ที่มา | เทคโนโลยีการเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | อาจารย์ธนากร เที่ยงน้อย สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี |
เผยแพร่ |
สวัสดีครับ สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน พบกันเป็นประจำ ในคอลัมน์ “คิดใหญ่แบบรายย่อย The challenge of smallscale farmers” กับผมธนากร เที่ยงน้อย ฉบับนี้พาท่านไปพบปะพูดคุยกับเกษตรกรรายหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจเพาะกล้าไม้ป่า ในพื้นที่อำเภอแม่วงก์ นครสวรรค์ ห่างจากกรุงเทพฯ 323 กิโลเมตร

เอบี พันธุ์ไม้ แม่วงก์ นครสวรรค์
แนะนำให้ท่านรู้จักกับ คุณพีรยุทธ โสภารัตน์ และ คุณสุขาร โสภารัตน์ เจ้าของ เอบี พันธุ์ไม้ ร้านจำหน่ายกล้าไม้ป่าและพันธุ์ไม้ต่างๆ เอบี พันธุ์ไม้ ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 182 หมู่ที่ 7 ตำบลเขาชนกัน อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ คุณพีรยุทธ เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่ามองเห็นช่องว่างทางธุรกิจ เพราะคนที่ไปขอกล้าไม้ป่าจากหน่วยงานของภาครัฐต่างๆ มักจะต้องรอนาน จึงเห็นว่ากล้าไม้ป่าน่าจะเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป จึงหันมาจับธุรกิจนี้ “ทำเรื่องเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่ามากว่า 6 ปี เป็นธุรกิจที่ทำนอกเหนือจากงานประจำ ยิ่งในช่วงนี้ที่มีกฎหมายใหม่ห้ามทิ้งพื้นที่ให้ว่างเปล่า จึงมีความต้องการพันธุ์ไม้ป่าเพื่อไปปลูกในพื้นที่กันเยอะ ก็ถือว่าเรามาถูกทาง”
แรงส่งแรงหนุนธุรกิจกล้าไม้ป่า
กล้าไม้ป่า ที่ร้าน เอบี พันธุ์ไม้ ของคุณพีรยุทธมีหลากหลาย “เรามีทั้งไม้พะยูง ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้ยูคาฯ ไม้สาทร มะค่าโมง ไม้แดง ไปจนถึงไม้ผล อย่าง มะขามเปรี้ยวฝักยักษ์ น้อยหน่า เราก็มี” คุณพีรยุทธ บอกว่า ที่ เอบี พันธุ์ไม้ มีกล้าไม้หลากหลายชนิด เพราะเรามองว่าตอนนี้หลายเหตุหลายปัจจัยส่งผลให้คนไทยหันมาปลูกต้นไม้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้ป่า เพราะมีกฎหมายหลายฉบับที่ออกมาแล้ว เป็นการสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้คนไทยปลูกไม้ป่าและปลูกพืชต่างๆ มากขึ้น ผมลองไปค้นดูก็พอจะเห็นแรงจูงใจให้คนไทยปลูกไม้ป่า ไม้ผล มากขึ้นจากการปลดล็อกไม้ยืนต้นตัดได้ไม่ผิดกฎหมาย ประกาศราชกิจจานุเบกษา ยกเลิกไม้หวงห้าม ตาม มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 สำหรับ พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 ที่มีรายละเอียดตอนหนึ่งว่า
“ไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในที่ดินมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้าม”
จึงทำให้การปลูก การตัดไม้มีค่า ไม่ต้องทำเรื่องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่อีกต่อไป หรือกล่าวได้ว่า กฎหมายฉบับนี้ได้ยกเลิกการกำหนดไม้หวงห้ามในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินจะควบคุมเฉพาะไม้ในป่าเท่านั้น ที่ดินในสิทธิครอบครองสามารถตัดได้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนปลูกและตัดไม้ได้สะดวก (https://greennews.agency/?p=18868) ภาษีที่ดินก็เป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้คนไทยหันมาปลูกไม้ป่า ปลูกไม้ผลมากขึ้น คือ ที่ดินรกร้างว่างเปล่า บ้านไม่ใช้ประโยชน์ และอื่นๆ ที่ดินประเภทนี้มีการกำหนดอัตราเพดานภาษีไว้ที่ 1.2% โดยหากที่ดินมีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษีอยู่ที่ 0.3% ขณะที่ที่ดินมูลค่า 50-200 ล้านบาท อัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 0.4% ไล่เรียงไปถึงมูลค่าที่ดินมากกว่า 5,000 ล้านบาท อัตราภาษีอยู่ที่ 0.7% อย่างไรก็ตาม หากที่ดินรกร้างว่างเปล่า ยังคงปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ ทุกๆ 3 ปี อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 0.3% แต่อัตราภาษีรวมทั้งหมดต้องไม่เกิน 3% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (http://www.fpo.go.th/main/getattachment/General-information-public-service/(ShortNew)Land_Building-tax.pdf.aspx?lang=th-TH)
แค่ 2 ปัจจัย ที่ผมยกมา ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนให้คนไทยปลูกไม้ป่า ไม้ผลมากขึ้น จึงเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจเพาะชำกล้าไม้ อย่างที่ เอบี พันธุ์ไม้ ของคุณพีรยุทธได้รับผลดีอยู่ในตอนนี้

จะขายต้นอะไร ดูจากความต้องการของตลาด
การเลือกพันธุ์ไม้ของคุณพีรยุทธจะดูจากความต้องการของตลาด อย่างตอนนี้ ไม้พะยูง มาแรงมาก เพราะเป็นกระแสจากข่าวต่างๆ ส่วนสักและประดู่มีความต้องการมากอย่างสม่ำเสมอ ยูคาฯ ก็เป็นไม้โตเร็วที่มีความต้องการมากสม่ำเสมอ ทั้งกล้าไม้พะยูง กล้าสัก กล้าประดู่ และยูคาฯ จึงเป็นพันธุ์ไม้หลักๆ ที่คุณพีรยุทธมีไว้จำหน่าย
คุณพีรยุทธ เล่าว่า “ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านทั่วไป รวมไปถึงวัยรุ่นหรือคนรุ่นอายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เป็นวัยกำลังสร้างตัว ปัจจุบันคนรุ่นนี้สนใจหันมาปลูกไม้ป่ากันเยอะ อาจจะมาจากสื่อต่างๆ ที่นำเสนอเรื่องนี้ จึงทำให้วัยรุ่นวัยสร้างตัวสนใจหันมาปลูกไม้ป่ามากขึ้น ทั้งไม้โตเร็ว อย่าง ยูคาฯ และไม้ป่าอื่นๆ เพราะคนรุ่นใหม่หวังจะให้เป็นเงินออมสำหรับอนาคต ส่วนเกษตรกรกลุ่มที่มีอายุมากขึ้นไป มักจะเลือกปลูกไม้ยูคาฯ เป็นหลัก เพราะต้องการเงินสดเงินเร็ว ไม่สามารถปลูกไม้ป่าเพื่อรอนานๆ ได้”
ส่วนการเลือกปลูกไม้ป่าเศรษฐกิจในมุมมองของคุณพีรยุทธ มองว่า “ไม้ป่าที่มีอนาคตทางธุรกิจ ผมมองว่า สัก ประดู่ ยังเป็นไม้ป่าเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนพะยูงแม้ตอนนี้จะมีกระแสแรงมาก แต่หากปลูกเป็นไม้ป่าเศรษฐกิจแล้ว ต้องใช้เวลานาน คนปลูกอาจจะไม่ได้อยู่ใช้เงิน หากจะปลูกไม้ป่าเศรษฐกิจที่ใช้เวลาไม่นานนัก มะค่า และประดู่ ยังน่าสนใจ ส่วนไม้ป่าเศรษฐกิจ อย่าง สัก ก็ยังน่าลงทุน ส่วนการปลูกยูคาฯ จะสามารถตัดได้หลังจากปลูกไปแล้ว 3 ปี และสามารถไว้ตอเพื่อให้งอกออกมาและตัดต่อไปอีกได้ 7-8 ปี ไม้ยูคาฯ มีตลาดรับซื้อตลอด จึงทำให้สามารถขายกล้าพันธุ์ได้ตลอดเช่นกัน”
ป่าปลูกที่มีประโยชน์หลากหลายเป็นทางเลือกที่ดี
การปลูกไม้ป่าเศรษฐกิจนั้นต้องใช้เวลานานจึงจะมีรายได้เข้ามา ในช่วงระหว่างรอรายได้จึงเป็นช่วงสำคัญสำหรับเกษตรกร หากเป็นเกษตรกรรายใหญ่สายป่านยาว อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำคัญนัก แต่สำหรับเกษตรกรรายย่อย การรอรายได้หลายปีอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
เกี่ยวกับเรื่องนี้คุณพีรยุทธให้ข้อคิดเห็นว่า “ไม้ป่าจำพวก ไม้เต็งรัง ไม้ยางนา ก็เป็นไม้ป่าเศรษฐกิจที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่ง เพราะนอกจากสร้างป่าเศรษฐกิจแล้ว ในพื้นที่ป่าเหล่านี้ยังสามารถเพาะเห็ดต่างๆ ได้ เช่น เห็ดระโงก เห็ดเผาะ เป็นต้น จึงอาจจะเป็นแนวทางสร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริมระหว่างการรอรายได้จากไม้ป่าเศรษฐกิจ” ตัวของคุณพีรยุทธเองจึงพยายามส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกไม้ป่าประเภทเต็งรัง พวกยางนา เพราะจะสร้างอาชีพเสริมให้ชาวบ้านได้ ทำให้ทุกวันนี้ไม้ป่าอย่าง ประดู่ สัก ยางนา เป็นพันธุ์ไม้ป่าเศรษฐกิจที่ขายดีที่สุดของ ร้าน เอบี พันธุ์ไม้ ของคุณพีรยุทธ

ใครสนใจอยากทำธุรกิจกล้าไม้ป่าต้องฟัง
คุณพีรยุทธ เล่าว่า วงจรการทำธุรกิจกล้าไม้ป่าในรอบปีจะเริ่มต้นในช่วงฤดูหนาว คือเดือนพฤศจิกายน ก็จะเริ่มเตรียมดิน เตรียมหาเมล็ดพันธุ์ไม้ป่าเพื่อนำมาปลูก เมื่อปลูกเพาะพันธุ์ไปแล้วและต้นกล้าก็จะเริ่มโตดีและพร้อมขายได้ในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่ขายดีที่สุด ในส่วนเมล็ดพันธุ์ไม้ป่าส่วนใหญ่หาเก็บเอาตามป่า อย่างเช่น พวกเต็ง รัง ยางนา หากหาไม่ได้ก็จะสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตเพื่อเอามาเพาะพันธุ์ ส่วนยูคาลิปตัสจะขายดีช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไป”
คุณพีรยุทธ มองว่า “ธุรกิจเพาะขยายพันธุ์กล้าไม้ป่ายังไปได้ดี เพราะยังมีพื้นที่ว่างในประเทศไทยอีกเยอะ อีกอย่างธุรกิจนี้ก็ยังมีกำไรพอเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำตลาดมากมายนัก ลูกค้าส่วนใหญ่ก็บอกกันปากต่อปากเป็นลูกค้าในเขตนครสวรรค์และพื้นที่ใกล้เคียง”
ส่วน คุณสุขาร บอกว่า “การจะทำธุรกิจเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่า คนขายจะต้องมีความรู้ในเรื่องการเพาะพันธุ์ไม้ จะต้องมีประสบการณ์ เพื่อจะสามารถแนะนำให้เกษตรกรที่จะซื้อพันธุ์ไม้ป่าไปปลูก คนที่สนใจทำธุรกิจนี้ ต้องมีใจรักค่ะ เพราะเป็นธุรกิจที่ค่อยๆ เดิน อีกอย่างการปลูกต้นไม้ก็เหมือนการเลี้ยงลูก ต้องเอาใจใส่ คนที่ไม่รักต้นไม้ ทำธุรกิจนี้ได้ยาก”
ธุรกิจเพาะพันธุ์ไม้ป่า ยังเดินหน้าต่อได้ แม้จะเดินหน้าอย่างช้าๆ แต่ก็ไม่หยุดเดิน ส่วนใครที่จะเข้ามาในธุรกิจนี้ ก็ขอให้อ่านซ้ำคำแนะนำข้างบนให้ถี่ถ้วนกันก่อนนะครับ หรือใครอยากคุย สอบถามเพิ่มเติมกับ คุณพีรยุทธ โสภารัตน์ ติดต่อไปได้ที่เบอร์ 089-589-6326 ส่วนฉบับนี้หมดพื้นที่แล้ว ต้องขอลากันไปก่อน ขอให้โชคดี ไม่มีโรคกันทุกท่านทั่วหน้า สวัสดีครับ

เอกสารอ้างอิง
https://greennews.agency/?p=18868
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (http://www.fpo.go.th/main/getattachment/General-information-public-service/(ShortNew)Land_Building-tax.pdf.aspx?lang=th-TH)

…………..
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2564.