สาวเชียงใหม่ ปลูก “โรสแมรี่” สมุนไพรฝรั่ง ลูกค้านิยมซื้อตกแต่งมื้ออาหารสุดหรู ฟันรายได้เกือบแสนต่อเดือน

โรสแมรี่ (Rosemary) เป็นพืชสมุนไพรพื้นเมืองของแถบเมดิเตอร์เรเนียน จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา ใบ มีรูปร่างคล้ายเข็ม ยาว 2-4 เซนติเมตร กว้าง 2-5 มิลลิเมตร มีกลิ่นหอม และเขียวอยู่ตลอดปี ด้านบนของใบมีสีเขียว ด้านท้องใบเป็นสีขาว และมีขนปกคลุม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีม่วง หรือสีฟ้า ใช้ปรุงอาหารทำให้มีกลิ่นหอม ปัจจุบัน เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการอาหารบ้านเรามากขึ้น ไม่เพียงแค่เฉพาะโรงแรมที่ใช้นำมาประดับตกแต่งมื้ออาหารสุดหรู แต่ยังแพร่หลายไปถึงระดับครัวเรือนที่ชื่นชอบทำอาหารสไตล์ฝรั่ง ก็สามารถเข้าถึงสมุนไพรโรสแมรี่นี้ได้ง่ายมากขึ้น และนอกจากการนำมาประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามแล้ว “โรสแมรี่” ยังมีส่วนช่วยทำให้รสชาติอาหารอร่อย มีความกลมกล่อมมากขึ้น สามารถช่วยลดกลิ่นคาวของอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้ดี รวมไปถึงสรรพคุณด้านกลิ่น ช่วยรักษาไข้หวัด แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ ได้อีกด้วย

คุณดวงเดือน พิทักษ์ไพร หรือ พี่เดือน เจ้าของสวน Grace Garden อยู่ที่ 180 หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านแม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ อดีตครูอาสา กลับมาช่วยพัฒนาธุรกิจร้านขายต้นไม้-สมุนไพรฝรั่งของที่บ้าน คว้าโอกาสช่วงที่ทุกคนต้องหยุดอยู่บ้าน และมีการทำอาหารไว้รับประทานเองมากขึ้น จึงได้ริเริ่มดึงจุดขายวัตถุดิบพืชผักสมุนไพรต่างๆ ที่ภายในสวนมี หยิบจับมาสร้างคุณค่าให้รู้ว่าพืชผักสมุนไพรแต่ละชนิดมีดีอะไร จนสามารถทำรายได้เข้าสวนเป็นเงินเกือบหนึ่งแสนบาทต่อเดือน

คุณดวงเดือน พิทักษ์ไพร หรือ พี่เดือน เจ้าของสวน Grace Garden

พี่เดือน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของกระแสของสมุนไพรโรสแมรี่ ว่า โดยพื้นฐานครอบครัวของตนเป็นครอบครัวเกษตรกรมาก่อนอยู่แล้ว พ่อกับแม่เปิดร้านขายต้นไม้มาก่อน ส่วนตนก็ได้ใช้เวลาไปกับหน้าที่ที่รักคือ การไปเป็นครูอาสาสอนนักเรียนอยู่ที่พม่า จนวันหนึ่งได้เกิดสถานการณ์โควิด-19 ขึ้น ทำให้ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน และทำให้ได้มองเห็นถึงช่องทางสร้างรายได้จากธุรกิจร้านต้นไม้ที่พ่อกับแม่ทำไว้ ด้วยการที่เข้ามาพัฒนาการตลาด อาศัยความเป็นคนรุ่นใหม่เข้าใจกระแสของสังคมที่กำลังเป็นไปในปัจจุบัน จึงได้นำเอาพืชสมุนไพรฝรั่งที่สวนมีมาสร้างจุดขายให้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ใครหลายคนต้องหยุดอยู่ที่บ้าน มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น และการเริ่มหางานอดิเรกทำก็ตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ หรือการทำอาหาร โดยเฉพาะคนที่ชอบอาหารสไตล์ฝรั่ง ประเภทเนื้อ สเต๊ก แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปนั่งทานในร้านได้ ก็จำเป็นที่จะต้องทำอาหารเอง ซึ่งการทำอาหารฝรั่ง วัตถุดิบสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องเทศสมุนไพรฝรั่ง โดยเฉพาะการทำสเต๊ก ที่จะนิยมนำโรสแมรี่มาเป็นส่วนผสมในการทำ และรวมไปถึงสมุนไพรชนิดอื่นๆ จึงคิดอยากที่จะปลูกสมุนไพรเหล่านี้ให้มากขึ้น เพื่อให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ ตรงนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจากที่การตลาดของสมุนไพรฝรั่งเป็นไปอย่างช้าๆ อยู่แค่ในวงการไม้ประดับ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ประดับก็ได้ หรือจะปลูกไว้นำมาประกอบอาหารก็ถือว่าเหมาะมากๆ

โรสแมรี่ กระถาง 10 นิ้ว

“โรสแมรี่” สมุนไพรฝรั่ง
ปลูกขาย สร้างรายได้สวนกระแส

เจ้าของบอกว่า ตอนนี้ที่สวนของตนมีพื้นที่ปลูกสมุนไพรฝรั่งอยู่ประมาณ 5-7 ไร่ และไม่ได้ปลูกแค่เฉพาะโรสแมรี่ แต่ยังมีสมุนไพรชนิดอื่นๆ อีกมากมาย เช่น คูลลิ่ง (Curry plant) ลาเวนเดอร์ แบนเดอร่า (lavendula bandera purple) ใบไทม์ ออริกาโน (oregano) พาสเลย์ (paisley) ทาร์รากอน (Tarragon) และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสมุนไพรทุกตัวกินได้ มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรปรุงอาหาร ชงชา รสชาติยอดเยี่ยม ราคาไม่แพง โดยสายพันธุ์ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์นำเข้ามาจากต่างประเทศ และได้มีการศึกษาข้อมูลการปลูกและการดูแลจากทั้งในอินเตอร์เน็ต เรียนรู้ประสบการณ์บอกเล่าจากพ่อกับแม่ และสำคัญที่สุดคือการลงมือทำเอง เพื่อเก็บรายละเอียดของพืชแต่ละชนิดว่าเหมาะกับสภาพอากาศแบบไหน ควรต้องระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจเพื่อคุณภาพที่ดี ส่วนเทคนิคการปลูกครั้งนี้จะมาแนะนำวิธีการปลูกสมุนไพรโรสแมรี่ เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และขายดีที่สุดในตอนนี้

ยกร่องปลูกลงดิน
  1. การเตรียมดิน สำหรับความเหมาะสมของดิน และสภาพอากาศในประเทศไทย นับว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับการปลูกโรสแมรี่ แต่หัวใจสำคัญคือน้ำเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วโรสแมรี่ เป็นไม้แดด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่หลายคนเลี้ยงตายนั้นไม่ใช่เพราะโดนแดดมากเกินไป แต่เป็นเพราะการรดน้ำที่ผิดวิธี
  2. การปลูก สามารถปลูกได้ 2 วิธี 1. คือวิธีการปลูกแบบลงดิน ใช้วิธีการปักชำกิ่ง เพราะเป็นวิธีที่รวดเร็ว ไม่กลายพันธุ์ โดยให้ปลูกแบบยกร่อง เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร เหมาะสำหรับต้นที่มีอายุ 4 เดือนขึ้นไป
  3. ปลูกในกระถาง โดยมีอัตราส่วนการผสมดินปลูกดังนี้ 1. ดินทั่วไป 2. ขุยมะพร้าว 3. กาบมะพร้าว 4. แกลบดิบ และ 5. ปุ๋ยขี้ไก่ นี่คือการผสมดินสำหรับเพาะขายมีน้ำหนักเบา ช่วยลดภาระในการจัดส่งให้กับลูกค้า แต่ถ้าสำหรับท่านใดที่ปลูกไว้ที่บ้านให้เน้นใช้ดินเป็นส่วนผสมหลัก แล้วนำขุยมะพร้าว หรือกาบมะพร้าวเอาไว้รองก้นจะดีกว่า

    “โรสแมรี่” ปลูกในโรงเรือน

ซึ่งการปลูก 2 วิธีนี้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนด้วย หากอาศัยอยู่ตามคอนโดฯ มีพื้นที่จำกัด แนะนำให้ปลูกใส่กระถาง และเน้นใช้กระถางที่มีขนาดใหญ่

  1. การให้น้ำ คือสิ่งสำคัญที่สุดของการปลูก “โรสแมรี่” เป็นพืชสมุนไพรที่ไม่ต้องการน้ำเยอะ แต่ต้องการน้ำในปริมาณที่พอดี หากรดน้ำมากเกินไปโคนต้นจะเน่าและไม่ติดราก ซึ่งแต่ถ้าให้น้ำน้อยไปก็ทำให้ไม่ติดรากอีกเช่นกัน

เพราะฉะนั้นวิธีการรดน้ำที่เหมาะสมคือ การรดน้ำในแต่ละครั้งจะรดให้ชุ่มจนน้ำไหลออกมานอกกระถาง แต่จะเว้นระยะในการรด ไม่จำเป็นต้องรดทุกวัน โดยให้สังเกตตามสภาพอากาศ หากวันไหนที่อากาศร้อนก็ให้น้ำไว้สัก 30 นาที และหลังจากนั้นเมื่อต้นพ้นอายุ 1 เดือน ติดรากแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วง

  1. การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 เสริมบ้างเล็กน้อย เพราะโรสแมรี่ไม่ได้ต้องการอาหารมาก

ระยะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว ใช้ระยะเวลาในการติดราก ประมาณ 1 เดือน และต้องใช้เวลาเลี้ยงต่อไปอีก ประมาณ 4 เดือน รวมระยะเวลาการปลูกถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลาประมาณ 5 เดือน สามารถขายได้ และยังสามารถนำมาขยายพันธุ์ต่อได้อีก หรือเท่ากับการปลูกครั้งเดียวสามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งความยากอยู่ที่ระยะติดราก ผู้ปลูกต้องหมั่นดูแลเก็บรายละเอียด ตรวจแปลง เนื่องจากข้อจำกัดของแต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไป และถือเป็นขั้นตอนปราบเซียนเลยก็ว่าได้

อุปสรรค คือฤดูฝนของไทย ฝนชุก ทำให้ต้นรากเน่าติดเชื้อราได้ง่าย เพราะฉะนั้นควรต้องมีโรงเรือนสำหรับปลูกในฤดูฝน

ยอดเขียว ยาวกำลังดี

วิธีการดูแล สำหรับมือใหม่

แนะนำสำหรับมือใหม่ที่ซื้อต้นที่มีอายุ 4 เดือนขึ้นไป ที่ซื้อมาจากร้านขายต้นไม้ทั่วไป ปกติทางร้านจะเพาะใส่ถุง ขนาดประมาณ 4×8 นิ้วมาให้ เพื่อสะดวกในการขนส่ง ประหยัดต้นทุน แต่เมื่อซื้อมาแล้วแนะนำให้นำให้เปลี่ยนปลูกลงกระถางขนาด 8×10 นิ้ว เน้นใส่ดินให้เยอะ และไม่แนะนำให้ใช้ดินผสมใบไม้ เพราะจะทำให้เกิดความชื้น ไม่ดีต่อต้น

ราคาขาย เริ่มต้นที่ 60 บาท ไปจนถึงราคาต้นละ 2,500 บาท ตามขนาดและอายุของ การสร้างรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 80,000-90,000 บาท หากเทียบกับต้นทุนแล้วถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะแทบจะไม่ต้องใช้เคมี การจัดการน้อย และยังเป็นพืชที่กำลังมาแรง และกระแสจะยังอยู่ได้อีกนาน และสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้อีกหลากหลาย

ตลาดรับซื้อ 1. ขายส่งให้กับร้านขายต้นไม้ทั่วไป 2. ตลาดออนไลน์ บนเพจเฟซบุ๊ก นับเป็นช่องทางที่กำลังมาแรงในขณะนี้ และ 3. ขายให้กับร้านอาหารและโรงแรมที่ต้องการใช้เป็นวัตถุดิบทำอาหาร และเพื่อนำไปประดับในจานเพิ่มความน่ารับประทาน ซึ่งถือเป็นพืชสวนกระแสมาแรงในขณะนี้

สเต๊ก โทมาฮอก

ฝากถึงเกษตรกร

“ฝากถึงเกษตรกรทุกคนว่าอย่าเพิ่งท้อกับในสภาวะที่ทุกอย่างดูเลวร้าย แต่ให้ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องตกใจเพราะจากสถานการณ์ที่เกิดจะทำให้ธุรกิจทุกอย่างไปได้อย่างช้าๆ ถ้าเราลงทุนทำอะไรก็ใจเย็นๆ รอก่อน แล้วก็ค่อยๆ ดูช่องทางต่อยอด ทุกอย่างจะไม่รวดเร็วอย่างที่ผ่านมา แต่ก็สามารถทำให้มีกำไรได้” คุณดวงเดือน กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 062-826-9033 หรือติดต่อผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก : GRACE Garden สวนสมุนไพรฝรั่ง