ล้มเหลวจากเกษตรเชิงเดี่ยว เป็นหนี้ หันปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ ปลูกครั้งเดียวเก็บได้หลายปี สร้างรายได้ทุกวัน

หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชต่างถิ่นอยู่เขตติดต่อระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป ชาวกรีกและชาวโรมันนำมาบริโภคมากว่า 2,000 ปีแล้ว โดยชาวตะวันตกถือกันว่าเป็นอาหารสุขภาพ กินแล้วมีกำลัง โดยเฉพาะผู้ชายเชื่อว่าเป็นอาหารบำรุงกำหนัดเนื่องจากลักษณะของหน่อไม้ฝรั่งคล้ายเครื่องเพศชาย

ประเทศไทยรู้จักหน่อไม้ฝรั่งเมื่อประมาณ 60 กว่าปี โดยได้นำพันธุ์จากประเทศออสเตรเลีย ทดลองปลูกครั้งแรกที่ สถานีกสิกรรม อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาได้กระจายปลูกในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงในปี พ.ศ. 2530 หน่อไม้ฝรั่งจึงเป็นที่รู้จักทั่วไปและราคาไม่แพงมากนัก

จากเกษตรเชิงเดี่ยวการทำไร่ข้าวโพดและไร่มันสำปะหลังหมุนเวียนกันไป ปีไหนข้าวโพดดี ปีต่อไปก็จะปลูกข้าวโพด ปีไหนมันสำปะหลังดี ปีต่อไปก็จะแห่กันปลูกมันสำปะหลัง ทำให้ต้องขาดทุนเป็นหนี้เป็นสินมากมาย คุณปฐม ชูเชื้อ เกษตรกรชาวไร่จากบ้านคลองกุ่ม ตำบลห้วยขุนราม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เบอร์โทรศัพท์ (086) 805-4393 บอกว่า ขืนทำต่อไปต้องถึงกับขายที่แน่ เพราะตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ฐานะไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมเลย เกษตรเคมีที่ต้องพึ่งปุ๋ยพึ่งยาทำให้เกษตรกรต้องเป็นหนี้เป็นสินมาตลอด

“หลายปีที่ผ่านมาได้ปลูกข้าวโพดกับไร่มันสำปะหลัง แต่ก็ไม่ได้ใช้เคมีเนื่องจากต้นทุนแพงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ใช้แต่ปุ๋ยมูลสัตว์ ผลผลิตก็ได้ตามปกติ แต่ต่อมาต้นทุนค่าแรงงานที่จ้างสูง สู้ราคากันไม่ไหว และราคาพืชไร่ก็ตกต่ำ จึงหันมาหาพืชที่สามารถทำได้จากแรงงานในครอบครัวและมีรายได้ทุกวัน”

คุณปฐม ชูเชื้อ และครอบครัว

 

ลงตัวที่หน่อไม้ฝรั่ง

หน่อไม้ฝรั่งเป็นทางเลือกที่คุณปฐมได้ปลูก เนื่องจากเหตุผลหลายข้อ หน่อไม้ฝรั่งไม่ต้องปลูกทุกปี ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บผลผลิตได้หลายปี และมีรายได้ทุกวันจากการเก็บหน่อ นอกจากนี้ ยังลดพื้นที่การทำไร่จาก 19 ไร่ เหลือเพียง 4 ไร่ สามารถใช้แรงงานครอบครัวก็เพียงพอ ไม่ต้องจ้างแรงงานข้างนอก ผลผลิตที่ได้ก็มีการประกันราคาที่แน่นอนตามช่วงเวลาที่กำหนด

พื้นดินแดงละเอียด

เริ่มต้นจากการใช้รถไถติดผาล 3 พลิกดินขึ้นมา แล้วตามด้วยผาล 7 ตีดินให้ละเอียด ปรับแปลงปลูกให้เสมอ ใช้รถไถชักร่องแถกเป็นหลุมลึก 50 เซนติเมตร นำปุ๋ยมูลวัวที่หมักจนดีแล้วรองก้นหลุมให้ทั่ว เอาต้นกล้าลงปลูก ต้นกล้าที่ใช้อายุประมาณ 4 เดือน ราคาต้นละ 4 บาท กลบโดยการพูนดินขึ้นให้สูง รดน้ำให้ชุ่มราว 1 ชั่วโมงในวันแรก ระยะปลูกระหว่างต้น 70 เซนติเมตร ระหว่างแถว 1.3 เมตร ในแปลงจะวางระบบน้ำไว้ทั่วถึง โดยจำนวน 4 ไร่ จะปลูกได้ร้อยกว่าแถว การให้น้ำจะให้ครั้งละ 30 กว่าแถว จำนวน 4 ชุด ให้น้ำครั้งละครึ่งชั่วโมง จะใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง การทำหน่อไม้ของสวนคุณปฐมไม่ได้ใช้แกลบโรยโคนต้น เนื่องจากดินที่นี่เป็นดินละเอียดและร่วนซุย

อายุ 5 เดือน

หลังจากปลูกแล้ว 1 เดือน ให้เอาขี้วัวใส่โคนต้นแล้วโกยสันดินที่พูนขึ้นตอนปลูกลงเหลือความสูงจากระดับดินเดิมแค่ 10 เซนติเมตร เดือนที่ 2 ให้โกยดินลงอีก แล้วดึงต้นชุดแรกทิ้ง เหลือแต่ต้นชุดที่ 2  หลังจากต้นชุดที่ 3 เจริญเติบโตดีแล้ว ให้ดึงชุดที่ 2 ทิ้ง และเมื่อต้นชุดที่ 5 ขึ้นมา จึงให้ดึงต้นชุดที่ 3 ออก ต้นจะเหลือคือ ชุดที่ 4 กับชุดที่ 5 แล้วให้ตัดปลายยอดส่วนที่เหลือออก 2-3 เซนติเมตร ถ้ามีหน่อก็เริ่มเก็บได้ แต่ในช่วงแรกหน่อยังเล็กอยู่ ช่วงนี้จำเป็นต้องดึงเชือกช่วยเพื่อพยุงลำต้นด้วย

อายุ 11 เดือน

ระยะเวลาตั้งแต่ปลูกจนถึงเริ่มเก็บหน่อจะใช้เวลา 3 เดือน หน่อไม้จะเก็บไปเรื่อยๆ ทุกวันได้ประมาณ 2 เดือนครึ่ง หรือ 75 วัน หน่อจะเริ่มใช้ไม่ได้ก็จะเริ่มพักด้วยการถอนลำต้นทิ้งทั้งหมด เพื่อให้ต้นพักตัว ในช่วงนี้จะใส่มูลวัวให้กับหน่อไม้ฝรั่งอีกครั้ง และในช่วงพักจะให้น้ำวันเว้นวัน จนถึงระยะเก็บหน่อจะเก็บได้ครั้งละ 75 วัน พัก 25 วัน

 

วิธีดูแลรักษา

ในสวนของคุณปฐมเป็นการทำเกษตรอินทรีย์จึงไม่ใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้นแม้แต่ปุ๋ยเคมี หน่อไม้ฝรั่งจะมีศัตรูพืชหนอนเจาะลำต้นและเจาะหน่อรบกวน ทางสวนก็จะใช้ยาหมักเอง ฉีดพ่นทุกๆ 4 วัน โดยสะพายเป้หลังเดินฉีดพ่น โดยจะมีส่วนผสมของ

  1. ยาฆ่าแมลงฝักคูน
  2. จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
  3. จุลินทรีย์หน่อกล้วย
  4. ยูเรียฉี่หมู
  5. น้ำส้มควันไม้

อย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร โดยฉีดให้โดนใบและลงดิน การฉีดพ่นดังกล่าวควรทำในเวลาเย็น เพื่อเลี่ยงแสงแดด ซึ่งจะใช้ปริมาณทั้งหมด 3 เป้ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดี ที่จำเป็นต้องฉีดพ่นบ่อยครั้งเนื่องจากสารธรรมชาติที่ไม่ใช่เคมีสังเคราะห์จะอยู่ได้เพียง 4-5 วันเท่านั้นในสภาพแวดล้อมจริง สูตรยาฆ่าแมลงฝักคูน จะใช้ฝักคูนที่แก่จัด มาทุบให้พอแหลก 5 กิโลกรัม กับน้ำฝนหรือน้ำดื่ม 10 กิโลกรัม ที่เน้นน้ำสะอาด เพราะคุณปฐมได้ใช้น้ำประปาหมู่บ้านทำแล้วไม่ได้ผล น้ำที่หมักจะเสีย ใช้ พด.2 ของกรมพัฒนาที่ดิน 1 ซอง หมักทิ้งไว้ 7 วันในที่ร่ม ไม่ต้องคน สามารถนำมาใช้ได้เลย แต่ถ้าเก็บไว้นานกว่านี้ประสิทธิภาพจะดีกว่า พึงระลึกเสมอว่าการฉีดพ่นยาจะต้องทำตามกำหนดแน่นอนทุกครั้ง เพราะการป้องกันดีกว่าการกำจัด

เหลือไว้4-5ลำ

มีตลาดรองรับแน่นอน ใกล้บ้าน

การตัดสินใจปลูกหน่อไม้ฝรั่งนี้นอกจากจะเป็นการปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บผลผลิตได้หลายปี และสามารถดูแลได้โดยใช้แรงงานภายในครอบครัวเองแล้ว การที่มีตลาดรองรับแน่นอนโดยจัดส่งไปรวมกันในกลุ่มที่อยู่ใกล้บ้านและมีรายได้ทุกวันเป็นสิ่งที่สำคัญในการตัดสินใจปลูกเช่นกัน

ตัดให้เสมอ
ล้างทำความสะอาด

จากการเริ่มต้นทดลองเพียง 2 ไร่ เมื่อต้นปี 2559 สามารถทำรายได้เดือนละเกือบ 20,000 บาท จึงทำให้ตัดสินใจปลูกเพิ่มอีก 2 ไร่ รวมเป็น 4 ไร่ ปัจจุบันเริ่มได้ผลผลิตแล้ว ทุกเช้าจะเริ่มเก็บหน่อไม้ฝรั่งตั้งแต่ตี 4 ถึง 7 โมงเช้าในกรณีที่ปริมาณหน่อไม้มีมาก แล้วนำมาคัดเกรด ทำความสะอาด และตัดที่บ้าน หลังจากนั้น จะนำส่งศูนย์รับของให้เร็วที่สุด ทางศูนย์จะมีพนักงานคอยคัดเกรดอีกครั้ง เพื่อให้ได้หน่อไม้ที่มีคุณภาพเพื่อจะส่งไปต่างประเทศคือ ไต้หวันและประเทศแถบยุโรป เมื่อคัดแล้วจะบรรจุเป็นถุง ถุงละ 10 กิโลกรัม ห่อกระดาษและสวมถุงพลาสติก ใส่ห้องเย็นไว้ เพื่อรอรถห้องเย็นมารับต่ออีกทีในตอนเย็นของทุกวัน

หน่อไม้ฝรั่ง

เกรดของหน่อไม้ฝรั่ง

เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคจึงมีการแยกเกรดหน่อไม้ฝรั่งเป็น 3 ประเภท คือ ตูม บาน และงอ ประเภทตูมเป็นประเภทที่ราคาดีที่สุด แบ่งเป็น 6 เกรด เกรดเอ ราคากิโลกรัมละ 65 บาท เกรดบี 30 บาท เกรดซี 25 บาท และ 20, 15, 10 บาท ตามลำดับ ประเภทบาน มี 2 เกรด คือ เอ 20 บาท และ 15 บาท ส่วนประเภทงอ รวมราคา 20 บาททุกเกรด

ราคานี้เป็นราคาในช่วงฤดูปกติ ส่วนในฤดูหนาวหน่อไม้ฝรั่งจะออกน้อยกว่าปกติ เกรดเอตูมจะมีราคาถึงกิโลกรัมละ 120 บาท จากการที่คุณปฐมปลูกต้นหน่อไม้ฝรั่งในระยะที่ห่างทำให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี ไม่เบียดกันมากเกินไป ทำให้หน่อไม้ที่ได้อยู่เกรด เอ และบีเป็นส่วนใหญ่ และหน่อไม้ของที่สวนเล็กสุดไม่เกินเกรดดี การเน้นคุณภาพของเกษตรกรเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งเกรดเอกับบีต่างกันมากถึง 35 บาท คุณปฐมเน้นการทำหน่อไม้เกรดเอให้ได้มากที่สุดโดยการปลูกต้นให้ห่างและใส่ใจดูแลจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

หน่อเกรดเอ

ผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งของกลุ่มจะมีปริมาณไม่ค่อยแน่นอนนักในบางช่วงฤดู เนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่ไม่ชอบอากาศหนาว ในช่วงฤดูหนาวผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งจะน้อยทำให้ช่วงดังกล่าวมีราคาสูง ปริมาณหน่อไม้ฝรั่งที่ผลิตได้ของกลุ่มจะอยู่ระหว่าง 200-600 กิโลกรัม ต่อวัน จากพื้นที่เพาะปลูก 50 ไร่ โดยมีเกษตรกรร่วมโครงการจำนวน 12 ราย เฉลี่ยแล้วรายละ 4 ไร่ ซึ่งเป็นปริมาณพื้นที่ที่ดูแลได้อย่างทั่วถึง โดยใช้แรงงานภายในครอบครัว

จุดเด่นของเกษตรกรรายนี้คือ การลดพื้นที่จาก 19 ไร่ เหลือทำแค่ 4 ไร่ เพื่อให้ใช้แรงงานในครอบครัวได้และเป็นรายได้ทุกวัน ส่วนพื้นที่ 15 ไร่ที่เหลือ จะเน้นปลูกสวนป่าและกล้วยที่ไม่ต้องการการดูแลมากนัก ส่วนนี้จะเป็นรายได้รายเดือน และเน้นการผลิตในเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยังเป็นที่น่าเสียดายที่ทางผู้รับซื้อไม่ได้คิดราคาหน่อไม้อินทรีย์ให้แก่คุณปฐม เพราะผู้รับซื้อไม่ได้เน้นที่เกษตรอินทรีย์ แต่คุณปฐมก็ยังยืนยันที่จะทำเป็นแปลงเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากความปลอดภัยในการทำงาน

…………………………………………………………

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่