“มะเดื่อฝรั่ง” คุณค่าทางโภชนาการสูง รสชาติดี แปรรูปอบแห้ง ขายได้ราคาดี

มะเดื่อฝรั่ง (Fig) มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันตก ตะวันออกกลาง ประเทศในแถบลุ่มแม่น้ำเมดิเตอร์เรเนียนของยุโรปและแอฟริกาเหนือ พบมากในประเทศตุรกีและกรีซ เป็นพืชสกุลเดียวกับต้นโพธิ์ ต้นไทร มะเดื่อไทย อยู่ในวงศ์เดียวกับหม่อน (มัลเบอร์รี่) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลักษณะลำต้นและใบต่างจากมะเดื่อไทย มะเดื่อฝรั่งมีขอบใบหยักลึก 3-5 หยัก ใบเดี่ยวหนาค่อนข้างแข็ง ด้านหนึ่งมีขนอ่อน ส่วนผิวด้านบนหยาบ ผลใหญ่ และมีรสชาติดีกว่า 

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมูลนิธิโครงการหลวง ได้นำมะเดื่อฝรั่งเข้ามาปลูกและทำการศึกษาวิจัยมากว่า 25 ปี เพื่อจะให้มะเดื่อฝรั่งเป็นพืชที่สร้างรายได้ให้กับชาวไทยภูเขา ทดแทนการปลูกฝิ่น ปัจจุบัน มะเดื่อฝรั่ง กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ มีผู้สั่งกิ่งพันธุ์มะเดื่อฝรั่งเข้ามา พื้นที่เพาะปลูกเริ่มเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ละรายมีวิธีการเพาะปลูก การดูแลรักษาแตกต่างกันออกไป ที่เซฟตี้ ฟาร์ม (Safety Farm) จังหวัดลำปาง มีวิธีการเพาะปลูกมะเดื่อฝรั่ง การดูแลรักษาที่เป็นรูปแบบเฉพาะ โดยเน้นการปลูกที่ปลอดสารพิษปราศจากสารเคมีที่ใช้ป้องกันและกำจัดศัตรูพืช

เซฟตี้ ฟาร์ม (Safety Farm) ดำเนินการและบริหารงานโดย คุณปิยะ วงศ์จันทร์ เป็นชาวกรุงเทพฯ ไม่ได้มีพื้นฐานทางด้านการเกษตร สำเร็จการศึกษาทางด้านการตลาด ก่อนมาปลูกมะเดื่อฝรั่งผ่านงานมาหลายอย่าง เริ่มการทำงานกับสื่อสิ่งพิมพ์ ตั้งแต่ หนังสือ IS Song Hit ของ เล็ก วงศ์สว่าง, หนังสือนำเที่ยวอย่าง Vision on Thailand เป็นเอเยนซี่ในงานโฆษณา งานเฟอร์นิเจอร์ จนมาเป็นตัวแทนขายไม้อัดพาร์ติเคิลบอร์ด (Particleboard) ของ บริษัท วนชัย

ภรรยาของคุณปิยะเป็นชาวลำปาง เมื่อปี 2554 ได้ย้ายครอบครัวมาอยู่จังหวัดลำปาง เริ่มจากการปลูกเมล่อนอยู่ที่อำเภอห้างฉัตร จำนวน 8 โรงเรือน ขนาดของโรงเรือน 6 คูณ 15 เมตร ริเริ่มการใช้เชือกขึงให้เมล่อนไต่ขึ้น เมื่อผู้คนหันมาปลูกเมล่อนกันอย่างกว้างขวาง จึงคิดจะเปลี่ยนพืชชนิดใหม่มาปลูก โดยตั้งใจไว้ว่า ต้องเป็นพืชที่ไม่ต้องมีการปลูกทุกฤดูหรือทุกปีอย่างเช่นเมล่อน

มะเดื่อฝรั่ง ผลไม้เพื่อสุขภาพ

คุณปิยะติดใจรสชาติมะเดื่อฝรั่งของมูลนิธิโครงการหลวง และมองเห็นลู่ทางการตลาดของไม้ผลชนิดนี้ เนื่องจากยังปลูกกันไม่แพร่หลายมากนัก คุณปิยะได้ศึกษาหาความรู้มะเดื่อฝรั่งจากสื่อต่างๆ ตลอดจนการไปเยี่ยมชมแหล่งที่ปลูกมะเดื่อฝรั่ง พอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องมะเดื่อฝรั่งระดับหนึ่ง พบว่า มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีรสชาติดี ประโยชน์มาก มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้พลังงานสูง มีคอเลสเตอรอลไขมันน้อยมาก เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคตับ ช่วยบำรุงร่างกายและต่อต้านอนุมูลอิสระและประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย

ผลมะเดื่อฝรั่งยังใช้ทำขนม ทำแยม น้ำมะเดื่อ อบแห้ง ผลไม้กวน พุดดิ้ง เค้ก ไอศกรีม ใช้ผสมในชาไข่มุก ใส่ขนมแทนลูกเกด ผลแห้งนำไปคั่วมาป่นใช้แทนกาแฟได้ ใบของสายพันธุ์ที่มีกลิ่นหอมทำเป็นชาใบมะเดื่อได้เช่นกัน

มะเดื่อฝรั่ง เป็นพืชที่ปลูกง่าย เหมาะกับสภาพภูมิอากาศในบ้านเรา ให้ผลผลิตเร็ว ซึ่งตรงกับความตั้งใจไว้ก็คือมะเดื่อฝรั่งเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวมากกว่า 100 ปี สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานหลาย 10 ปี ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินและสภาพภูมิอากาศ จากข้อดีของมะเดื่อหลายๆ ด้าน คุณปิยะตัดสินใจเลือกมะเดื่อฝรั่งเป็นพืชที่จะปลูกต่อไป

คุณปิยะเริ่มต้นปลูกมะเดื่อฝรั่งในโรงเรือน 2 โรงเรือน ขนาด 15 คูณ 30 เมตร และขนาด 18 คูณ 30 เมตร ความสูง 4 เมตร หลังคาพลาสติกด้านข้างมุงด้วยมุ้งลวด เนื่องจากไม่ต้องการใช้สารเคมีกับมะเดื่อฝรั่ง คุณปิยะจึงปลูกมะเดื่อฝรั่งในโรงเรือนเพื่อป้องกันโรคและแมลงรบกวน โดยเฉพาะแมลงหวี่ ไม่ให้แมลงหวี่เล็ดลอดเข้ามาแม้เพียงตัวเดียวเพราะจะทำความเสียหายให้กับผลมะเดื่อฝรั่งทั้งโรงเรือนได้

คัดเลือกสายพันธุ์ดี

คุณปิยะได้สั่งกิ่งพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามาศึกษาข้อดีข้อเสียของแต่ละสายพันธุ์ จนได้สายพันธุ์ที่มีรสชาติหวานอร่อย ผลโต มีกลิ่นหอม ให้ผลดกและติดผลง่าย จำนวน 7 สายพันธุ์ เพื่อทำเป็นการค้าให้รหัสพันธุ์ไว้ เป็น SF001 ถึง SF007 (SF มาจาก Safety Farm) เป็นสายพันธุ์เพื่อรับประทานผลสด 2 สายพันธุ์ สายพันธุ์เพื่ออบแห้ง 2 สายพันธุ์ และสายพันธุ์เพื่อการแปรรูป 3 สายพันธุ์

การปลูก

คุณปิยะนำต้นแม่พันธุ์ปลูกลงดินภายในโรงเรือน ให้น้ำแบบมินิสปริงเกลอร์ด้วยระบบอัตโนมัติ วันละ 2 ครั้ง ครั้งละเพียง 2 นาที ใช้น้ำประมาณ 1,000 ลิตรต่อวัน ใช้น้ำประปาจากหมู่บ้าน เสียค่าน้ำวันละ 10 บาท ให้ปุ๋ยไปพร้อมกับการให้น้ำ สลับกับการใช้ EM ใส่ปุ๋ยมูลวัวเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ได้รสชาติและการปรับปรุงโครงสร้างของดิน มะเดื่อฝรั่งเริ่มให้ผลเมื่ออายุ 6 เดือน อายุได้ 8 เดือน ให้ผลเต็มที่ ผลผลิตออกมามากเป็นที่น่าพอใจ

ขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง

คุณปิยะขยายพันธุ์โดยใช้วิธีการตอนกิ่ง เน้นเลือกต้นที่มีความสมบูรณ์ กิ่งสวยหลังกรีดลอกเปลือกกิ่งออก ใช้พีทมอสส์ (Peatmoss) หุ้มแทนขุยมะพร้าว ประมาณ 15 วัน จึงเริ่มออกราก แกะถุงพลาสติกออก นำกระถางพลาสติก (7 นิ้ว) ตัดผ่าซีกล้อมตุ้มตอนมัดรอบนอกกระถางให้แน่น ใส่พีทมอสส์จนเต็ม ทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน จึงตัดออก พักในที่ร่มโดยไม่ต้องเปลี่ยนลงกระถางสักระยะก็พร้อมที่จะปลูกต่อไป ส่วนกิ่งตอนที่ไม่ได้ล้อมด้วยกระถาง เมื่อกำหนดตัดกิ่งต้องนำมาใส่กระถางด้วยพีทมอสส์เช่นกัน และนำไปเข้าโรงอบโดยไม่ต้องให้น้ำ ประมาณ 10-15 วัน จึงนำออกมาไว้ที่ร่ม 10 วัน ก็พร้อมที่จะปลูก

มะเดื่อฝรั่งแต่ละสายพันธุ์ ลักษณะใบมีขอบใบหยักลึกเหมือนกัน ยากต่อการจำแนก คุณปิยะ บอกว่า มีข้อสังเกตถึงความแตกต่างที่จำนวนหยัก ความลึกของการหยักจะต่างกัน ลำต้นก็ต่างกัน บางสายพันธุ์ต้นตั้งตรง บางสายพันธุ์ต้นทอดยาว จำนวนการแตกกิ่งก็ต่างกัน ส่วนสายพันธุ์ที่ไม่ได้คุณสมบัติตามต้องการจะตัดต้นออก นำตาของสายพันธุ์ดีมาติดแทน

เซฟตี้ ฟาร์ม ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านลำปางเมาท์เทนวิว หมู่ที่ 8 ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ไม่ไกลตัวเมืองลำปาง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร หมู่บ้านอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน (ลำปาง-งาว) เยื้องกับโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง เมื่อเข้าไปในหมู่บ้านประมาณ 150 เมตร เข้าขวามือซอยแรกเป็นที่ตั้งของโรงเรือนแม่พันธุ์

ผู้ที่สนใจพันธุ์มะเดื่อฝรั่งและไม้แปลก ต้องการมาเยี่ยมชมหรือมาศึกษาก่อนตัดสินใจปลูก ให้โทร.ติดต่อมาล่วงหน้า เบอร์โทร. 085-687-8778 หรือเข้าไปที่ Facebook : Safety Farm จะได้รับการต้อนรับด้วยความยินดีทุกท่าน

……………………………..

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรกเมื่อ วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ.2560