ละมุดยักษ์ เมืองชากังราว ใช้พื้นที่ปลูกน้อย แต่ขายได้เงินแสน

ที่บ้านสวนผสมผสาน สวนสุวรรณีปรางทอง ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ของปราชญ์พื้นบ้าน อย่าง คุณลุงวิเชียร หรือ อาจารย์วิเชียร บุญเกิด ผู้คร่ำหวอดอยู่กับต้นหมากรากไม้มายาวนานกว่า 30-40 ปี ในพื้นที่ 17 ไร่ ปลูกไม้ผลผสมผสานเพื่อให้มีรายได้ตลอดปี แบ่งปลูกพืชหลักๆ เช่น มะนาวแป้นดกพิเศษกำแพงเพชร 500 ต้น มะยงชิด 250 ต้น (ละมุด 150 ต้น โดยแบ่งเนื้อที่ เพียง 2 ไร่ ปลูกห่าง 4 เมตร) มะขามป้อม 70 ต้น มีไม้ผลทั้งหมด 15 อย่าง อย่างละ 50 ต้น โดยประมาณ ทำให้มีรายได้หมุนเวียนตลอดปี

อาจารย์วิเชียร บุญเกิด กล่าวกับผู้เขียนว่า “กว่าจะถึงวันนี้ก็ลองผิดลองถูกมามากมาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและต่อสู้ อดทน ปัญหามีไว้แก้ ที่สวนเป็นเหมือนตำราเล่มใหญ่และอาจารย์ใหญ่ที่ทรงพลัง ที่อ่านไม่มีวันหมด”

อาจารย์วิเชียร บุญเกิด กับผลงานที่ภาคภูมิใจกับต้นละมุดที่ให้ผลผลิตดกมาก

ตอนนี้จะกล่าวถึงเรื่องเคล็ดลับการปลูกละมุดยักษ์ให้ประสบความสำเร็จ และลูกมีขนาดเท่าๆ กันทั้งสวน ภายในสวนอันร่มรื่น เต็มไปด้วยไม้ผลนานาชนิด ผลิตผลจากสวนของอาจารย์เป็นที่กล่าวขานของคนทั่วไปว่า ถ้าผลผลิตมาจากสวนสุวรรณีปรางทองนั้น นำไปเป็นของฝากได้เลย รับรองจากชื่อเสียงของเจ้าของสวนที่มีการรับผิดชอบต่อลูกค้าสูงมาก

เราต้องการกินไปนานๆ ปากต่อปาก คือความรับผิดชอบ ของที่ออกจากสวนต้องได้คุณภาพตามภาพถ่าย เพราะผลไม้ต่างๆ เดี๋ยวนี้ในยุคโรคระบาด จะต้องส่งทางขนส่งเท่านั้น ผู้รับได้รับของแล้วเปิดดูนั่นแหละ ต่อไปเขาก็สั่งจากเรา ละมุดของผมถ้าสุกแล้วหมดภายในหนึ่งเดือน ปีต่อๆ ไปเขาก็สั่งมาอีกและเพิ่มลูกค้าขึ้นไปอีก เพราะเขาแนะนำกันต่อๆ ไป เพราะความซื่อสัตย์ของเรา สำคัญมากต่อการสร้างรายได้ให้ยั่งยืน” อาจารย์วิเชียร กล่าว

ละมุดยักษ์สายพันธุ์เวียดนาม สีสวยงามเนื้อแน่นหวานฉ่ำคุ้มค่าในการปลูก

อาจารย์ปลูกละมุด 150 ต้น

“ครับผมปลูกยืนพื้น 150 ต้น แต่อาจจะเพิ่มหรือลดต้องดูตามสภาพ เช่น ผมจะควบคุมความสูงของต้น และปลูกค่อนข้างติดกัน โดยปลูกห่าง 4×4 เมตร สังเกต ดูต้นไม้ที่สวนผม ไม่มีไม้ค้ำยัน สาเหตุที่ปลูกติดกันเพราะกันเรื่องของการป้องกันลมแรงหรือพายุฤดูร้อน ถ้าต้นไหนมีอายุ 10 ปี ผมก็จะตัดแต่งให้ต้นเตี้ย หรือเรียกว่าทำสาว แต่ถ้าดูรูปทรงต้นแล้วไม่ค่อยสมบูรณ์ผมก็จะโค่นแล้วปลูกใหม่ เราต้องคอยดูด้วยว่าถ้าเขาให้ผลผลิตน้อยลงต้องทำสาว หรือตัดแต่ง อย่าเสียดาย ให้ตัดกิ่งก้านออกให้หมดเพื่อให้ละมุดแตกยอดใหม่แล้วบำรุงด้วยฮอร์โมนสาหร่ายทะเล ละมุดมีอายุยืน 40-50 ปี ถ้าพันธุ์พื้นเมืองเราอยู่ได้เป็นร้อยปี” อาจารย์บอก

 

ต้นละมุดได้จากการเสียบยอด มีอายุได้กี่ปี

ต้นละมุดนี่มีอายุยาวได้เลย 20-30 ปี หรือเป็น 50-60 ปี ยังไม่ตายกรณีที่เป็นต้นที่มีรากแก้ว เพียงแต่ว่าการคุมขนาดของผลอาจจะลดลงถ้าอายุของต้นมากเกินไป ที่สวนนี้ปลูกมา 13 ปี ประมาณปีที่ 10 ก็ตัดแต่ง หรือทำสาว หรือตอนก็จะได้ต้นละมุดที่แข็งแรงเหมือนเดิม ถือว่ารากเขาเดินเต็มที่ และรากแก้วยึดดินแล้ว

ผลใหญ่สีสวยงามหวานฉ่ำเนื้อละเอียด

แหล่งที่มาของต้นพันธุ์

ต้นพันธุ์ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์นำเข้ามาจากมาเลเซีย เวียดนาม โดยต้นพันธุ์เสียบยอด แต่ทางเวียดนามจะนำไปต่อยอด โดยการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดใหญ่รูปทรงกลม บ้างก็เรียกว่า ละมุดสาลี่ ส่วนมาเลเซีย จะมีลักษณะของผลยาวรี แต่รสชาติทั้งสองอย่างระดับความหวานอยู่ที่หน่วยวัด เรียกว่า 18 บริกซ์ ทั้งคู่ (ถ้าหวานปกติ อยู่ที่ 16 บริกซ์) แต่จะได้ความละเอียดของเนื้อ การพัฒนาพันธุ์ก็ต้องให้ดีกว่าพันธุ์พื้นเมือง แต่พันธุ์พื้นเมืองก็ใช้ทำเป็นต้นตอ เพื่อความสำเร็จขั้นสูงเข้าไปอีก นั่นแหละเรียกว่าสายพันธุ์ละมุดที่ดี และเป็นที่ต้องการของตลาด ที่สวนจะปลูกสายพันธุ์เวียดนามและมาเลเซีย และนำเข้าสายพันธุ์จากเวียดนามโดยตรง การพัฒนาพันธุ์ของเวียดนามก้าวไกลไปมาก โดยมีการพัฒนาพันธุ์ต้นเดียวมีสองลักษณะ คือ กลมและยาวรี หมายถึงออกลูกเป็นสองขนาด แต่น้ำหนักเท่าๆ กัน ความหวานเหมือนกัน แต่ได้ความแปลกและผลใหญ่ทั้งคู่เป็นข้อดีด้านการตลาดที่ผู้บริโภคต้องการรูปลักษณ์ที่แตกต่างแต่อยู่ในต้นเดียวกัน และเป็นต้นพันธุ์ที่ใช้ต้นตอของละมุดพันธุ์พื้นเมืองเพราะต้านทานโรค และหาอาหารเก่ง

ต้นนี้อายุ 13 ปีต้นเตี้ยจากต้นพันธุ์เสียบยอดให้ผลดกมาก 50 60 กิโลกรัมต่อต้น

ขั้นตอนการเสียบยอด ให้ได้ต้นพันธุ์ที่แข็งแรง

การนำต้นพันธุ์พื้นเมืองเริ่มแรกจากการเพาะจากเมล็ดเพื่อให้ได้รากแก้ว เพาะใส่ถุงเพาะขนาดเล็ก ระยะเวลา 15-16 เดือน หรือ 1 ปีครึ่ง ถึงได้ขนาดที่พอเหมาะ นำมาเสียบยอดจากละมุดพันธุ์ดี พันด้วยพลาสติกอย่างดี มัดให้แน่นกันน้ำเข้า หุ้มด้วยถุงพลาสติก 45 วัน แล้วเปิดเจาะรู กว้างขนาดประมาณนิ้วก้อยลอดได้ ทิ้งไว้ 10 วัน ค่อยๆ แย้มเปิดถุงออก 3 วัน แล้วยกออก ไว้ในที่ร่มแดดรำไร หลังจากนั้นนำไปปลูกได้ ถ้าหน้าร้อนให้เวลามากกว่านี้ รักษาความชื้นให้มาก เขาว่าระยะสะดุ้งตัวรับแสง ก็จะได้ต้นพันธุ์เสียบยอด นำออกมาเปิดปากถุงอีก 2 สัปดาห์ ก็นำไปปลูกได้เลย

 

การควบคุมขนาดของผลผลิต ให้มีขนาดเท่าๆ กัน

เป็นสิ่งสำคัญในเชิงการค้าในปัจจุบันต้องมีการคัดไซซ์ แต่นี่แหละเคล็ดลับคือการปลูก อายุของต้นไม่ควรเกิน 15 ปี ต้องตอนหรือทำสาวเพื่อให้ได้ขนาดของลูกใหญ่ และปลูกห่างกันไม่มากเพื่อกันลมให้กันและกัน

หากลำต้นแกว่งมากก็มีผลในระยะออกดอก ดอกจะร่วง และเด็ดผลละมุดที่เบียดกันทิ้ง 1 ผล ให้เหลือไว้ผลเดียว เพื่อขนาดของลูกและป้องกันหนอนเจาะ สายพันธุ์ก็สำคัญเช่นกัน ถ้าก้านละมุดยาวมากและเล็กก็จะอุ้มน้ำหนักของผลไม่ไหว

การเลือกสายพันธุ์ปลูก ก็มีส่วนสำคัญมากเป็นพื้นฐานของการเริ่มปลูก ได้สายพันธุ์ดี เป็นที่ต้องการของตลาดก็คุ้มค่า เพราะละมุดจะให้ผลผลิตตลอดปี จะมากหรือน้อยแล้วแต่ฤดูกาล ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของบ้านเรา จะเป็นช่วงให้ผลผลิตสูง หรือเป็นฤดูกาลของละมุด

ภายในสวนโคนต้นต้องขจัดวัชพืชเพื่อป้องกันผีเสื้อกลางคืนวางไข่

อาจารย์ขายผลผลิตทางออนไลน์

ขายทั้งออนไลน์และมีพ่อค้าขาประจำมารับซื้อที่สวน อาจารย์ขายส่งกิโลละ 50-55 บาท ไม่เกิน 4 ลูก (มีขนาด 3-4 ลูก ต่อกิโลกรัม) ลูกค้าจะโทร.จองและสั่งล่วงหน้า เจ้าของส่งทั่วประเทศ ละมุด หลังจากเก็บจากต้นแล้วต้องนำมาล้างไคลที่เป็นขุยออกเพื่อให้ลูกสะอาด สวยงาม แล้วนำมาบ่มด้วยก้อนแก๊สแบบโบราณ ส่งถึงมือลูกค้าภายใน 2 วัน ก็กินได้พอดี ส่วนมากลูกค้าสั่งอย่างน้อยคนละ 10 กิโลกรัม อาจารย์ส่งขั้นต่ำ 5 กิโลกรัม แพ็กใส่กล่องซีลอย่างดี เดี๋ยวนี้การขนส่งทันสมัย การปรับตัวของชาวสวนยิ่งได้เปรียบทั้งคนขายและลูกค้า เพราะได้ราคาต้นทุนจากสวนเลย ยุคโควิด-19 ระบาด สินค้าเกษตรยิ่งขายดี ขอให้เราสร้างความเชื่อถือ ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ เงินทองไหลมาเอง สินค้าไม่ดีอย่าส่งให้ลูกค้าแม้แต่ลูกเดียว

 

ข้อดีของการขยายพันธุ์ โดยการเสียบยอด

มีข้อดีหลายอย่าง เช่น ต้นไม้จะไม่สูงมากเหมือนปลูกแบบธรรมชาติ การดูแลผลผลิตรวมถึงการเก็บเกี่ยวก็ง่าย ลำต้นไม่ล้มง่ายเพราะมีรากแก้ว สามารถเสริมรากให้แข็งแรง ลำต้นโตเร็วได้ภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี เหมาะสำหรับเกษตรกร เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยว

การปลูกก็ห่าง 4×4 เมตร การใส่ปุ๋ยก็ปุ๋ยคอกดีที่สุด เสริมด้วยฮิวมัส หรือดินโป่ง หมั่นพรวนดินโคนต้นเพื่อป้องกันแมลงหรือหนอนเจาะโคนต้น การปลูกละมุดไม่จำเป็นต้องขุดร่อง แม้กระทั่งปลูกใส่กระถางก็ยังได้ แต่ปลูกเหมือนไม้กระถางต้องใช้กระถางใหญ่หน่อยก็จะดีเผื่อรากเดินสะดวก

เนื้อแน่นละเอียดเมล็ดน้อย

โรคของละมุด และการดูแล

เรื่องของโรค ระวังเรื่องหนอนเจาะโคนต้น สังเกตได้ง่าย จะมีรอยกัดโคนต้นเป็นขุย หรือก้อนเล็กๆ คล้ายมูลของหนอน และน้ำยางละมุดจะซึมออกมา ก็ใช้ยาฉุนอัดเข้าไปตรงรอยแผล หรือบางคนใช้ทางลัดโดยการใช้สเปรย์กระป๋องสำหรับฉีดมด ฉีดเข้าไปตามรอยแผล โรคอย่างอื่นแทบจะไม่มี ละมุดปลูกง่าย และเป็นพืชทนแล้งได้ดีอีกด้วย แต่ก็ให้น้ำบ้างถ้าภาวะแล้งจัด แต่หน้าฝนก็ระวังเรื่องโรคราน้ำค้าง แก้โดยฉีดพ่นด้วยน้ำส้มควันไม้

หนอนเจาะผลละมุด โดยหนอนจะเข้าเจาะผลเป็นรู หลังจากการสำรวจของเจ้าหน้าที่พบว่า ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับละมุดที่มีผลเบียดกัน และสวนที่ปลูกแบบปลอดสารเคมี แก้โดยเก็บผลที่หนอนเจาะทำลายจนเสียหายไปทำลายเพื่อตัดวงจรตัวหนอน และตัดแต่งกิ่งทรงพุ่มให้โปร่ง กำจัดวัชพืชในแปลงเพื่อลดที่อยู่ของการวางไข่ของผีเสื้อกลางคืน โคนต้นต้องไม่มีวัชพืช ผลที่เบียดกันก็เด็ดทิ้ง ถ้าระบาดมากก็ฉีดพ่นด้วยสารสะเดา

ต้นนี้มีอายุ 4 ปี ให้ผลผลิตดกเต็มต้น

ปลูก 150 ต้น ในเนื้อที่ 2 ไร่ ก็ทำเงินได้แล้ว

การปลูกละมุด หรือทำสวนละมุดเป็นการลงทุนครั้งเดียวแต่อยู่ได้หลายปี ในกรณีมีที่ 2-3 ไร่ ก็ปลูกเป็นการค้าได้  เพียงแต่ระยะแรกก็ใช้เวลาในการเริ่มต้นการปลูก 2-3 ปี ถึงจะให้ผลผลิต ละมุดเป็นพืชทนแล้ง และต้านทานโรคได้ดี การดูแลไม่มาก เหมาะสำหรับทำการเกษตรคนเดียว หรือทำแบบครัวเรือน

“ผมแบ่งเนื้อที่ปลูกละมุด 2 ไร่ 150 ต้น ต้นที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป จะให้ผลผลิต 50-60 กิโลกรัม ต่อต้น ละมุดจะให้ผลผลิตมาก หรือฤดูกาลคือเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม นอกนั้นให้ผลผลิตประปรายแต่ออกลูกทั้งปี ราคาขายละมุดยักษ์ขายส่งจากสวน กิโลกรัมละ 50-55 บาท รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 2,750 บาท ต่อต้น x 150 ต้น = รายได้เฉลี่ย 375,000 – 412,500 บาท ต่อปี ในช่วงเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคม นอกนั้นก็มีประปราย ขายบ้าง ให้ผู้ที่มาชมสวนได้กินบ้าง ละมุดดูแลง่าย ปลูกแบบลืมๆ ก็ให้ผลผลิต การให้น้ำก็ไม่บ่อย บางครั้งก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องให้น้ำทุกวัน การปลูกละมุดเป็นการค้าเหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อยแต่ต้องการมีรายได้เสริม หรือวัยเกษียณ เพราะละมุดไม่ต้องดูแลมาก เพียงเท่านี้ก็ทำเงินได้แล้ว” อาจารย์อธิบาย

เมืองไทยเราเป็นเมืองเกษตรกรรม การเกษตรปัจจุบันเป็นอาชีพที่ยั่งยืน ขอเพียงแต่ที่ดินควรจะมีแหล่งน้ำ ก็ถือว่าพื้นที่นั้นสร้างอาชีพได้ ผมมีประสบการณ์ด้านไม้ผล เพียงแต่การบริหารจัดการภายในสวนให้เป็นระบบและคอยกำจัดวัชพืชสม่ำเสมอ พืชบางอย่างก็ต้องการความโปร่งของโคนต้น ถ้าต้นไม้มีอายุหลายปี อย่างน้อย 5 ปีขึ้น พื้นที่โคนต้นต้องโปร่งเพื่อให้แสงแดดส่องเข้าถึง เพราะต้นไม้ก็ต้องการอากาศและแสงแดด แต่ถ้าเริ่มปลูกภายใน 2-3 ปี พวกหญ้าวัชพืชก็เก็บไว้ได้บ้างเพื่อคลุมดินรักษาความชื้น

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สวนสุวรรณีปรางทอง โดย อาจารย์วิเชียร บุญเกิด เลขที่ 161/2 หมู่ที่ 1 ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 62000 โทร. 085-244-1699

ผลใหญ่สีสวยงามหวานฉ่ำเนื้อละเอียด
น้ำหนักเฉลี่ย 3ขีดครึ่ง

 

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2564