ที่มา | เทคโนโลยีการเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา |
เผยแพร่ |
คุณฤทธิรงค์ โหตระไวศยะ หรือ คุณหนุ่ม เป็นชาวอุบลราชธานี อยู่บ้านเลขที่ 221 บ้านพรานบุญ หมู่ที่ 13 ตำบลหนองขอน อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ทำธุรกิจผลิตจิวเวลรี่ส่งออก อยู่เลขที่ 464/112 ถนนเพชรเกษม 48 บางด้วน ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงโควิดระบาด
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ คุณหนุ่มจึงปรับวิธีทำงานโดยให้พนักงานแต่ละคนนำชิ้นงานกลับไปทำที่บ้าน แล้วส่งงานให้คิวซีตรวจสอบคุณภาพผ่านออนไลน์ ส่วนคุณหนุ่มถือโอกาสนี้เดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อพัฒนาสวนแก้วมังกร ที่ครอบครัวทำอยู่แล้ว จำนวน 6 ไร่ จากที่ดินทั้งหมด จำนวน 26 ไร่ แล้วยังปลูกไม้ผลอื่นในพื้นที่เหลืออีก 20 ไร่ โดยเลือกปลูกไม้ผลที่อายุเก็บเกี่ยวสั้น ใช้พื้นที่น้อย เพื่อให้ผลตอบแทนที่คุ้มกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น เมล่อน มะเขือเทศ องุ่น ข้าวโพด
คุณหนุ่ม ปลูกผลไม้ทุกชนิดในแนวทางอินทรีย์อย่างเป็นระบบ เพราะต้องการให้สินค้าเป็นเกรดพรีเมี่ยม แม้ผลไม้ทุกอย่างจะมีราคาสูงกว่าที่วางขายตามตลาดทั่วไป แต่ราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับผลไม้ที่ปลูกแบบอินทรีย์เหมือนกัน จึงทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก สั่งจองกันตั้งแต่เริ่มปลูกจนไม่มีเหลือ เรียกได้ว่าเก่งทั้งผลิตจิวเวลรี่ แล้วยังปลูกผลไม้ได้มีคุณภาพขายดีอีกด้วย
พัฒนา ปรับปรุงสวนแก้วมังกร ที่มีอายุกว่า 20 ปี
คุณหนุ่ม เริ่มพัฒนาปรับปรุงแก้วมังกรเป็นอย่างแรก แนวทางปลูกที่วางไว้เป็นแบบอินทรีย์เพื่อให้เป็นแก้วมังกรเกรดพรีเมี่ยมตามเป้าหมายที่วางไว้ แก้วมังกรที่ปลูกเป็นต้นดั้งเดิมที่มีอายุนานกว่า 20 ปี ปลูกอยู่ 6 ไร่ เป็นพันธุ์เวียดนาม มีสีขาวอยู่ 20% และสีแดง 70-80% เพราะตลาดผลสีแดงมีน้อย คุณหนุ่ม ปรับปรุงแก้วมังกรด้วยการตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ย และวางระบบน้ำ เป็นการปลูกแบบอินทรีย์ ปลูกแบบคัดคุณภาพเพื่อต้องการขายเป็นเกรดพรีเมี่ยม แต่ละครั้งเก็บผลผลิตได้ 10,000-20,000 บาท
การปลูกแก้วมังกรแนวอินทรีย์ด้วยการใช้ปุ๋ยหมักที่ทำเองจากมูลวัวและไก่ ที่ผ่านกระบวนการหมักก่อนนำไปใช้ เพราะคุณสมบัติของปุ๋ยหมักมูลสัตว์จะปลดปล่อยธาตุอาหารสำคัญให้แก่พืช คุณภาพผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี อาจเกิดจากอายุต้นหลายปี ถ้าได้ชิมจะพบว่ารสชาติแก้วมังกรที่ปลูกแบบอินทรีย์จะต่างจากการปลูกแบบเคมี
เมื่อจัดการวางระบบปลูกแก้วมังกรเรียบร้อย คุณหนุ่ม มองหาไม้ผลระยะเก็บเกี่ยวสั้น เพราะคิดว่าหากปลูกและดูแลอย่างมีคุณภาพ จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า ดังนั้น จึงใช้พื้นที่ว่างอีกส่วนหนึ่งจัดทำโรงเรือน 2 หลัง ขึ้นเพื่อใช้ปลูกเมล่อน กับมะเขือเทศ โรงเรือนทั้ง 2 หลัง มีขนาดเท่ากันคือ 6×4 เมตร ส่วนความสูงนั้นถ้าปลูกเมล่อนใช้ความสูง 4 เมตร ส่วนโรงเรือนปลูกมะเขือเทศ มีความสูง 6 เมตร เพราะต้องการให้โปร่งลมพัดผ่านสะดวก โดยโรงเรือนทั้งสองจะสลับปลูกเมล่อนกับมะเขือเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ดินสะสมโรคพืช
เมล่อน
ปลูกมาปีเศษ เป็นพันธุ์จันทร์ฉาย บารมี อินทนนท์ กรีนเนต ปลูกลงดิน ทำเป็นร่องยกสูง ระบบน้ำหยด ปลูกแบบอินทรีย์ ด้วยการปรุงดินใส่ปุ๋ยหมักมูลสัตว์ที่ต้องหมักทิ้งไว้เป็นเวลา 3 เดือน ร่วมกับเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นในพื้นที่ แล้วยังมีแกลบและมะพร้าวสับ
การเตรียมแปลง จะต้องตีปั่นดินให้ร่วนซุย แล้วใส่ปุ๋ยน้ำหมักปลา และน้ำหมักผลไม้ในอัตราและช่วงอายุต้นที่ต่างกัน ในช่วงแรกใส่ปุ๋ยทางดิน เมื่อต้นมีความแข็งแรงมากจึงเปลี่ยนมาใส่ทางใบ แล้วเมื่อติดดอกและมีผลให้ใส่น้ำหมักผลไม้เพื่อบำรุงดอกและขั้ว แถมยังช่วยเรื่องการขยายผลไม่ให้แตกง่าย
เมล็ดพันธุ์นำไปบ่มก่อน จากนั้นจึงนำไปเพาะในถาด ใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน โดยสังเกตจากการเจริญเติบโตของกลีบเลี้ยง 2 ใบ และใบจริง 1 ใบ จึงย้ายไปปลูกในแปลง แล้วรดน้ำให้ชุ่มทันทีครั้งเดียว แล้วเว้นระยะ 3 วัน พอวันที่ 4 รดน้ำที่ผสมจุลินทรีย์เป็นน้ำหมักปลาทางสายน้ำ
การไว้แขนงเมล่อน ไว้ที่ระหว่าง ข้อ 9-15 แต่ถ้าเกสรไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะหน้าหนาวอาจต้องไว้ ข้อที่ 16-17 หลังจากผสมเกสรแล้วให้ผูกเชือกสีเป็นสัญลักษณ์สำหรับนับเวลาการเก็บผลผลิต โดยแต่ละต้นจะเก็บผลที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ 1 ผล
เมล่อน เจอปัญหาโรคราน้ำค้างและหนอนผีเสื้อกับแมลงหวี่ขาว คุณหนุ่ม บอกถึงวิธีการป้องกันแมลงหวี่ขาวตามแบบฉบับภูมิปัญญาชาวบ้านที่แม่เคยสอนไว้ ด้วยการนำเอายาหอมผสมน้ำเปล่าใส่ในถ้วยเล็กวางไว้ใต้ต้นเมล่อน วิธีนี้ทำให้แมลงหวี่หมดไป โดยแมลงหวี่ขาวจะมาในช่วงเพาะต้นกล้าที่มีใบอ่อน ดังนั้น จึงต้องทำตั้งแต่ต้นเล็ก นอกจากนั้น ยังใช้สารชีวภัณฑ์อื่นช่วยป้องกันแมลงศัตรู อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นกล้าแข็งแรง แมลงศัตรูจะหมดไปเอง
ตลาดขายเมล่อนของคุณหนุ่มยังสร้างความน่าสนใจด้วยการชักชวนให้ลูกค้าแจ้งข้อความหรือวาดรูปที่ต้องการลงบนผิวของผลเมล่อนที่ลูกค้าจอง ถือเป็นการสร้างความมีส่วนร่วมและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อ โดยมีสมาชิกในครอบครัวคุณหนุ่มลงมือวาดให้ แล้วใส่จินตนาการอิสระของพวกเขา อยากวาดอะไรวาด ถือว่ากิจกรรมนี้ช่วยเพิ่มยอดขายแนวธรรมชาติแบบไม่ต้องกระตุ้น ถูกใจลูกค้ามาก ซึ่งการวาดรูปหรือเขียนข้อความจะต้องทำช่วงประมาณ 15 วัน หลังผสมเกสร
มะเขือเทศ
ภายหลังประสบความสำเร็จจากการปลูกเมล่อน คุณหนุ่ม มองมะเขือเทศกินสด เป็นเพราะเป็นพืชไม้ผลที่กำลังได้รับความนิยม แต่ยังมีความรู้ไม่ลึกซึ้ง จึงได้เข้าอบรมหลักสูตรปลูกมะเขือเทศกินสดที่ รองศาสตราจารย์ ดร.บุญส่ง เอกพงษ์ นักวิจัยคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นผู้เชี่ยวชาญพัฒนาพันธุ์มะเขือเทศสายพันธุ์ CHT103 ซึ่งเป็นมะเขือเทศหวานกินสดพันธุ์ทนร้อนในสภาพโรงเรือน
คุณหนุ่ม ปลูกมะเขือเทศกินสด 2 สายพันธุ์ คือ CHT103 กับ โซลาริโน่ จากฮอลแลนด์ เพราะทั้งสองสายพันธุ์มีรสหวานมาก เหมาะกับการกินสด ปลูกในโรงเรือนประมาณ 240 ต้น และนอกโรงเรือน อีก 4 สายพันธุ์ 100 กว่าต้น ปลูกแบบลงดิน ใช้ปุ๋ยหมักมูลสัตว์ในสัดส่วนน้อยกว่าใบไม้ เป็นสูตร 5:3:1:1 (ใบไม้ มูลสัตว์ แกลบดำ รำ) เป็นสูตรของ รองศาสตราจารย์ ดร. บุญส่ง เช่นกัน ส่วนความหวานถ้าเป็นพันธุ์ CHT103 ได้ประมาณ 9-11 บริกซ์ ถ้าเป็นพันธุ์โซลาริโน่จากฮอลแลนด์ยิ่งหวาน 15-18 บริกซ์
คุณหนุ่ม ให้รายละเอียดขั้นตอนและวิธีปลูกมะเขือเทศว่า เริ่มจากการเพาะเมล็ด ให้แช่เมล็ดไว้ในน้ำอุ่น 6 ชั่วโมงก่อนนำใส่ถาดเพาะที่มีพีทมอสส์ ใช้เวลา 25-30 วัน จึงย้ายลงแปลงดินปลูกในโรงเรือน ให้น้ำ 3 ครั้ง ตั้งเวลาครั้งละ 3-5 นาที ใช้ปุ๋ยที่หมักเอง หลังจากนั้น 3 เดือน เริ่มให้น้ำหมักปลาทางดิน ผ่านเวนจูรี่วันเว้นวัน พ่นทางใบทุก 3 วัน จนติดผล เมื่อติดผลเปลี่ยนมาให้น้ำหมักผลไม้แทนทุก 3 วัน ทั้งทางดินและทางใบ
เดือนที่ 1 จะเริ่มออกดอกตามข้อต้น แล้วติดผลในเดือนที่ 2 จากนั้นก่อนเก็บผลผลิตในเดือนที่ 3 จะต้องทำหวานทุก 3 วัน โดยใช้น้ำหมักมูลค้างคาวทางดินและใบ เพื่อให้แป้งที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลเคลื่อนย้ายจากใบสู่ลำต้นและผล โดยให้นำผลมะเขือเทศมาวัดค่าความหวานจากเครื่องวัดบริกซ์มิเตอร์ ถ้าได้ค่ามาตรฐานแล้ว จึงเก็บส่งลูกค้า โดยทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตจากลูกที่แดงจัดก่อน เพราะมีความหวาน กรอบ อร่อย ซึ่งการเก็บผลผลิตแต่ละครั้งจะได้ประมาณ 10-15 กิโลกรัม สามารถเก็บผลผลิตได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 3-4 เดือน อัตราเฉลี่ยผลผลิตที่ได้ ประมาณ 2.5 กิโลกรัม ต่อต้น
มะเขือเทศหวานกินสด ที่เก็บในแต่ละครั้งจะได้จำนวนผลมากน้อย ขึ้นอยู่กับการดูแลและสภาพอากาศ พืชชนิดนี้ไม่ชอบอากาศร้อน ทำให้มีผลผลิตน้อย แต่เมื่อเข้าช่วงในหน้าหนาวผลผลิตจะออกได้มากและมีคุณภาพมาตรฐานดีที่สุด
มะเขือเทศกินสดทั้ง 2 พันธุ์ ได้ผลผลิตเป็น รุ่นที่ 2 โดยจะปลูกสลับกับเมล่อน เพราะการปลูกสลับด้วยพืชตระกูลแตงหรือถั่วเป็นการช่วยปรับปรุงดินตามธรรมชาติ สร้างไนโตรเจนที่หายไปให้กลับมาใหม่ สำหรับการปลูกมะเขือเทศให้มีคุณภาพ คุณหนุ่มชี้ว่าควรหมั่นตัดแขนงที่งอกออกมาเป็นประจำ เพราะแขนงจะแตกออกมาเร็วมากในตำแหน่งเดิม สำหรับศัตรูทางธรรมชาติของมะเขือเทศคือ หนอนผีเสื้อ และแมลงหวี่ขาว จะใช้วิธีป้องกันแบบเดียวกับเมล่อน
สำหรับพืชเก็บเกี่ยวระยะสั้นชนิดอื่นที่คุณหนุ่มปลูกเพิ่มเติมอีก ได้แก่ ข้าวโพดเพียวไวท์ ฮอกไกโดกับทับทิมสยาม ทั้งสองชนิดเป็นข้าวโพดหวานกินสด หักกินจากต้นได้ ปลูกแบบอินทรีย์เช่นกัน แล้วคัดเกรดพรีเมี่ยม ใช้พื้นที่ปลูก 1 ไร่ ปลูกสลับกันทุก 15 วัน เพื่อให้มีผลผลิตออกขาย
นอกจากนั้น ยังปลูกส้มเขียวหวานกับส้มโอด้วย รวมทั้งยังเลี้ยงไก่ไว้อีกเล็กน้อยเพื่อเก็บไข่ไว้กิน ได้นำน้ำหมักมาให้ไก่กินเพื่อให้มีสุขภาพดี แข็งแรง สร้างภูมิต้านทานโรค ดังนั้น จึงได้ไข่คุณภาพ ปลอดภัย แล้วมีขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่ทั่วไปด้วย
คุณหนุ่ม ชี้ว่าการปลูกไม้ผลแบบทั่วไป ราคาผลผลิตต้องอิงกับกลไกตลาด แต่ถ้าออกแรงอีกเล็กน้อยมาพัฒนาปรับปรุงดูแลให้มีคุณภาพแนวอินทรีย์ ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น ปลอดภัย ก็จะทำให้มีราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งคุณหนุ่มไม่ได้ตั้งราคาสูงมากนัก เพราะเข้าใจถึงรายได้ของลูกค้า
ดังนั้น เมื่อเข้าใจถึงความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง ทำให้คุณหนุ่มขายผลผลิตในช่วงแรกให้กับคนใกล้ชิดก่อน หลังจากนั้นได้รับการบอกต่อจนทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น กว้างขึ้น ทำให้ลูกค้าขยายฐานจนต้องเปิดเพจชื่อ “ไร่คุณปู่ สวนคุณย่า” ขึ้น เพื่อตอบรับลูกค้าทางเฟซบุ๊ก จนเกิดปัญหาผลผลิตถูกจองล่วงหน้าไม่พอขาย
คุณหนุ่ม ไม่ได้เป็นเพียงนักธุรกิจผลิตจิวเวลรี่ส่งออกที่ประสบความสำเร็จมายาวนานกว่า 20 ปีเท่านั้น แต่เมื่อได้ลงมือทำเกษตรกรรมก็ยังเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เอาจริงเอาจังกับพืชไม้ผลแต่ละชนิดอย่างลึกซึ้ง ตลอดจนยังให้ความช่วยเหลือถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้สนใจ จึงได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ CDA (Cluster Developed Agent) กลุ่มเกษตรปลอดภัยอีสานใต้ 4 จังหวัด ประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ประธานกลุ่มและสมาชิกเกษตรอินทรีย์ เพื่อผลักดันกลุ่มปลูกมะเขือเทศหวานกินสด ตลอดจนพืชผักผลไม้อินทรีย์ไปสู่ครัวไทยและครัวโลก
สอบถามรายละเอียด หรือต้องการสั่งซื้อผลไม้อินทรีย์ อร่อยและปลอดภัย ติดต่อ คุณฤทธิรงค์ โหตระไวศยะ หรือ คุณหนุ่ม โทรศัพท์ 083-515-6334 หรือดูในเพจ : ไร่คุณปู่ สวนคุณย่า