“บ้านสวนกรกานต์” ปลูก-ขาย น้อยหน่าเพชรปากช่อง ได้คุณภาพ ที่ตรัง

“เพชรปากช่อง” เป็นน้อยหน่าลูกผสมพันธุ์ใหม่ที่ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์โดยสถานีวิจัยปากช่อง มีลักษณะผลขนาดใหญ่ เนื้อมาก เมล็ดน้อย ให้ผลผลิตเร็ว และติดผลดกกระจายทั่วต้น ทั้งยังปลูกง่าย ทนแล้ง บังคับให้ออกดอกติดผลได้ตลอดปีโดยวิธีการตัดแต่งกิ่งร่วมกับการให้น้ำ ชาวสวนสามารถกำหนดช่วงการผลิตในรอบปีให้มีผลผลิตออกในช่วงที่ต้องการได้ค่อนข้างแน่นอน จึงเลี่ยงฤดูกาลผลิตของผลไม้ชนิดอื่น ช่วยให้ขายได้ราคาดี ถือเป็นจุดเด่นของไม้ผลชนิดนี้ที่เหมาะกับการปลูกเชิงพาณิชย์

สวนแก้วมังกร
คุณนาวี จันทร์กระจ่าง

แม้เพชรปากช่องจะเหมือนกับน้อยหน่าพันธุ์อื่นที่ชอบอากาศร้อนแห้ง ชอบแสงแดดจัดส่องได้ทั่วถึง ซึ่งเป็นข้อจำกัดทางภูมิอากาศบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคใต้ที่มีความชุ่มชื้น ยากต่อการบริหารจัดการจึงไม่เป็นที่นิยมของชาวสวน แต่ คุณนาวี จันทร์กระจ่าง เจ้าของ “บ้านสวนกรกานต์” ตั้งอยู่เลขที่ 102/1 หมู่ที่ 8 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง นำน้อยหน่าเพชรปากช่องไปปลูก กลับประสบความสำเร็จและเป็นรายแรก ได้น้อยหน่าเพชรปากช่องที่มีคุณภาพตรงตามคุณสมบัติ

เดิมคุณนาวีเป็นคนพื้นเพจังหวัดสมุทรปราการ ไปทำงานที่ระยอง กระทั่งมีครอบครัวจึงย้ายไปทำกินที่จังหวัดตรังบ้านเกิดภรรยา ได้กว่า 15 ปี มีสวนยางเป็นมรดกแม่ยาย จำนวน 15 ไร่ ส่วนตัวเองเริ่มต้นด้วยทำฟาร์มเลี้ยงนกกระทา เมื่อต้นยางมีอายุครบกำหนดโค่น จึงเปลี่ยนพื้นที่มาปลูกพืชไม้ผลผสมผสาน ได้แก่ ปาล์มน้ำมันจำนวน 10 ไร่ อีก 5 ไร่ทำสวนผลไม้ผสม แยกเป็นพื้นที่ 2 ไร่ปลูกแก้วมังกรจำนวน 150 หลัก ปลูกมะนาวแป้น 50 ต้น และฝรั่งกิมจูขายกิ่งจำนวน 50 ต้น แต่ที่โดดเด่นคงเป็นน้อยหน่าพันธุ์เพชรปากช่องปลูกไว้จำนวน 3 ไร่

ผลผลิตที่เก็บมาจากสวน
นำผลผลิตมาคัดแยกคุณภาพและขนาด

เหตุผลที่คุณนาวีเลือกปลูกน้อยหน่าพันธุ์นี้เพราะทนแล้ง บังคับให้ออกดอกติดผลได้ มีลูกใหญ่เป็นที่น่าสนใจ อีกทั้งทางภาคใต้ยังไม่มีสวนน้อยหน่าให้ชิมกันสดๆ เนื่องจากสภาพพื้นที่ตลอดจนภูมิอากาศไม่เอื้อต่อการปลูก

จากพื้นที่เดิมเป็นสวนยาง ดังนั้น ก่อนปลูกน้อยหน่าต้องปรับปรุงดินใหม่ โดยใช้โดโลไมท์เพื่อปรับสภาพดิน พร้อมกับใส่ปุ๋ยคอกจากมูลนกกระทาและแพะที่เลี้ยงไว้เอง ไถดินกลับไป-มาด้วยการใช้ผาล 3 และ 7 เมื่อเสร็จแล้วทิ้งหน้าดินไว้ 30 วัน จึงเริ่มลงมือปลูก ส่วนเรื่องน้ำตอนเริ่มแรกยังไม่มีระบบน้ำเพราะไฟเข้าไม่ถึงแล้วไม่ได้ขุดบ่อ แต่จะลงมือปลูกก่อนเข้าช่วงหน้าฝน

คุณนาวีสั่งซื้อกิ่งทาบมาจากอำเภอปากช่องโดยตรง จำนวน 300 กิ่ง ราคากิ่งละ 100 บาท ปลูกมาเป็นเวลา 5 ปี ขณะนี้มีจำนวน 300 กว่าต้น ขุดหลุมปลูกขนาด 50 คูณ 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยมูลนกกระทาและมูลแพะผสมกัน ในปริมาณ 1 กระป๋องปูน จากนั้นกลบหน้าดินแล้วใช้ไม้ดามต้นพันธุ์น้อยหน่าที่สูงประมาณ 1 เมตร

ลูกสาวคุณนาวี

ระยะปลูกระหว่างต้นและแถว 4 คูณ 4 เมตร คุณนาวี ชี้ว่า เป็นระยะที่ได้มาตรฐานแล้ว เพราะสะดวกต่อการบริหารจัดการสวน ทั้งเรื่องการตัดหญ้า รดน้ำ ให้ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่ง ที่สำคัญมีช่องว่างให้แสงแดดส่องผ่านได้อย่างดี เป็นการป้องกันไม่ให้ดินมีความชื้นอันทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ต้องคอยหมั่นตัดหญ้าและกำจัดวัชพืช พร้อมดูแลความสะอาดทั่วสวน หญ้าต้องตัดเดือนละครั้งเพราะมีทั้งฝนและแดด ทำให้หญ้าขึ้นเร็ว

หลังจากนั้น อีก 1 ปีจึงเริ่มใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 4 ช้อนชา รอบต้นทุก 3-4 เดือน แล้วใส่ปุ๋ยคอกสักครึ่งกระป๋องปูนหว่านโคนต้น ส่วนน้ำรดเป็นระบบน้ำหยด โดยการรดน้ำต้องดูสภาพอากาศเป็นหลัก ถ้าช่วงหน้าแล้งให้รดทุก 7-10 วัน ไม่ต้องมาก พอเปียก

ปกติน้อยหน่าจะเริ่มให้ผลผลิตปีที่ 2-3 แต่สวนคุณนาวีใช้เวลาเพียงปีเศษเนื่องจากได้ต้นพันธุ์ที่สูงใหญ่มาปลูก รวมทั้งต้นน้อยหน่ายังได้รับธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์จากปุ๋ยคอกที่ใส่ ผลผลิตจะได้ประมาณต้นละ 2-3 ผล แล้วจะมากขึ้น สมบูรณ์ขึ้น จนเมื่อเข้าปีที่ 2 น้อยหน่าจะเริ่มทิ้งใบในช่วงขาดน้ำประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน พอเข้าปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เริ่มมีฝนประปรายทำให้ต้นน้อยหน่าแตกใบอ่อนและเริ่มมีดอก

สวนน้อยหน่าในช่วงห่อผล
ผลอ่อน

เริ่มห่อเมื่อผลมีขนาดใหญ่กว่าลูกมะนาว หรือราวปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ที่ต้องรีบห่อเพราะมีแมลงศัตรูมากเกิดจากความชื้นสูง ใช้ถุงห่อผลไม้ทั่วไป ในช่วงผลอ่อนต่อต้นประมาณ 50 ผล แต่อาจไม่สมบูรณ์ทุกผล ผลไหนมีตำหนิต้องเด็ดออกหรือหากเป็นแฝดต้องเก็บไว้เพียงผลเดียว

จากช่วงเริ่มมีดอกไปจนถึงเก็บผลิตใช้เวลาประมาณ 5 เดือน เก็บผลผลิตประมาณเดือนสิงหาคม ปกติมักเก็บได้สัก 3 รุ่น ผลผลิตรวมทั้งสวนประมาณเกือบตัน วิธีดูว่าน้อยหน่าสุกพร้อมเก็บให้สังเกตก้นผลจะมีลักษณะมนเรียบ แล้วตาผลจะชิดกันไม่ห่าง ร่องน้อยลง ตัดจากสวนยังไม่สุก ต้องเผื่อไว้ 3 วันจึงกินได้ ส่วนมากคนซื้อเพื่อไปขายก็สุกกินได้พอดี น้ำหนักต่อผลประมาณ 1.2-1.3 กิโลกรัม คุณนาวี บอกว่า เพื่อนในกลุ่มเคยได้น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัมต่อผล

เพชรปากช่องมีขนาดใหญ่

สวนน้อยหน่าคุณนาวีแทบจะไม่ได้ใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เลย ส่วนมากใส่ปุ๋ยคอก มีลักษณะกึ่งอินทรีย์จึงมักพบโรคอย่างแอนแทรกโนส ราสนิม โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนอากาศมักพบเชื้อราโจมตีได้ง่าย ไม่ได้ฉีดยาป้องกัน แต่จะช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิดมากกว่า

สำหรับคุณนาวีโดยสวนบ้านกรกานต์ถือเป็นรายแรกที่ปลูกน้อยหน่าของจังหวัดตรัง เป็นเพชรปากช่องที่มีคุณภาพไม่แพ้แหล่งกำเนิด มีรสชาติหวานละมุนพอดี มีขนาดผลใหญ่ เนื้อหวาน หอม เนื้อเยอะ เปลือกไม่หนา จึงทำให้ขายดี เพราะสด มีลูกค้าจากภูเก็ตและอีกหลายแห่งทางภาคใต้มาสั่งจองเป็นประจำเพราะติดใจรสชาติ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีวางขายเพราะแค่เปิดจองก็หมดแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่และทางออนไลน์ (ขายทางออนไลน์จะโพสต์ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนเก็บผลผลิต) สำหรับราคาขายถ้าขนาดใหญ่สุด 80-100 บาทต่อกิโลกรัม ขนาดรองลงมา 70 และ 60 บาท

สำหรับท่านที่สนใจต้องการชิมน้อยหน่าเพชรปากช่องจากสวนบ้านกรกานต์ ให้ติดต่อผ่านทาง FB : สวนบ้านกรกานต์

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2564