เอบี พันธุ์ไม้ แม่วงก์ นครสวรรค์ ยืนยันธุรกิจเพาะกล้าไม้ป่า ไปได้ดี มีแรงหนุนหลายทาง

สวัสดีครับ สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน พบกันเป็นประจำ ในคอลัมน์ “คิดใหญ่แบบรายย่อย The challenge of smallscale farmers” กับผมธนากร เที่ยงน้อย ฉบับนี้พาท่านไปพบปะพูดคุยกับอีกหนึ่งธุรกิจเกษตรที่ทำรายได้เป็นอย่างดี แม้ในช่วงที่โควิดกำลังระบาดไปทั่ว พอพูดถึงโควิดที่กำลังระบาดในคน ก็ทำให้นึกถึงโรคระบาดในสัตว์บ้านเราอย่าง กาฬโรคแอฟริกาในม้าที่รุนแรงมากพอสมควร จนมาถึงโรคลัมปีสกิน ที่กำลังระบาดในวัว ควาย ในบ้านเราตอนนี้ ช่วงนี้ทั้งคนทั้งสัตว์อ่วมโรคระบาดไปตามๆ กัน จนเกษตรกรด้านปศุสัตว์บางท่านเอ่ยปากกับผมว่าเลิกเลี้ยงสัตว์ ไปปลูกไม้ด่างขายดีกว่ามั้ง ได้ยินแล้วก็เศร้าใจ ไม่ว่าอย่างไร ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ขอให้พี่น้องเกษตรกรไทยทุกท่านก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยกันทุกท่านครับ กลับมาเข้าเรื่องธุรกิจเพาะกล้าไม้ป่าของเราครับ ผมพาท่านไปตระเวนไกลถึงแม่วงก์ นครสวรรค์ ห่างจากกรุงเทพฯ 323 กิโลเมตร เพื่อมาดูให้ถึงต้นทางธุรกิจเพาะกล้าไม้ป่ากันครับ

คุณพีรยุทธ โสภารัตน์ และ คุณสุขาร โสภารัตน์ เจ้าของ เอบี พันธุ์ไม้ อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์

เอบี พันธุ์ไม้ แม่วงก์ นครสวรรค์

แนะนำให้ท่านรู้จักกับ คุณพีรยุทธ โสภารัตน์ และ คุณสุขาร โสภารัตน์ เจ้าของ เอบี พันธุ์ไม้ ร้านจำหน่ายกล้าไม้ป่าและพันธุ์ไม้ต่างๆ เอบี พันธุ์ไม้ ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 182 หมู่ที่ 7 ตำบลเขาชนกัน อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ คุณพีรยุทธ เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่ามองเห็นช่องว่างทางธุรกิจ เพราะคนที่ไปขอกล้าไม้ป่าจากหน่วยงานของภาครัฐต่างๆ มักจะต้องรอนาน จึงเห็นว่ากล้าไม้ป่าน่าจะเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป จึงหันมาจับธุรกิจนี้ “ทำเรื่องเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่ามากว่า 3 ปี เป็นธุรกิจที่ทำนอกเหนือจากงานประจำ ยิ่งในช่วงนี้ที่มีกฎหมายใหม่ห้ามทิ้งพื้นที่ให้ว่างเปล่า จึงมีความต้องการพันธุ์ไม้ป่าเพื่อไปปลูกในพื้นที่กันเยอะ ก็ถือว่าเรามาถูกทาง”

 

แรงส่งแรงหนุนธุรกิจกล้าไม้ป่า

กล้าไม้ป่า ที่ร้าน เอบี พันธุ์ไม้ ของคุณพีรยุทธมีหลากหลาย “เรามีทั้งไม้พะยูง ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้ยูคาฯ ไม้สาทร มะค่าโมง ไม้แดง ไปจนถึงไม้ผล อย่าง มะขามเปรี้ยวฝักยักษ์ น้อยหน่า เราก็มี” คุณพีรยุทธ บอกว่า ที่ เอบี พันธุ์ไม้ มีกล้าไม้หลากหลายชนิด เพราะเรามองว่าตอนนี้หลายเหตุหลายปัจจัยส่งผลให้คนไทยหันมาปลูกต้นไม้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้ป่า เพราะมีกฎหมายหลายฉบับที่ออกมาแล้ว เป็นการสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้คนไทยปลูกไม้ป่าและปลูกพืชต่างๆ มากขึ้น ผมลองไปค้นดูก็พอจะเห็นแรงจูงใจให้คนไทยปลูกไม้ป่า ไม้ผล มากขึ้นจากการปลดล็อกไม้ยืนต้นตัดได้ไม่ผิดกฎหมาย ประกาศราชกิจจานุเบกษา ยกเลิกไม้หวงห้าม ตาม มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 สำหรับ พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 ที่มีรายละเอียดตอนหนึ่งว่า

“ไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในที่ดินมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้าม”

จึงทำให้การปลูก การตัดไม้มีค่า ไม่ต้องทำเรื่องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่อีกต่อไป หรือกล่าวได้ว่า กฎหมายฉบับนี้ได้ยกเลิกการกำหนดไม้หวงห้ามในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินจะควบคุมเฉพาะไม้ในป่าเท่านั้น ที่ดินในสิทธิครอบครองสามารถตัดได้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนปลูกและตัดไม้ได้สะดวก (https://greennews.agency/?p=18868) ภาษีที่ดินก็เป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้คนไทยหันมาปลูกไม้ป่า ปลูกไม้ผลมากขึ้น คือ ที่ดินรกร้างว่างเปล่า บ้านไม่ใช้ประโยชน์ และอื่นๆ ที่ดินประเภทนี้มีการกำหนดอัตราเพดานภาษีไว้ที่ 1.2% โดยหากที่ดินมีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษีอยู่ที่ 0.3% ขณะที่ที่ดินมูลค่า 50-200 ล้านบาท อัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 0.4% ไล่เรียงไปถึงมูลค่าที่ดินมากกว่า 5,000 ล้านบาท อัตราภาษีอยู่ที่ 0.7% อย่างไรก็ตาม หากที่ดินรกร้างว่างเปล่า ยังคงปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ ทุกๆ 3 ปี อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 0.3% แต่อัตราภาษีรวมทั้งหมดต้องไม่เกิน 3% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (http://www.fpo.go.th/main/getattachment/General-information-public-service/(ShortNew)Land_Building-tax.pdf.aspx?lang=th-TH) 

แค่ 2 ปัจจัย ที่ผมยกมา ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนให้คนไทยปลูกไม้ป่า ไม้ผลมากขึ้น จึงเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจเพาะชำกล้าไม้ อย่างที่ เอบี พันธุ์ไม้ ของคุณพีรยุทธได้รับผลดีอยู่ในตอนนี้

กล้าไม้ป่าเศรษฐกิจหลากหลายชนิดของ เอบี พันธุ์ไม้

จะขายต้นอะไร ดูจากความต้องการของตลาด

การเลือกพันธุ์ไม้ของคุณพีรยุทธจะดูจากความต้องการของตลาด อย่างตอนนี้ ไม้พะยูง มาแรงมาก เพราะเป็นกระแสจากข่าวต่างๆ ส่วนสักและประดู่มีความต้องการมากอย่างสม่ำเสมอ ยูคาฯ ก็เป็นไม้โตเร็วที่มีความต้องการมากสม่ำเสมอ ทั้งกล้าไม้พะยูง กล้าสัก กล้าประดู่ และยูคาฯ จึงเป็นพันธุ์ไม้หลักๆ ที่คุณพีรยุทธมีไว้จำหน่าย คุณพีรยุทธ เล่าว่า “ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านทั่วไป รวมไปถึงวัยรุ่นหรือคนรุ่นอายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เป็นวัยกำลังสร้างตัว ปัจจุบันคนรุ่นนี้สนใจหันมาปลูกไม้ป่ากันเยอะ อาจจะมาจากสื่อต่างๆ ที่นำเสนอเรื่องนี้ จึงทำให้วัยรุ่นวัยสร้างตัวสนใจหันมาปลูกไม้ป่ามากขึ้น ทั้งไม้โตเร็ว อย่าง ยูคาฯ และไม้ป่าอื่นๆ เพราะคนรุ่นใหม่หวังจะให้เป็นเงินออมสำหรับอนาคต ส่วนเกษตรกรกลุ่มที่มีอายุมากขึ้นไป มักจะเลือกปลูกไม้ยูคาฯ เป็นหลัก เพราะต้องการเงินสดเงินเร็ว ไม่สามารถปลูกไม้ป่าเพื่อรอนานๆ ได้”

ส่วนการเลือกปลูกไม้ป่าเศรษฐกิจในมุมมองของคุณพีรยุทธ มองว่า “ไม้ป่าที่มีอนาคตทางธุรกิจ ผมมองว่า สัก ประดู่ ยังเป็นไม้ป่าเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนพะยูงแม้ตอนนี้จะมีกระแสแรงมาก แต่หากปลูกเป็นไม้ป่าเศรษฐกิจแล้ว ต้องใช้เวลานาน คนปลูกอาจจะไม่ได้อยู่ใช้เงิน หากจะปลูกไม้ป่าเศรษฐกิจที่ใช้เวลาไม่นานนัก มะค่า และประดู่ ยังน่าสนใจ ส่วนไม้ป่าเศรษฐกิจ อย่าง สัก ก็ยังน่าลงทุน ส่วนการปลูกยูคาฯ จะสามารถตัดได้หลังจากปลูกไปแล้ว 3 ปี และสามารถไว้ตอเพื่อให้งอกออกมาและตัดต่อไปอีกได้ 7-8 ปี ไม้ยูคาฯ มีตลาดรับซื้อตลอด จึงทำให้สามารถขายกล้าพันธุ์ได้ตลอดเช่นกัน”

 

ป่าปลูกที่มีประโยชน์หลากหลายเป็นทางเลือกที่ดี

การปลูกไม้ป่าเศรษฐกิจนั้นต้องใช้เวลานานจึงจะมีรายได้เข้ามา ในช่วงระหว่างรอรายได้จึงเป็นช่วงสำคัญสำหรับเกษตรกร หากเป็นเกษตรกรรายใหญ่สายป่านยาว อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำคัญนัก แต่สำหรับเกษตรกรรายย่อย การรอรายได้หลายปีอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เกี่ยวกับเรื่องนี้คุณพีรยุทธให้ข้อคิดเห็นว่า “ไม้ป่าจำพวก ไม้เต็งรัง ไม้ยางนา ก็เป็นไม้ป่าเศรษฐกิจที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่ง เพราะนอกจากสร้างป่าเศรษฐกิจแล้ว ในพื้นที่ป่าเหล่านี้ยังสามารถเพาะเห็ดต่างๆ ได้ เช่น เห็ดระโงก เห็ดเผาะ เป็นต้น จึงอาจจะเป็นแนวทางสร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริมระหว่างการรอรายได้จากไม้ป่าเศรษฐกิจ” ตัวของคุณพีรยุทธเองจึงพยายามส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกไม้ป่าประเภทเต็งรัง พวกยางนา เพราะจะสร้างอาชีพเสริมให้ชาวบ้านได้ ทำให้ทุกวันนี้ไม้ป่าอย่าง ประดู่ สัก ยางนา เป็นพันธุ์ไม้ป่าเศรษฐกิจที่ขายดีที่สุดของ ร้าน เอบี พันธุ์ไม้ ของคุณพีรยุทธ

ยูคาฯ ยังคงเป็นพระเอกในธุรกิจนี้

ใครสนใจอยากทำธุรกิจกล้าไม้ป่าต้องฟัง

คุณพีรยุทธ เล่าว่า วงจรการทำธุรกิจกล้าไม้ป่าในรอบปีจะเริ่มต้นในช่วงฤดูหนาว คือเดือนพฤศจิกายน ก็จะเริ่มเตรียมดิน เตรียมหาเมล็ดพันธุ์ไม้ป่าเพื่อนำมาปลูก เมื่อปลูกเพาะพันธุ์ไปแล้วและต้นกล้าก็จะเริ่มโตดีและพร้อมขายได้ในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่ขายดีที่สุด ในส่วนเมล็ดพันธุ์ไม้ป่าส่วนใหญ่หาเก็บเอาตามป่า อย่างเช่น พวกเต็ง รัง ยางนา หากหาไม่ได้ก็จะสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตเพื่อเอามาเพาะพันธุ์ ส่วนยูคาลิปตัสจะขายดีช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไป”

คุณพีรยุทธ มองว่า “ธุรกิจเพาะขยายพันธุ์กล้าไม้ป่ายังไปได้ดี เพราะยังมีพื้นที่ว่างในประเทศไทยอีกเยอะ อีกอย่างธุรกิจนี้ก็ยังมีกำไรพอเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำตลาดมากมายนัก ลูกค้าส่วนใหญ่ก็บอกกันปากต่อปากเป็นลูกค้าในเขตนครสวรรค์และพื้นที่ใกล้เคียง” ส่วน คุณสุขาร บอกว่า “การจะทำธุรกิจเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่า คนขายจะต้องมีความรู้ในเรื่องการเพาะพันธุ์ไม้ จะต้องมีประสบการณ์ เพื่อจะสามารถแนะนำให้เกษตรกรที่จะซื้อพันธุ์ไม้ป่าไปปลูก คนที่สนใจทำธุรกิจนี้ ต้องมีใจรักค่ะ เพราะเป็นธุรกิจที่ค่อยๆ เดิน อีกอย่างการปลูกต้นไม้ก็เหมือนการเลี้ยงลูก ต้องเอาใจใส่ คนที่ไม่รักต้นไม้ ทำธุรกิจนี้ได้ยาก”

ในช่วงที่คนในแวดวงธุรกิจเกษตรต่างส่ายหัวและก้มหน้าก้มตาพยายามฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ ก็ยังมีธุรกิจเพาะพันธุ์ไม้ป่า ที่ยังเดินหน้าต่อได้ แม้จะเดินหน้าอย่างช้าๆ แต่ก็ไม่หยุดเดิน ส่วนใครที่จะเข้ามาในธุรกิจนี้ ก็ขอให้อ่านซ้ำคำแนะนำข้างบนให้ถี่ถ้วนกันก่อนนะครับ หรือใครอยากคุย สอบถามเพิ่มเติมกับ คุณพีรยุทธ โสภารัตน์ ติดต่อไปได้ที่เบอร์ 089-589-6326 ส่วนฉบับนี้หมดพื้นที่แล้ว ต้องขอลากันไปก่อน ขอให้โชคดี ไม่มีโรคกันทุกท่านทั่วหน้า สวัสดีครับ

แรงงานสำคัญของ เอบี พันธุ์ไม้

เอกสารอ้างอิง

https://greennews.agency/?p=18868

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (http://www.fpo.go.th/main/getattachment/General-information-public-service/(ShortNew)Land_Building-tax.pdf.aspx?lang=th-TH) 

หน้าร้าน เอบี พันธุ์ไม้