

ถึงแม้การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์จะถูกกฎหมายหลัก (พ.ร.บ. กัญชา พ.ศ. 2477) ก็ยังผิด เนื่องจาก (พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522) แต่เมื่อมีกฎหมายใหม่ (พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562) ออกมา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ซึ่งมีการนิรโทษกรรมใครก็ตามที่กระทำความผิดในฐานะมีการครอบครอง ผลิตหรือปลูกกัญชา กัญชง

ซึ่ง นายแพทย์อิสระ กล่าวว่า เคยบังเอิญไปปลูกกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ จำนวน 20 ต้น กับอีก 40 เมล็ด นั้นถูกละเว้นความผิด เมื่อกัญชาที่ผมปลูกถูกละเว้นความผิดแล้ว ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 เรายังไม่เคยมีชื่อพันธุ์พืชกัญชาในประเทศไทย (เนื่องจากกัญชาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในสมัยก่อน จึงไม่สามารถยื่นขอชื่อพันธุ์พืชได้) กรมวิชาการเกษตร จึงยินยอมเข้าสู่กระบวนการทำ พ.ร.บ. พันธุ์พืช ปี 2518

“แล้วตอนที่ผมนิรโทษกรรม ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ขอเมล็ดพันธุ์ไปทดลองปลูก บังเอิญตอนปลูกต้องแจ้งชื่อพันธุ์กับทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่ไม่สามารถระบุชื่อพันธุ์ได้ เพราะเราไม่เคยตั้งชื่อพันธุ์กัญชามาตั้งแต่ยุคของชาวม้ง เมื่อ 3,000 ปีก่อน จึงตั้งชื่อให้ว่าเป็น “อิสระ 01” ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นพืชที่ถูกจองจำและถูกกล่าวหาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายมาเป็นเวลานาน

(การยื่นพันธุ์พืชของ พ.ร.บ. พันธุ์พืช พ.ศ. 2518 นั้นหมายถึง การบอกว่าพันธุ์พืชนี้เป็นของประเทศไทย ไม่ใช่การบอกว่าใครสามารถปลูกพันธุ์นี้ได้บ้าง ซึ่งการตรวจพันธุ์พืชนั้น ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี เพื่อที่จะหารูปร่าง ถิ่นที่กำเนิด และวิธีการปลูก และเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ให้เป็นพันธุ์พืชกัญชาของไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นต้องดำเนินตาม พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ซึ่งทำให้ทุกคนในประเทศไทยมีสิทธิ์เอา อิสระ 01 ไปพัฒนาสายพันธุ์ต่อ เพื่อไปทำการคุ้มครอง คนที่สามารถนำไปพัฒนาและยื่นคำขอการคุ้มครองพันธุ์พืชได้ จึงจะมีสิทธิบัตรในพันธุ์พืชนั้น”

what’s next Isara 01

ทางด้านกฎหมาย

  1. เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกประกาศกระทรวง เรื่องพันธุ์พืชชนิดใหม่ ขอรับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 (ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินการถึงขั้นอนุกรรมการเห็นชอบแล้ว ลำดับต่อไปจะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช หากเห็นชอบแล้วจะส่งเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกประกาศกระทรวงต่อไป
  2. 2. กรมวิชาการเกษตร ออกระเบียบและประกาศที่เกี่ยวข้องกับการรับคำขอและการปลูก ตรวจสอบคุณสมบัติของพันธุ์พืชใหม่ (ทุกคนที่มีพันธุ์พืชสายพันธุ์อื่นๆ หลังจากเอกสารฉบับนี้ออกไป สามารถเข้าสู่กระบวนการรับคำขอและตรวจสอบคุณสมบัติพันธุ์พืชนี้ได้ ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี)

 

การตรวจสอบพันธุ์พืช คืออะไร?

การตรวจสอบพันธุ์พืชคือ คุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งจะต่างกับ พ.ร.บ. พันธุ์พืช ตรงที่ พ.ร.บ. พันธุ์พืชนี้ จะเป็นตัวบ่งบอกลักษณะต่างๆ ว่า ใบหรือลำต้นอย่างไรเรียกว่ากัญชงหรือกัญชา แต่เมื่อไรก็ตาม ที่คุ้มครองพันธุ์พืชจะต้องลงลึกถึงระดับ เจเนติก(genetic) ว่ามีความแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นอย่างไร ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือ อิสระ 01 นี้จะเป็นตัวแทนการตรวจสอบพันธุ์พืชเพื่อเป็นตัวแทนของกัญชาในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์แรก เพราะหากเจเนติกในต้นกัญชาของเราไปซ้ำกับสายพันธุ์ของต่างประเทศ หากส่งออกจะต้องเสียลิขสิทธิ์ให้กับเขาด้วย

ทางด้านการแพทย์

โรงพยาบาลกรมการแพทย์มะเร็งอุดรธานีและมูลนิธิมะเร็งอุดรธานี ปลูกอยู่ 2 ลักษณะ คือ

  1. ปลูกใน green house ของโรงพยาบาล โดยเหตุผลที่ทำเพื่อตำรับยาโบราณ ชื่อ สนั่นไตรภพ เพื่อที่จะรักษามะเร็งตับกับท่อน้ำดี ภายใต้คลินิกการแพทย์ไทยร่วมสมัย (Contemporary Thai Medicine)

– คือ การรักษาระหว่างแพทย์แผนไทยกับแพทย์แผนปัจจุบัน มาร่วมด้วยกัน ส่วน what’s next (จะทำอะไรต่อ) คือ ทางโรงพยาบาลจะปลูกกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

– เปิดการสอนปลูกต้นกัญชาเพื่อทางการแพทย์ คือ Training Course : growers (เป็นการสร้างนักปลูกกัญชา ซึ่งจะมีวุฒิบัตรรับรอง) ภายใต้สถาบัน Medical Thai Cannabis Academy (MTCA)

– การทำศูนย์เพาะต้นกล้ากัญชา แล้วส่งให้ผู้ที่ได้รับใบรับรองในการปลูกกัญชา เช่น วิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาต หรือ ผู้ป่วย/ประชาชน ที่ต้องรักษาตัวเอง

  1. 2. การปลูก out door ในพื้นที่วิสาหกิจชุมชน ในปี 63 ปลูกเพื่อรับรองพันธุ์พืชเพื่อขึ้นทะเบียนกับทางกรมวิชาการเกษตร แต่ปัจจุบันได้รับการรับรองเรียบร้อยแล้ว ถัดไปเราจะทำเมล็ดพันธุ์รับรองและพัฒนาสายพันธุ์ต่อ (ทางวิสาหกิจชุมชนสามารถทำเมล็ดพันธุ์รับรองได้ ส่วนการพัฒนาสายพันธุ์ ทุกคนมีสิทธิ์จะนำไปพัฒนาต่อได้)

– green house ในพื้นที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำส่งให้องค์การเภสัชกรรม, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และโรงพยาบาลห้วยเกิ้ง สสจ. อุดรธานี

– in house ในพื้นที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดแพร่ ทำ tissue culture & cloning คือการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและขยายพันธุ์

 

คลินิกการแพทย์ไทยร่วมสมัย คืออะไร?

คลินิกที่การแพทย์นำเอาการรักษาแบบแผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยรวมด้วยกัน แล้วทำให้ร่วมสมัยด้วยสารสกัดน้ำมันและการตรวจมาตรฐานของการรักษาควบคู่กันไปด้วย

 

กัญชา รักษามะเร็งได้จริงแต่ไม่100%

เพราะการรักษามะเร็งเป็นเรื่องขององค์รวมทั้งหมด ทั้งการออกกำลังกาย อาหาร จิตวิทยาและเรื่องของสังคม ซึ่งจะบอกว่ากัญชารักษามะเร็งอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ ต้องรักษาควบคู่กันไป โดยจะแบ่งกลุ่มคนไข้รักษามะเร็งออกเป็น 4 กลุ่ม เช่น

กลุ่มที่ 1 มะเร็งที่มีการรักษาแบบ Conventional เป็นการผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีรักษา แล้วได้ผลดี คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก (ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำกัญชามาช่วยรักษา)

กลุ่มที่ 2 มะเร็งที่มีการรักษาแบบ Conventional เป็นการผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีรักษา แล้วไม่ได้ผลดี คือ มะเร็งที่รักษายาก เช่น มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี (การรักษากลุ่มนี้ควรมีกัญชาเข้าร่วมรักษาด้วย)

กลุ่มที่ 3 มะเร็งระยะแพร่กระจาย (Metastasis) และมะเร็งระยะสุดท้าย (Palliative care) (การรักษากลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับทางผู้รักษาว่าต้องการจะรักษาแบบ Conventional รักษาด้วยกัญชา หรือจะรักษาแบบทั้ง 2 ควบคู่กัน)

กลุ่มที่ 4 มะเร็งที่กลับมาเป็นใหม่ (Recurrent) คือการรักษาแบบเดิมไม่ได้ผล

ตำรับยาไทย

ทางโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. 1. ยาพัฒนามาจากสมุนไพร เช่น น้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้น โดยนำกัญชาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พันธุ์อิสระ 01 ส่งไปสกัดที่คณะเภสัชกรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น และส่งไปผลิตที่โรงงานแผนปัจจุบัน ที่ได้รับ GMP แบบ full spectrum และ น้ำมันกัญชา ตำรับขมิ้นทอง เป็น สสจ. อุดรธานี เป็นการเอาดอกกัญชาแม่โจ้ผสมกับขมิ้นชัน
  2. 2. ตำรับยาไทย คือ ตำรับสนั่นไตรภพ ซึ่งเป็นยาที่ทำในปัจจุบัน ส่วน what’s next คือ การพัฒนาเป็นแคปซูลชนิดนิ่ม (softgel capsule) หรือเป็นสารสกัดนาโนอิมัลชัน (nanoemulsion) เพื่อสามารถดูดซึมได้ดีขึ้น หากเปรียบเทียบกับแบบ full spectrum เปลี่ยนเป็น nanoemution ทำให้ภาวะแทรกซ้อน เช่น อาการมึนเมาต่างๆ ลดลง ซึ่งอันนี้เป็นการรักษาแบบแผนไทยร่วมสมัย

 

รูปแบบการดำเนินงาน

  1. 1. Counselling การแบ่งกลุ่มผู้ป่วยให้ชัดเจน เพื่อให้แนวทางการรักษาที่ถูกต้อง หากผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้กัญชา
  2. 2. IPD CASE เพื่อปรับขนาดยา ให้เหมาะกับผู้ป่วย และติดตามการตอบสนองและอาการข้างเคียง เป็นระยะ 1-2 สัปดาห์
  3. 3. OPD follow up นัดติดตามอาการทุกๆ 2-4 สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์
  4. 4. Outcome การติดตามคุณภาพการใช้ชีวิต การกินอาหาร การนอน เป็นอย่างไร ดีขึ้นขนาดไหน ตัวมะเร็งลดลงไหม

ทุกคนที่เข้ารับการรักษาด้วยระบบนี้ จะต้องลงทะเบียน ODID Healthcare Platfrom เป็นการลงทะเบียนแบบดิจิทัล ซึ่งสามารถเป็นบัตรประจำตัว และยังสามารถติดตามอาการของผู้ถือบัตรได้ว่า ปัจจุบันอาการและการรักษาเป็นอย่างไร เพื่อวิเคราะห์เตรียมการให้ชัดเจน

 

ทำไม ต้องศูนย์อบรมฝึกกัญชาไทยทางการแพทย์

เพราะเป็นการอบรมอย่างมีคุณภาพและยืนยันตัวว่าเราจะใช้เพื่อทางการแพทย์อย่างถูกต้อง ซึ่งมีทั้งการฝึกเป็นผู้ปลูก ฝึกเป็นผู้จำหน่าย ฝึกเป็นผู้ที่ใช้รักษา