สาวเมืองเลย ปลูก-แปรรูป “ชาดอกดาวเรือง” แก้วิกฤตราคาตกต่ำ สร้างมูลค่าจากเดิมได้กว่าเท่าตัว

“ดาวเรือง” จัดเป็นไม้ดอกที่มีความผันผวนทางด้านราคาค่อนข้างสูง หากปีไหนความต้องการมากแต่ผลผลิตน้อยเกษตรกรก็ยังพอยิ้มออกหน่อย เพราะราคาจะดีดขึ้นไปสูงถึงดอกละ 2.50-3 บาท แต่หากช่วงไหนผลผลิตล้นตลาด ราคาจะร่วงลงมา ชนิดที่ว่าคนปลูกก็ร่วงลงมาตามกันเลยทีเดียว และยิ่งมาประจวบเหมาะกับสถานการณ์โควิด-19 เทศกาลงานต่างๆ ถูกยกเลิก ส่งผลให้ราคาดาวเรืองตกต่ำซ้ำเติมเกษตรกรเข้าไปอีก เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่เกษตรกรควรที่จะเริ่มหาทางออกให้ตัวเอง ด้วยการนำผลผลิตที่มีอยู่นำมาแปรรูป เนื่องจากได้มีงานวิจัยจากออกมาว่า “ดอกดาวเรือง” ไม่ได้มีดีแค่นำมาร้อยพวงมาลัยหรือจัดแจกันไหว้พระเพียงเท่านั้น แต่ยังมีสารสำคัญที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตาและบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย

คุณนฤดี ทองวัตร หรือ พี่อุ๋ย

คุณนฤดี ทองวัตร หรือ พี่อุ๋ย อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 8 ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เกษตรกรนักสู้ ผิดหวังกับการปลูกดาวเรืองแบบขายดอกสด พลิกวิกฤตเปลี่ยนเส้นทางการตลาดหันทำชาดอกดาวเรืองขาย สร้างมูลค่าเพิ่มจากเดิมได้กว่าครึ่ง

พี่อุ๋ม เล่าถึงจุดเริ่มต้นการแปรรูปชาดอกดาวเรืองว่า ตนเองประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกดาวเรืองมานานกว่า 13 ปี แต่ช่วงหลายปีหลังมานี้ต้องประสบกับปัญหาด้านการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง เกิดความไม่แน่นอนในชีวิต เป็นเหตุให้ต้องตัดสินใจลองเปลี่ยนวิธีการสร้างรายได้แบบใหม่เกิดขึ้น ด้วยการพยายามมองหาจุดเด่นสำคัญของดอกดาวเรือง จนได้ค้นพบว่าดอกดาวเรืองมีสารสำคัญที่ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณได้ และได้ต่อยอดจากจุดเด่นตรงนี้หันมาทดลองแปรรูปดาวเรืองทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพราะมองว่ากระแสรักสุขภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคตมีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจเบนเข็มจากการขายดอกสดเปลี่ยนมาทำชาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี

ด้วยการทดลองปลูกดาวเรืองในโรงเรือน ซึ่งข้อแตกต่างของการปลูกดาวเรืองแบบนอกโรงเรือนกับในโรงเรือนนั้นจริงๆ แล้วไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก แต่สาเหตุที่ต้องแยกกันปลูกนั้น เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ของการนำดอกไปใช้ที่แตกต่างกัน

“เมื่อก่อนเราปลูกดอกดาวเรืองแบบนอกโรงเรือนเพื่อส่งให้แม่ค้าสำหรับร้อยพวงมาลัย แต่ช่วงหลายปีมานี้ดอกดาวเรืองราคาไม่ค่อยดีนัก เราจึงลองทดลองหันมาปลูกดาวเรืองในโรงเรือนเพื่อการนำไปบริโภค ทำเครื่องดื่ม ชาดอกดาวเรือง หรือทำสารสกัดจากดอกดาวเรืองเพื่อไว้ใช้ทำเวชสำอาง จึงต้องแยกปลูกในโรงเรือนเพื่อให้ปลอดภัยจากสารเคมีทุกชนิด และนอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มแสงสีแดงให้กับดาวเรือง เพื่อให้ได้สำคัญเพิ่มขึ้นอีกด้วย”

ปลูกดาวเรืองในโรงเรือน

ปลูกดาวเรืองในโรงเรือน
ด้วยเทคนิคการเพิ่มแสง

เจ้าของบอกว่า เทคนิคการปลูกดาวเรืองเพื่อนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม หรือปลูกเพื่อสกัดเอาสารสำคัญนั้น ขั้นตอนการปลูกไม่แตกต่างกันมากนัก สำคัญที่ความพิถีพิถันและความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก จำเป็นต้องปลูกในโรงเรือนเพื่อหลีกเลี่ยงจากสารเคมีทุกชนิด เพราะว่าด้วยตัวของดอกดาวเรืองเอง เป็นพืชที่ค่อนข้างดูดซับสารพิษในดินเข้ามาไว้ในตัว อย่างเช่น ถ้าปลูกในดินที่ผ่านการใช้ยาฆ่าหญ้าหรือยาฆ่าแมลงแล้วตกค้างในดิน ตัวดอกดาวเรืองมีคุณสมบัติในดูดซับสารเหล่านี้เข้ามาในต้น โดยจะดูดซับไว้ที่ส่วนรากมากที่สุด และอาจจะกระจายสู่ดอกได้ด้วย ฉะนั้น การปลูกในโรงเรือนถือเป็นวิธีที่ช่วยหลีกเลี่ยงสารเคมีได้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนคือจะต้องปลูกในถุง และต้องเป็นดินที่ไม่ได้ผ่านการใช้สารเคมีใดๆ มาก่อน ซึ่งอาจจะดูยุ่งยากไปสักหน่อย แต่การปลูกดาวเรืองเพื่อทำเครื่องดื่มชา มีข้อดีตรงที่ไม่จำเป็นต้องทำให้ดอกสวย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะต้องตัดเพื่อนำมาอบอยู่แล้ว มีแมลงกัดหรือนอนเจาะได้บ้าง

การรดน้ำ เหมือนกับการปลูกดาวเรืองนอกโรงเรือนทั่วไป ช่วงย้ายปลูก ประมาณ 7 วัน ให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้ดี รดน้ำวันละครั้งในช่วงเช้าและในช่วงที่ดอกบาน ไม่ควรรดน้ำให้โดนดอก เพื่อป้องกันดอกเป็นโรค ดาวเรืองเป็นพืชที่ชอบการให้น้ำในลักษณะให้น้อยๆ แต่บ่อยครั้ง หรือชอบชื้นแต่ไม่ชอบแฉะ และน้ำท่วมขัง

เปิดไฟสีแดง เทคนิคเพิ่มคุณภาพ

เทคนิคสำคัญ “เปิดไฟให้พืช” โดยเทคนิคการเปิดไฟให้ดาวเรืองนี้เกิดขึ้นจากความอยากรู้ของตนเอง จึงได้มีการค้นคว้าข้อมูลงานวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของพืช จนกระทั่งได้ไปเจอกับงานวิจัยของ ดร.เบญญา มะโนชัย ท่านเป็นอาจารย์สอนภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการวิจัยเทคนิคปลูกดาวเรืองสำหรับสกัดลูทีน แล้วเกิดความสนใจจึงได้มีการเรียนเชิญให้ท่านมาเป็นที่ปรึกษาในครั้งนี้ ซึ่งได้มีการทดลองใหม่ทั้งหมด ด้วยการเก็บดอกดาวเรืองที่ปลูกทั้งในและนอกโรงเรือน และการปลูกแบบเปิดไฟและไม่เปิดไฟ จะมีสารสำคัญต่างกันหรือไม่ ซึ่งผลการทดลองออกมาว่าการปลูกแบบเปิดไฟ ผลวิเคราะห์ออกมาว่ามีสารสำคัญในดอกสูงกว่าแบบอื่นอย่างมีนัยยะ

โดยเทคนิคการใช้แสงไฟเพื่อรักษาสารสำคัญในดาวเรืองนั้น จะเริ่มเปิดไฟตั้งแต่ช่วงที่ดาวเรืองมีตาดอกแล้ว ก็คือหลังจากปลูกได้ 45 วันขึ้นไป โดยช่วงระยะเวลาการเปิดจะแบ่งเปิดเป็น 2 ช่วง คือ 1. เปิดในช่วงเช้า ตี 4 ถึง 7 โมงเช้า และช่วงเย็น 5 โมงเย็น ถึง 2 ทุ่ม เปิดไปจนถึงช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

ผลผลิต ปลูกในโรงเรือนจะให้ดอกดกกว่า และมีอายุการเก็บเกี่ยวได้นานกว่า เช่น ปลูกนอกโรงเรือนมีอายุเก็บเกี่ยวได้ 1 เดือน แต่ถ้าปลูกในโรงเรือนสามารถยืดระยะเวลาออกไปได้เป็นเดือนครึ่ง และดอกจะมีความสมบูรณ์แข็งแรงกว่าด้วย

ทุ่งดาวเรือง ภูเรือ

เทคนิคการแปรรูป
“ชาดอกดาวเรือง”

พี่อุ๋ม บอกว่า สำหรับการแปรรูปดอกดาวเรือง ตนเองทำมาเป็นระยะเวลากว่า 4 ปีแล้ว โดยในปีแรกจะเน้นการนำดอกที่ปลูกนอกโรงเรือนมาทำเป็นสีย้อมผ้าเพราะทำได้ง่าย แต่เมื่อทำไปได้สักพักก็ได้ทราบถึงปัญหาว่าด้วยความที่เป็นสีจากธรรมชาติ ลูกค้าบางคนไม่เข้าใจว่าสีธรรมชาติสามารถตกได้ ซีดได้เมื่อซักบ่อยๆ ทำให้ตลาดแคบลง จึงได้เริ่มต้นที่จะแปรรูปสินค้าตัวใหม่ออกมาคือชาดอกดาวเรือง เมื่อทำออกมาแล้วถือว่าได้ผลตอบรับที่ดีมากๆ กระแสดีมาตลอดแม้จะเกิดวิกฤตโควิด-19 ชาก็ยังขายได้ดี เนื่องจากกระแสรักสุขภาพยังมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น อะไรก็ช่างที่เป็นธรรมชาติ บริโภคเข้าไปแล้วเข้าไปช่วยฟื้นฟูและรักษาสุขภาพให้ดีขึ้นก็ได้รับความสนใจของตลาด

ขั้นตอนการแปรรูป

  1. จะเก็บเกี่ยวดอกดาวเรืองที่บานเต็มที่ นำมาตัดเอาเฉพาะกลีบดอก ไม่ให้ติดเกสรออกมา เนื่องจากตรงส่วนของเกสรจะทำให้มีกลิ่นฉุน เหมือนที่เวลาได้กลิ่นของดอกดาวเรือง จริงๆ แล้วได้กลิ่นจากเกสร ไม่ใช่กลีบ และนอกจากนี้ ยังมีผลทดสอบออกมาว่าในกรณีผู้ที่แพ้ดอกดาวเรืองส่วนใหญ่จะแพ้เกสร คือส่วนที่เห็นเป็นเม็ดดำๆ
  2. เมื่อตัดกลีบดอกเสร็จ ให้นำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปผึ่งลมให้แห้ง ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี หรือจะใช้วิธีอบก็ได้ ในกรณีถ้าเป็นตู้อบลมร้อนทั่วไปควรจัดเรียงไม่ให้กลีบดอกทับกันหนาเกิน 3 เซนติเมตร และอบในอุณหภูมิ 45-50 องศาเซลเซียส ไม่ให้เกินนี้
  3. ใช้เวลาอบประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  4. จากนั้นนำมาบรรจุใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ เตรียมจำหน่าย

หมายเหตุ ดอกดาวเรืองสดจำนวน 1 กิโลกรัม เมื่อนำมาอบเป็นชาแล้วจะได้ประมาณ 100 กรัม

สรรพคุณ ดอกดาวเรืองมีสารแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll) ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์ (สารต้านอนุมูลอิสระ) ชนิดหนึ่ง โดยมีส่วนประกอบเป็นโมเลกุลที่มีออกซิเจน อันได้แก่ ลูทีนและซีแซนธิน ซึ่งจัดว่าเป็นสารบำรุงสายตาจากพืชมีสี โดยทั้งสองสารนี้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาได้ ช่วยกรองแสงสีฟ้า และยังเป็นสารออกซิเดชั่น ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่จะทำลายประสิทธิภาพการทำงานของจอประสาทตา โดยการนำเอาสารบำรุงสายตาจากดอกดาวเรืองมาใช้ แนะนำให้ชงเป็นชาดื่ม 1 หยิบมือต่อน้ำร้อน 1 แก้วกาแฟ เท่านี้ก็จะได้รับสารบำรุงสายตาที่ซ่อนอยู่ในดอกดาวเรืองแล้ว

เปิดไฟสีแดง เทคนิคเพิ่มคุณภาพ

การสร้างมูลค่า

ในเรื่องของราคาแน่นอนว่ามีความแตกต่างกันอยู่แล้ว เพราะปริมาณชาดอกดาวเรือง 10 กิโลกรัม ขายในราคา 2,500-3,000 บาท ต่างจากการขายดอกสด 10 กิโลกรัม จะได้เงินประมาณ 300 บาท แต่ในแง่ของกระบวนการแปรรูปย่อมมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่เพิ่มขึ้นมา แต่ยังไงรายได้ก็สูงอยู่ และอีกข้อดีของการแปรรูปทำชาคือสามารถเก็บไว้จำหน่ายได้นานเป็นปี ต่างจากลักษณะของดอกสด ถ้าผ่านไปสัก 3-5 วัน จะกลายเป็นขยะทันที

รายได้ ดีขึ้นกว่าตอนปลูกแบบเดิม และจะยิ่งดีขึ้นไปอีกหากไม่เกิดสถานการณ์โควิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากกระแสของชาดอกไม้มาดีอยู่แล้ว และคนทำยังไม่มาก ยังถือเป็นสินค้าใหม่สำหรับประเทศไทย ชาดอกไม้ตลาดยังไม่ได้กว้าง แต่ทางกลับกันคู่แข่งทางการตลาดก็น้อยเช่นกัน ถือว่ามองว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับตนเองและเกษตรกรท่านอื่นๆ ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

ตลาด ตอนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าร้านชาต่างๆ 1. กลุ่ม “ชาเบลนด์” คือ การนำสมุนไพร ผลไม้ หรือดอกไม้อบแห้งตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป ผสมลงไปในขั้นตอนการชงชา 2. กลุ่มชาเพื่อสุขภาพ และได้ลูกค้าเพิ่มจากการบอกกันปากต่อปาก ซึ่งร้านชาที่มีชื่อเสียงหลายๆ ร้าน ก็ใช้ชาของที่นี่เป็นวัตถุดิบหลัก มีทั้งลูกค้าจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือภาคใต้ก็มี ร้านเบนชาที่มีชื่อเสียงหลายๆ ร้านก็ใช้ชาของเราเป็นวัตถุดิบผสม มีทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภาคใต้ ก็มี 3. วางขายหน้าร้านกลุ่มวิสาหกิจชุมชนดาวเรืองภูเรือ 4. ผ่านออนไลน์ “ช้อปปี้ (Shopee)” และ 5. เพจเฟซบุ๊ก ดีธรรมดา by ทุ่งดาวเรืองภูเรือ

ตัดกลีบ เตรียมแปรรูป

ฝากถึงเกษตรกร

“ต้องบอกว่าเรื่องของราคาผลผลิตตกต่ำของพืชผลทางการเกษตรของไทยเป็นทุกอย่างอยู่แล้ว เนื่องจากปัจจัยของเราคือเราทำตามกระแส ปลูกตามๆ กันไป เห็นพืชชนิดไหนมีราคาดีหน่อยก็แห่ปลูกตามกัน ฉะนั้น มันหนีไม่ได้เลยที่เราจะถูกกำหนดราคาจากปัจจัยภายนอก แต่สิ่งที่เราจะแก้ได้คือถ้าไม่อยากจะเปลี่ยนในสิ่งที่เราทำอยู่แล้ว ทางเดียวจะช่วยเราได้คือ การแปรรูป เพราะสุดท้ายแล้วการแปรรูปจะทำให้เราสามารถเก็บของไว้ขายได้นาน ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปด้วยวิธีไหน อยากให้ทุกคนสู้ หากเจอปัญหาอย่ายอมแพ้ ปัญหาทุกอย่างแก้ได้จากการมีสติเรียนรู้เพื่อที่จะแก้ไข อยากให้เคสของพี่เป็นตัวอย่าง ถึงแม้พี่จะไม่ได้สำเร็จครบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าตราบใดที่เรายังไม่หยุดคิด หยุดพยายาม พี่คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันจะมีทางออกให้ เพียงแค่เราต้องเรียนรู้ และพัฒนาแก้ปัญหาต่อไป” พี่อุ๋ม กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 088-021-4456 หรือติดต่อได้ที่เพจ : ดีธรรมดา by ทุ่งดาวเรืองภูเรือ