ทิศทางธุรกิจการใช้สารสกัดจาก “กัญชง กัญชา” ในอุตสาหกรรม

รศ.ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ตอนนี้กฎหมายกัญชงเปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 เริ่มพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งกฎหมายกัญชาได้เริ่มมาก่อนแล้ว แต่ลักษณะกฎหมายของทั้งสองอันนี้ต่างกัน คือ ใบอนุญาตของกัญชาอยู่ในมือของหน่วยงานรัฐบาล แต่ใบอนุญาตของกัญชงอยู่ที่นิติบุคคล ประชาชน และบริษัท

รศ.ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เรื่องทิศทางธุรกิจรวมถึงในประเทศไทยและต่างประเทศ หากมองกันจริงๆ แล้ว เรื่องของกัญชาการเปิดกว้างทางกฎหมายถือว่ายังไม่เยอะ นึกถึงสารในกลุ่ม cannabinoid เปรียบเทียบง่ายๆ กับ คาเฟอีน ปัจจุบันคาเฟอีนใช้กันทั่วโลก ตอนนี้ CBD เริ่มจะเปิดขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้ ตลาดโลกเปิดค่อนข้างสูง ถ้าดูฝั่งทางด้านอเมริกาเปิดไปค่อนข้างเยอะแล้ว และเต็มพิกัด บางรัฐทยอยเปิดขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงทางใต้ แล้วก็มีประเทศไทยในโซนเอเชียเจ้าเดียว ถ้าดูที่ยุโรป ซึ่งประชากรในยุโรปค่อนข้างสูง แต่การใช้ในยุโรปจากข้อมูลที่ค้นคว้ามา มีการใช้อยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปัจจุบัน ปี ค.ศ. 2021 ขยายตัว 21 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน รวมถึงกฎหมายไทยที่เปิดกว้างแล้ว

สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เราตามแทบจะไม่ทัน เราจะเห็นกฎกระทรวงออกมาแทบจะทุกเดือน ล่าสุดเรื่องน้ำมันกัญชง หลังจากที่มีการระดมความคิดเห็น ต้องยกเครดิตให้กับกระทรวงสาธารณสุขที่ทำด้านนี้อย่างฉับไว และเป็นสากล ซึ่งบางคนได้ตั้งขอสังเกตอยู่หลายข้อ ซึ่งอยากจะบอกว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระแสโลก ตอนนี้ กัญชา กัญชง เป็นที่นิยมและไปไกลมาก ถ้าเราดูสารที่อยู่ใน กัญชง กัญชา ก็จะมี Cannabinoid แค่ 11 ตัว แต่ตัวที่ทั่วโลกยอมรับก็คือ CBD สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในต่างประเทศคือ THC ถึงแม้ว่าทางยุโรปและอเมริกาต้องการมาก ก็ไม่สามารถนำส่งออกไปขายได้ ก็เปรียบเสมือน เฮโรอีน หรือว่ายาเสพติด ซึ่งมีกลไกระดับนานาชาติคุ้มกันอยู่ เพราะฉะนั้นควรจะเล่นตัวที่เปิดอยู่ ซึ่งรู้กันอยู่แล้วว่า คุณสมบัติ CBD มีอะไรบ้าง บางคนบอกว่าเป็นยา แต่ถ้าจะเปรียบเทียบ CBD กับ อัลลิซิน หรือ อัลลิอิน ในกระเทียม สามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ มันก็คือ อาหาร แต่ถ้าจะเปรียบเทียบสารบางตัวที่อยู่ในเถาวัลย์เปรียง ไม่ว่าจะเป็น ไฮโซฟลาโวนอยด์ ก็คือ อาหาร เพราะฉะนั้น CBD ในยุโรป และญี่ปุ่น เขาถือว่าเป็นอาหาร แต่ว่าเป็นอาหารที่เป็นยาได้ด้วย ซึ่งตัว CBD หรือ cannabidiol ที่รู้จักกันก็เป็นได้ทั้งอาหาร และยาไปในตัว เพราะฉะนั้นตัวนี้เปิดกว้างและที่สำคัญไม่มีผลข้างเคียงในการเสพติด เพราะฉะนั้นตลาดโลกก็จะจับตามองในด้านนี้

ซึ่งจะเห็นว่ากฎหมายประเทศไทยมีการพัฒนาตามมาคล้ายคลึงกับประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป ก็คือเริ่มจากการแพทย์ก่อน ในปี ค.ศ. 2028 ที่คาดการณ์ไว้ว่า มูลค่าทางด้านนี้ว่าจะได้ 123 ล้านยูโร ตัวเลขจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าการใช้ในยุโรป ประชากรที่ใช้จริงๆ มี 21 เปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญกฎหมายไทยไม่อนุญาตให้นำเข้า CBD ผลิตภัณฑ์ นำเข้าได้เพียงเมล็ดพันธุ์เท่านั้น ส่วน CBD กับผลิตภัณฑ์สามารถนำเข้าได้ ด้วยจุดประสงค์การวิจัยเท่านั้น ทีนี้ลองมาดูฝั่งทางประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไปไกลมาก เห็นผลิตภัณฑ์เยอะแยะและวางขายตามปกติ จะเห็นเป็นกลุ่ม อาหารและเครื่องดื่มค่อนข้างเยอะ ซึ่ง FBA ของอเมริกานั้นยอมรับว่า CBD สามารถใช้ได้ และในยุโรปมอง CBD ว่าเป็นอาหาร อเมริกาก็ใส่ Generally recognized as safe (GRAS)

ซึ่งตัวนี้ถูกตีตราตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2018 ซึ่งถ้าดูจะคล้ายๆ สตีวิโอไซด์เป็นสารที่สกัดได้จากหญ้าหวาน ซึ่งจะทำให้ CBD ตามมาอย่างแน่นอนในตลาดโลกตลาดสากล ว่าจะเป็นสารตัวแรกที่จะยอมรับและเหมือนกับ คาเฟอีน ที่อยู่ในกาแฟ

แต่โชคดีนิดหนึ่งว่า CBD ผลิตมาจาก กัญชง กัญชา ที่มีการปลูกค่อนข้างสั้น ใช้ระยะเวลาอยู่ที่ประมาณ 4 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ เพราะฉะนั้นก็จะเกิดการแข่งขันขึ้นในอนาคตแน่นอน ถ้ามีการใช้ CBD สูงขึ้น ก็จะต้องมีสารสังเคราะห์เกิดขึ้น เป็นการแข่งขันระหว่าง สารสังเคราะห์และสารธรรมชาติ

ถ้ามาดูในตลาดของอเมริกาที่ประมาณการไว้ที่ ปี ค.ศ. 2027 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดดในบางเรื่องที่เราทำมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 นั้นก็คือ เส้นใย กัญชง บ้านเราปลูกมาตั้งนานแล้ว ตลาดเส้นใยในอเมริกา ก็ถือว่าโต 1 ใน 4 ของตลาดทั้งหมด อีกอย่างหนึ่งก็คือ กลุ่มของเครื่องสำอางส่วนใหญ่จะใช้สาร CBD เป็นหลัก มีคุณหมอ skincare เอา CBD 99 เปอร์เซ็นต์ ใส่ในครีมแต้มสิว ทดลองให้คนไข้ใช้ปรากฏว่า สิวยุบดีมาก ใช้ในเครื่องสำอางได้ดี มีการต้านเชื้อแบคทีเลียได้ และมีสรรพคุณในเรื่องอื่นๆ ด้วย

ไฟเบอร์ถ้าสังเกต รถ BMW, Mercedes Benz และล่าสุด Elon musk ได้มีการใช้ไฟเบอร์จากกัญชง และทำไมยุโรปถึงชอบใช้ไฟเบอร์จากกัญชงมาทำก๊าซ เพราะว่าใครที่มี Green technology จะได้ยื่นลดหย่อนภาษี และอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ควรทิ้งคือ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์ อาหารสัตว์ต่างๆ ก็มีการใช้สารสกัดจากสมุนไพรไปเป็นส่วนผสมด้วย

ตลาดเอเชีย

โชคดีมากๆ คือกฎหมายจีนที่เป็นยักษ์ใหญ่ บอกว่าอนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอาง แต่ไม่ให้ใช้ CBD ในอาหารและยา ถ้าจีนผลิตอะไรได้เราเลิกผลิตไปเลย โชคดีอย่างหนึ่งที่กฎหมายห้ามนำเข้า CBD ถ้านำเข้า พ่อค้าคนกลางก็จะนำเข้ามาและซื้อมาขายไปทำให้เราไม่สามารถ สร้างเศรษฐกิจฐานรากได้ เพราะว่าตอนมันเป็นทางด้านของประชาชนที่ สามารถปลูกได้ ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย คือ ประเทศญี่ปุ่น แต่ประเทศญี่ปุ่นไม่สนับสนุนให้ปลูกเพื่อผลิตเอง แต่สนับสนุนให้นำเข้า CBD และที่สำคัญต้องมี THC เป็นศูนย์ ซึ่งมีบริษัทยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นพยายามทำด้านนี้ออกมา สร้างเครือข่ายออกมาเรื่อยๆ จนปี ค.ศ. 2018 ก็มีการดำเนินการในเชิงพาณิชย์แบบเต็มสูบ มีการใส่เข้าไปในอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด โดยโฟกัสไปที่ CBD เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายและจะต้องไม่มี THC มีไม่ได้เลย แต่เราแยก กัญชง กัญชา จากปริมาณของ THC ของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะนำเข้า และประมาณการ ปี พ.ศ. 2567 มีมูลค่าถึง 2,057 ล้านเหรียญ

 

กฎหมายประเทศไทย

กัญชาผู้ถืออนุญาตจะต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ คนที่จะมาทำจะต้องมีวิสาหกิจชุมชน และจะต้อง MOU กับหน่วยงานของรัฐ ใบอนุญาตรัฐเป็นผู้ถือ เหมือนตอนนี้กรมหลายๆ กรมสนับสนุนให้วิสาหกิจหลายๆ ที่ทำ MOU จะได้ปลูกกัญชาได้ตามกฎหมาย โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องแบ่งผลิตภัณฑ์ 50 เปอร์เซ็นต์ หรืออะไรก็ว่ากันไป สมมุติกำลังขายดี จะต้องต่อใบอนุญาตใหม่ เปลี่ยนอธิบดี เปลี่ยนผู้อำนวยการ เปลี่ยนนโยบาย เป็นเรื่องเลย เพราะฉะนั้นความเสี่ยงจะอยู่ที่ภาคธุรกิจ ที่มี MOU กับหน่วยงานของรัฐ ก็คือ อาจจะมีการช้า หรือต่อใบอนุญาตไม่ทัน ซึ่งตอนนี้ทาง อย. กำลังเร่งแก้ไขปัญหาจุดนี้อยู่ ส่วนกัญชงตามวัตถุประสงค์ มี 6 ข้อ

ข้อที่ 1 หน่วยงานของรัฐทำเอง

ข้อที่ 2 ประชาชนปลูกได้ คนละ 1ไร่

ข้อที่ 3 เพื่อพาณิชย์และอุตสาหกรรม

ข้อที่ 4 เพื่อการแพทย์

ข้อที่ 5 เพื่อวิจัย

ข้อที่ 6 เพื่อปรับปรุงพันธุ์

ดูกฎกระทรวงนี้ให้ดีๆ ในบทเฉพาะการหน้าสุดท้าย เฉพาะ ข้อที่ 1 3 4 ไม่ต้องใช้พันธุ์รับรอง หมายความว่า สามารถใช้พันธุ์ต่างประเทศได้ ข้อ 2 ไม่สามารถนำพันธุ์จากต่างประเทศมาใช้ได้ ต้องใช้ใบรับรองพันธุ์ พันธุ์รับรองของประเทศไทยมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ RPF1, RPF2, RPF3 และ RPF4

สิ่งที่จะพูดถึง Cannabinoid ก็คือ ผลผลิตของพืช พืชเวลาสังเคราะห์แสง ขั้นแรกให้คาร์โบไฮเดรตให้อาหาร ส่วนขั้นที่สอง จะให้สารที่ปกป้องตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่น พืชบางตัวสร้างสารแปลกๆ ออกมา เช่น แคปไซซิน จากพริก เบต้าแคโรทีน จากแคร์รอต มันสร้างมาเพื่อป้องกันตนเอง เหมือนดอกฝิ่น ขั้นที่ 2 ของฝิ่นก็คือ มอร์ฟีน สร้างขึ้นมาแต่บังเอิญสารพวกนี้สามารถสกัดออกมาได้ ในกลุ่มกัญชง กัญชา ก็เช่นกัน มันก็สร้าง Cannabinoid ขึ้นมา ตัวฝิ่นปัจจุบันใช้เป็นยาแล้ว Sir Alexander Flemming เขาเจอสารบางตัวที่อยู่ในเชื้อรา เชื้อราตัวนี้ชื่อว่า Penicillium notatum เป็นการค้นพบยาปฏิชีวนะคนแรกของโลก ก็เช่นกัน สาร CBD THC CBN CBG CBC ตระกูล cannabinoid ทั้ง 11 ตัว ก็คือ ขั้นที่ 2 ของกัญชาที่สร้างออกมาเพื่อป้องกันตัวเอง และมีประโยชน์ เช่น กลุ่ม CBD ที่อยู่ในกัญชง

ประเภทปลูก

จะปลูกอย่างไร จะคุมอย่างไร ให้พืชมันผลิตตรงไหนออกมา มีอยู่แค่ 3 ประเภท

  1. เอาเส้นใย
  2. เอาเมล็ด
  3. เอาดอก เอาเส้นใย ก็ไม่ต้องห่วง เอาตัวผู้ ตัวเมียได้ เมล็ดนำไปสกัดเป็นน้ำมัน บังเอิญการเอาดอกสาร cannabinoid จะอยู่ในดอกเยอะมากๆ จะต้องเป็นเพศเมีย กฎหมายประเทศไทยปลดล็อกทุกส่วนยกเว้นช่อดอก ต้องควบคุมไว้ เพราะมันมีทั้ง CBD และ THC เพราะฉะนั้นตัวดอกต้องปลูกตัวเมีย

ซึ่งพันธุ์กัญชงมีการลักลอบปลูกมาบ้างแล้ว ไม่ได้หมายความว่าไปดูยูทูบแล้วเราจะไม่มีพันธุ์ปลูก ประเทศไทยไม่ต้องห่วง เขามีกันก่อนแล้ว แต่ว่าแอบปลูก ACDC Cherry blossom Mtn Mango พวกนี้อยู่ในข้อยกเว้นของกฎกระทรวงที่ระบุว่าผู้ที่จะขออนุญาตใน ข้อที่ 1 3 4 ไม่ต้องใช้พันธุ์รับรอง

ถ้าเอาดอก เรารู้อยู่แล้วว่า CBD ถ้าเอาเมล็ดเรารู้อยู่แล้วว่า เราต้องการน้ำมัน แต่เมล็ดในต่างประเทศไม่ได้มีแค่น้ำมัน ในไม่กี่วันนี้มีการประกาศกฎกระทรวงเกี่ยวกับน้ำมัน บอกว่าเปอร์เซ็นต์ที่ THC ปนอยู่ได้ 3 เปอร์เซ็นต์ ทำไมถึงไม่ใช้ 0.2 เปอร์เซ็นต์ เหมือนเดิม เพราะว่าพันธุ์ RPF มี THC ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ เพื่อที่จะเอื้อให้ใช้พันธุ์รับรองได้ ปลูกเมล็ดก็ไม่ต้องสนใจอะไรมาก ปลูกเหมือนเอาเส้นใย หยอดหลุมถี่ๆ เกษตรกรที่เคยปลูกเอาเส้นใยก็จะไม่อะไรมาก เพราะว่ามันค่อนข้างทน เมล็ดก็จะออกมาเต็ม ตัวผู้ ตัวเมีย กะเทย ปนกันหมด เวลาการเก็บเกี่ยวก็จะใช้รถเก็บอ้อย ในอนาคตจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือการเก็บผลผลิตกัญชง กัญชา มาอย่างแน่นอน ราคาประมาณ 30 ล้านบาท เข้ามาในเมืองไทยประมาณ 30 ล้านบาท

เมล็ดใส่ไซโลหลังจากเก็บเกี่ยว เอามากะเทาะเอาไปหนีบเป็นน้ำมัน ซึ่งเทคโนโลยีแบบนี้ไม่ได้แพง สามารถไปดูได้ตามโรงงานทำน้ำมันปาล์ม ผลิตเองได้ พอได้น้ำมันเสร็จก็นำมากรอง และนำมาทำให้ได้ GMP (Good Manufacturing practice) HACCP (Hazard Analysis Critical Control Point) ให้ได้มาตรฐาน เพื่อช่วยในการขายได้ดีขึ้น เริ่มมีสีใสออกมา น้ำมันกัญชงที่ดีที่สุดคือ ออสเตรเลีย ถ้าใช้สายพันธุ์แล้วไม่ดี ก็นำเข้าจากออสเตรเลียได้ เพราะของเขาดีจริงๆ ตัวนี้มีโอเมก้า 3 6 9 สูงมากๆ หรือจะทำเป็น Super Food เอามาสี ออกมาเป็นฉ่ำๆ หน่อย คนต่างชาติชอบรสชาติจืด โอเมก้าสูง โปรตีนกัญชง สามารถออกมาได้เยอะเลยอยู่ที่ไอเดีย สบู่ยังทำได้ แล้วกลุ่มที่เอาดอก ทุกคนสนใจปลูกเพื่อเอาดอก แต่สายพันธุ์ไทยให้ดอก แต่ CBD ต่ำ กฎกระทรวงเลยบอกนำเข้าได้ บางคนอยากจะขายเมล็ด แต่ทำไม่ได้กฎหมายห้ามไว้ ต้องทำตาม ข้อ 6 เป็นการปรับปรุงพันธุ์เพื่อจำหน่าย ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัย ไม่สามารถผสมมั่วได้ ผิดกฎหมาย ต้องเป็นพันธุ์ที่พัฒนามาและไม่เหมือนเดิม กลุ่มเอาดอกต้องปลูกห่าง เพราะต้องเอาตัวเมียล้วนๆ ต่างชาติปลูก Outdoor ได้ แมลงไม่ค่อยมี ไม่เหมือนกับบ้านเรา เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จให้ผึ่งให้แห้ง ห้ามแดดส่องทำให้แดดทำลายสาร ต้องผึ่งในร่มเท่านั้น มีการแต่งดอก ถ้าแต่งมือคงจะเมื่อย ทำให้เกิดเครื่องตัดแต่งดอกอีก หลังจากนั้นก็ทำให้แห้ง ใส่โกดัง ใส่ไซโลให้ดี ดูแลเรื่องความชื้นให้ดี ระวังราขึ้น อย่าลืมว่า ทุกส่วนไม่ใช่ยาเสพติด ยกเว้นฉ่อดอก เพราะฉะนั้นต้องตรวจก่อนว่า THC เกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หลังจากนั้นก็เอาเข้าเครื่องสกัด มันชอบกันมันจะดึงกันออกมา CBD THC ไม่ละลายในน้ำ หมายถึง น้ำเย็น CBD THC ละลายในน้ำร้อนได้ไหม ถ้าเพิ่มความร้อนละลายได้ CBD มีขั้วใกล้ๆ กับ Ethanol เหล้าขาวบ้านเรา CBD ละลายได้ดีในน้ำมันพืช CO2 ดึงออกมาดีมาก แต่ไม่ดึงสีออกมาด้วย หมายถึง คลอโรฟิลล์ สีเขียว แต่ CO2 ก็เอา Wax ออกมาด้วย ในดอกจะมี Wax เคลือบดอกอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาได้จาก CO2 ออกเขาเรียกสารสกัดหยาบ ทิ้งไว้สักพักมันจะแข็ง เพราะมี Wax มันต้องทำต่อไปอีก จนได้ CBD isolate 99 เปอร์เซ็นต์ แต่ CO2 มีข้อจำกัดคือ มันทำ Scale ใหญ่ยาก ถ้าเราอยากจะทำเดือนละ 50 ตัน เพราะฉะนั้นเราต้องใช้เครื่อง CO2 ทั้งหมดกี่เครื่อง มันก็เลยต้องกลับไป Back to Basic ก็คือ ยาดองเหล้า สกัดด้วย Ethanol แต่ Ethanol ชอบสีเขาดึงสีออกมาด้วย Ethanol ชอบ Cannabinoid CBD ก็ดึงทุกอย่างที่มันชอบปนกันไปหมด แต่ Ethanol เราสามารถ Recovery กลับมาได้ ปัญหาคือ มันดึงทุกอย่างออกมาหมดเลย จึงต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย Super critical ethanol extraction วิธีทำให้ Ethanol ไม่ให้ดึงสีออกมาคือ ทำให้ Ethanol -80 องศาเซลเซียส มันเย็น พอมันเย็นเสร็จมันจะดึงทุกอย่างออกมา แต่สีไม่ออกมาด้วย Wax ก็ไม่ออกมา Wax กลัวความเย็น พวกไขมันจะตกผลึก หลังจากนั้นก็ผ่านกระบวนการ winter light station มีการกรองออกมา จะกลายเป็นสีเหลือง พอ recovery ethanol ก็กลาย Full spectrum สามารถใช้ในอาหารและเครื่องดื่มได้ทันที และสามารถใช้ในเครื่องสำอางได้ทันที

และอย่าลืมว่า ต้องทำ Decarboxylation เพราะขั้นที่สองของพืชไม่ได้สร้าง CBD THC เพียงอย่างเดียว แต่จะสร้าง CBDA THCA CBD ก็คือ Cannabidiol พอมี A ก็คือ Cannabidiolic Acid แล้ว Decarboxylation ทำอย่างไร ให้ความร้อน เพราะฉะนั้นใบกัญชาที่ใส่ในอาหาร ที่เอามาทอด ใบกัญชาให้อะไร THCA พอโดนความร้อน มันก็จะไล่ A ออก และกลายเป็น THC น้ำมันที่ทอดละลาย THC ได้ดี เพราะฉะนั้น THC ในใบจะไปอยู่ที่น้ำมันหมด พอ Decarboxylation เสร็จ ก็ไปกลั่นลำดับส่วน มันก็จะแยก CBD ออกมา เทคโนโลยีที่ใช้ Super Critical ethanol extraction ก็มีหลายแบบ เช่น ใช้ Centrifuge แต่ว่า Scale มันจะเล็ก Centrifuge นึกถึงเครื่องซักผ้า มันจะปั่นเหวี่ยงของเหลวก็จะไหลมาผ่าน Storage Tank หลังจากนั้นก็ Recycle Alcohol กลับ alcohol ก็จะนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เราก็จะได้สกัดหยาบ หรือ Full spectrum ซึ่งตัวนี้ก็จะมี CBDA THCA ก็ต้องมาทำ Decarboxylation เปลี่ยน CBDA THCA เป็น CBD THC ถ้าทำกัญชงก็จะมี CBD เป็นหลัก ถ้าทำกัญชาก็จะมี THC เป็นหลัก Decarboxylation เสร็จมาทำมากลั่นลำดับส่วนแยก CBD ออกแยก THC ออกหลังจากนั้นก็ตกผลึก ก็จะได้ CBD isolate แต่ถ้าใหญ่ขึ้น เช่น ผลิตเดือนละ 50 ตัน ป้อน CBD ไปที่ประเทศญี่ปุ่น ต้องใช้การสกัดแบบต่อเนื่อง โดยใช้ Ethanol แบบเย็นตัวนี้เรียกว่า Ultrasonic Countercurrent Extraction ซึ่งนิยมมากในยุโรป อเมริกา และจีนที่ผลิต ก็คือใช้คลื่น ultrasonic ในการสั่นให้ตัว CBD ออกมาเร็วที่สุด และใช้ Alcohol ที่เย็นอุณหภูมิที่เย็น -80 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้นตัวสี ตัว Wax จะไม่ออกมา

Part recycle ได้อัตโนมัติ พอสกัดออกมา จะมาลงที่ Storage Tank เก็บไว้ เขาก็เรียก Full Spectrum ให้เยอะขึ้น มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้น แล้วหลังจากนั้นก็จะไปแยกเป็น CBD isolate สกัดแบบ flow หมายถึง ได้เรื่อยๆ สกัดแบบถัง สมมุติถังหนึ่งได้ 100 กิโลกรัม ก็จะได้ทีละ 100 กิโลกรัม ซึ่งเหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

ระดับ SME ใช้ Centrifuge พอสกัดเสร็จยังคงสีเขียวอยู่ ลักษณะการปั่นจะเป็นปั่นเหวี่ยงเหมือนเครื่องซักผ้าเหวี่ยงเพื่อให้สารละลายดึงออกด้านข้างแล้วเก็บให้เร็วที่สุดเหมือนเดิม ดอกเข้าไปยังไงก็ออกมาอย่างนั้น แต่ CBD ไปหมดแล้วไปกับสารละลาย Ethanol ที่เย็น หลังจากนั้น Recycle Ethanol กลับ Ethanol จุดเดือดอยู่ที่ 78 องศาเซลเซียส บางคนถามทำไมต้องใช้ความร้อนขนาดนั้น เขากลั่นแบบลดความดัน การกลั่นแบบลดความดัน สมมุติน้ำเดือด 100 องศาเซลเซียส ถ้าลดความดันลง น้ำจะเดือดแค่ 60 องศาเซลเซียส ลดความดัน Ethanol จะกลั่นออกมากลายเป็นไอได้ที่อุณหภูมิเพียง 45 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้นต้องมีเทคนิคที่ต้องรู้ด้วย

กฎหมายเราเปิดแล้ว จุดมุ่งหมายชัดเจน เงินทุนมี ที่ดินมี มีตลาด แต่ไม่มีความรู้ แล้วจะเอา CBD ไหนไปขาย จึงต้องมีองค์ประกอบที่ 6 องค์ความรู้ ลักษณะเครื่องคนไทยสามารถทำได้ เครื่อง Alcohol Recovery Unit เป็นลักษณะมีถัง ของแต่ละประเทศจะมีลักษณะแตกต่างกันไป บรรยากาศในห้อง Alcohol recovery จะต้องปลอดโปร่ง เพราะสามารถติดไฟได้ไว แต่เราก็นึกถึงโรงกลั่น Alcohol เอา Molasses จากอ้อยเอาตัวมันสำปะหลังมากลั่น เขาก็มีการควบคุมได้ พวกนี้เป็นระบบปิด เพราะเรากลั่นแบบระบบ Vacuum ก็คือ การกลั่นแบบสุญญากาศ เครื่องกลั่นลำดับส่วน  Molecular Distillation ที่จะแยก CBD THC ออกมีทั้ง สเตนเลส

เวลากลั่นออกมา CBD จะออกมาในลักษณะหนืด ก็คือ CBD ที่มีความเข้มข้นสูงแล้ว ราคาจะสูงขึ้น แต่ยังไม่มากที่สุด ต้องไปตกผลึก เครื่องตกผลึก เรานึกถึงน้ำเกลือ เอาไปต้มน้ำมันละลาย วางไว้สักพักแช่ตู้เย็นเกลือก็จะตกผลึก เป็นเกล็ด เหมือนกับ CBD ก็จะตกผลึกออกมาเป็นเกล็ด ก็คือ CBD Isolate แพ็กใส่ถุงอัดไนโตรเจน ส่งขาย บางบริษัทประกาศขายกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท

การสกัดสมุนไพร ขนาดอุตสาหกรรม

เครื่องสกัดสมุนไพรสามารถสกัด กัญชง กัญชา ได้จริง เป็นตัวที่ทำให้เป็นผง การทำธุรกิจด้านนี้ต้องทำให้ถูกกฎระเบียบและกฎหมาย อย. ไม่อย่างนั้นผลิตของมามันจะขายไม่ได้ บางคนบอกขี้เกียจตกผลึกพ่นออกมาเป็นผงได้ไหม ได้ ใช้ Spray Dry สามารถทำผง Granules CBD Powder ตัว Spray Dry ชอบนำไปทำผงกาแฟ แต่ว่าตัวนี้ทำผง Granules ของ CBD แต่ตัวนี้ Purity จะได้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำเงินได้ค่อนข้างเยอะ และอย่าลืมต้องมีเครื่องตรวจ ทำไมต้องมีเครื่องตรวจ Cannabis Analyzer สมมุติตัวนี้ดึงดอกมาดมและบอกว่าใช้ได้ แล้วแบบนี้ไม่ได้ ต้องเอามาเข้าเครื่องวิเคราะห์ มันก็จะบอกว่า มี CBD กี่เปอร์เซ็นต์ THC กี่เปอร์เซ็นต์ ตัวนี้ใช้ผลตรวจไม่ถึง 25 นาที ผลตรวจแม่น และเป็นเครื่องเดียวกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ใช้อยู่ๆ นี่คือ ตัวตรวจเทอร์ปีน GCMSMS ทำ Terpene Profiling ถอดกลิ่นมันออกมาและสามารถทำโปรไฟล์ได้ ส่วนตัวนี้คือ เครื่อง SPLC จะวิเคราะห์ Cannabinoid ได้ 11 ตัว ซึ่งถ้า GCMS จะมี Library National institute standard Technology ของอเมริกา มีสารที่ใช้เทียบกันประจำ 7 ล้านตัว ส่วนตัวนี้คือ HPLC

High Performance Liquid Chromatography ซึ่งเป็นตัววิเคราะห์เขาเรียกว่า Cannabis Analyzer เป็นเทคนิคที่ประเทศญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นมา บางคนบอกจะตรวจดินด้วย ใช้ ICP-MS ช่วย inductively coupled plasma Mass Spectrometry มันจะบอกค่าของโลหะหนักอย่าลืมว่าตระกูล Cannabis ชอบดูดพวกนี้ เพราะฉะนั้นเวลาส่งขายเขาก็จะตรวจ ถ้าเป็นหน่วยงานของรัฐจะมีใบอนุญาต CBD ที่อยู่ในตลาดโลกและใช้เป็นยา ที่เคยมีข่าวก็คือตัว Epidiolex และบ้านเราเคยเอามาใช้กับเด็กที่เป็นโรคลมชัก Dose วันละ 400 มิลลิกรัม Maximum อยู่หมัดตัวนี้เป็น Cannabidiol 100 มิลลิกรัม ต่อมิลลิลิตร นี่คือ CBD Powder แต่ THC เป็นแบบนี้หนืดๆ THC ที่เป็นแบบนี้ไม่บริสทุธิ์ THC จะมี Delta 8 Delta 9 ปนกันอยู่ แยกอย่างไรก็ไม่ออก ต้องมี delta8 ปนอยู่ สารสองตัวนี้จะมีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน สูตรโครงสร้างต่างกันที่พันธะคู่อยู่ด้านซ้ายและขวาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นจะไม่บริสุทธิ์ ยกเว้นตัว CBD จะบริสุทธิ์ได้ อันนี้เป็นเครื่อง Cannabis Analyzer ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สามารถส่งตรวจได้ ตัวนี้จะมี Validated method เขาเรียกว่า Analytical Testing เป็น Validated Method สำหรับ Cannabinoid 11 ตัว มันจะบอกเลยโดยที่ไม่ต้องใช้ Standard เทียบ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่อเมริกาใช้กันอยู่ มันจะบอกทั้ง THC Delta8 Delta9 CBN ถ้าเราเห็น CBN โผล่เยอะแสดงว่ากัญชาเราเก่าเก็บ THC จะเกิด Oxidation กลายเป็น CBN

 

ตัวอย่างการวิเคราะห์จริงที่ห้องแล็บ

ดูตัวอย่างที่ 1 กัญชาสายพันธุ์ Blueberry มี THCA สูงมาก พืชจะผลิต THCA สูงมาก กัญชาไทยหางกระรอก THC ยิ่งสูง กัญชาไทยดีที่สุดในโลกเรื่อง THC แต่บังเอิญ THC ขายได้เฉพาะประเทศไทย โรงพยาบาล และ GPO ขายทำยาได้ Volume นิดเดียวส่งออกไม่ได้ ทำเครื่องสำอางไม่ได้

ตัวอย่างที่ 2 GSC CBA THC สูง ถ้าให้ความร้อนดี Carboxylation Peak นี้จะทำให้ตัวนี้สูงขึ้นเวลาเขานับ เขาจะนับ 2 Peak นี้เป็นตัวแทนของ THC ตัวอย่างที่ 9 CBN สูงมาก รู้เลยว่ากัญชาเก่ามาก

กัญชาก้อนจาก ป.ป.ส. เป็นก้อน CBN สูงสุด เพราะอะไร THC Oxidation กลายเป็น CBN THC จะหายไปเยอะเลย แต่เผอิญผลงานวิจัยบอกว่า CBN ต้านมะเร็งได้ดีมาก คุณหมอแพทย์พื้นบ้านเอากัญชา ป.ป.ส. ไปใช้แล้วปรากฏว่ามีผลในการรักษาพอสมควร เนื่องจากการรักษาจาก CBN CBD มีอยู่นิดเดียวแตกก็สามารถแยกได้

นี้คือ Spectrum ของกัญชงสายพันธุ์ CBD สูง CBDA สูง THC ต่ำมาก กัญชง THC ตามกฎหมายต้องต่ำกว่า 1  เปอร์เซ็นต์ แต่สายพันธุ์นี้มี THC 0.29 ต่ำๆ มากๆ เหมาะแก่การปลูกเพื่อจะหา CBD โดยเฉพาะ สายพันธุ์ที่ 2 ก็ CBD 2 ก็สูงขนาดดอกเท่ากับขวดเบียร์ Heineken สายพันธุ์ที่ 3 CBD สูงมากปลูกกันมา 5 ปี

ต่างประเทศเมล็ดละ 80 เซนต์ เมล็ดที่ซื้อจากต่างประเทศจะเป็นตัวเมีย แต่เราสามารถเปลี่ยนเป็นตัวผู้ได้ เพื่อเอามาผสมพันธุ์กันเพื่อสร้างเมล็ดไว้ใช้ในรอบหน้า

กฎหมายไทยบอกว่าจะได้ใบอนุญาตต่อเมื่อทำทุกอย่างให้เสร็จก่อน 60 ไร่ เขียนแบบ วางตำแหน่งโรงเรือน 9 x 21 สูง 5 เมตร ขนาดมาตรฐาน ปรับพื้นที่ สร้างรั้ว ใส่โซล่าร์เซลล์ ทำเกษตรต้องมีน้ำขุดน้ำ สร้างอาคาร แยกดอก แยกใบ สร้างโรงเรือน ขุดบ่อน้ำ ขุดลงไป 8 เมตร ก็เจอแล้ว น้ำจะซึมขึ้นมา แต่น้ำที่ใช้ในโรงเรือนต้องเป็นน้ำ RO 4 เดือนเสร็จ พอเสร็จเป็นรูปเป็นร่าง ยื่นใบอนุญาต สสจ. มาตรวจส่งเข้ากรุงเทพฯ อนุมัติใบอนุญาตนั้นแหละจึงเริ่มปลูก แสงที่ช่วยเร่งใบ อยู่ในช่วง 400-800 นาโนเมตร ชิปต่ำลงมาได้แค่ 360 นาโนเมตร ไม่สามารถต่ำกว่านี้ได้ ถ้ามีคนอยู่ในฟาร์มอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ เพราะฉะนั้นการใช้แสงต้องใช้ความยาวคลื่นให้เหมาะสม ที่นี้ทำเป็นระบบรากลอย พอเสร็จก็เริ่มปลูก ใบอนุญาตครบ จึงจะเริ่มปลูกได้ ตอนกลางคืนมีการเลี้ยงไฟเพิ่ม

วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรก้าวหน้า วัดแสงวัดทุกอย่าง น้ำวัดค่า PH ปุ๋ย MPK ตามระบบ อยากได้ THC เยอะ ก็ให้โพแทสเซียม บางคนบอกใช้ปุ๋ยค้างคาวได้ไหม ปุ๋ยเคมีได้ไหม ก็สสารมันไม่หายไปไหนหรอก มันก็ MPK ตัวหลักนี่แหละ ใช้ดินวิทยาศาสตร์ได้เลย แต่ปลูกในดิน ดึงรากขึ้นมา ตัดเสร็จ ล้างน้ำ นำไปดองได้เลย การปลูกโดยการใช้วิธีรากลอย ก็จะได้รากที่มีสีขาวคุณภาพดี ใช้วิทยาศาสตร์จับใช้เทคโนโลยีจับ

ใช้พันธุ์ 18% CBD อย่างต่ำ

Scale 1 ไร่ ปลูกได้ประมาน 1,000 ต้น

1 ต้น ให้ดอกแห้ง 0.5 กิโลกรัม

1 ไร่ ให้ดอกแห้ง 500 กิโลกรัม

ดอกแห้ง 1 กิโลกรัม ให้ Crude extract 200 กรัม

Crude extract 200 กรัม ให้ CBD Isolate 99% เท่ากับ 18% (36 กรัม)

1 ไร่ ให้ CBD isolate 99% (500 x 36 กรัม) = 18,000 กรัม หรือ 18 กิโลกรัม

1 ปี ปลูกได้ 3 รอบ, 1 ปี ได้ CBD isolate 99% (18×3) = 54 กรัม

CBD กรัมละ 100,000 บาท (แล้วแต่ rate) = 5,400,000 บาท

นักลงทุนไม่ทำไร่เดียว

10 ไร่ = 54 ล้าน 100 ไร่ 540 ล้าน นี่คือ CBD isolate ในราคากลาง 100,000 บาท CBD isolate 99% อยู่ที่กิโลกรัมละ 300,000 บาท เป้าหมาย CBD isolate 99% คือส่งออก ในต่างประเทศเอา CBD ไปละลายน้ำ ปกติ CBD ละลายน้ำไม่ได้ เลยต้องมีเทคโนโลยี เขาบอกว่า Water-Soluble CBD : A Game Changer For Consumer Packaged Goods เป็นตัวที่จะเปลี่ยนสินค้าต่างๆ ได้เยอะมากเลย จึงต้องมีเทคโนโลยีการทำให้มันละลายน้ำ เขาใช้ Nano Emotion เป็นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยน แล้วดูตลาดที่ใช้ CBD ละลายน้ำ สูงขึ้นประมาณการ ปี 2023 กราฟจะสูงขึ้นกว่า 700 เปอร์เซ็นต์ มีความต้องการในการใช้ในอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง ของกินที่ต้องการใช้ในตลาดโลกเยอะมาก เราแค่ทำ CBD isolate แล้วขาย นี่คือ สิ่งที่จะเกิดขึ้น A Catalyst for Change กฎหมายในประเทศไทยเรื่องนี้เปลี่ยนเร็วมาก ทุกคนมีโอกาสเท่ากัน