อะโวกาโด พืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง เชียงใหม่ สร้างรายได้งาม ปลูกได้ตลอดทั้งปี

นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ (สศท.1) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “อะโวกาโด” เป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ ได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภค เนื่องจากเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเบาหวาน รวมถึงตลาดยังมีความต้องการต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และการสกัดน้ำมันอะโวกาโดเพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมความงาม

นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่

พบการปลูกอะโวกาโดมากที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย คิดเป็นร้อยละ 97 ของพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ แหล่งปลูกสำคัญอยู่บนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และตาก ซึ่งเกษตรกรบนพื้นที่สูงในเขตภาคเหนือหันมาปลูกอะโวกาโดเป็นพืชทางเลือกมากขึ้น เนื่องจากสามารถช่วยแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นจำนวนมาก เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง และถั่วลิสง เป็นต้น ซึ่งเป็นการทำลายที่ดินและบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ รวมถึงอะโวกาโดยังเป็นไม้ยืนต้นที่มีใบเขียวตลอดทั้งปีสามารถเป็นป่าทดแทนได้

ปัจจุบัน จังหวัดเชียงใหม่เป็นแหล่งผลิตอะโวกาโดอันดับ 1 ของภาคเหนือ ซึ่งจากการขึ้นทะเบียน เกษตรกรผู้ปลูกอะโวกาโดกรมส่งเสริมการเกษตร (ข้อมูลวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564) มีพื้นที่ปลูก รวม 11,309 ไร่ เกษตรกรผู้ปลูก 1,761 ราย แหล่งปลูกสำคัญครอบคลุมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ เชียงดาว ฝาง หางดง แม่แตง และแม่วาง ซึ่ง สศท.1 ได้ลงพื้นที่เพื่อศึกษาการผลิต และการตลาดอะโวกาโดของจังหวัดเชียงใหม่ โดยศึกษาอะโวกาโดพันธุ์คุณภาพดี 5 สายพันธุ์ ได้แก่ ปีเตอร์สัน บัคคาเนียร์ บูท 7 พิงค์เคอร์ตัน และ แฮสส์ ซึ่งเป็นพันธุ์การค้าที่ตลาดมีความต้องการสูง เนื้อผลดี มีเปอร์เซ็นต์ไขมันสูง

โดยจากการสัมภาษณ์เกษตรกรกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 109 ราย พบว่า เกษตรกรนิยมนำกล้าพันธุ์ที่เสียบยอดพันธุ์คุณภาพดีมาปลูกลงในแปลง เพราะสามารถป้องกันการติดโรค และได้ต้นกล้าที่มีความสมบูรณ์ ซึ่งเกษตรกรจะซื้อต้นพันธุ์จากสวนที่จำหน่ายกล้าพันธุ์ในราคา 150 บาท/ต้น

ด้านต้นทุนการผลิตอะโวกาโด5 สายพันธุ์ พบว่า ในปีแรกของการลงทุนเกษตรกรจะมีต้นทุนเฉลี่ย 11,877 บาท/ไร่/ปี ประกอบด้วยค่าต้นพันธุ์ และค่าบำรุงรักษาต้น ปีที่ 2-3 ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 5,443 บาท/ไร่/ปี ต้นทุนลดลงเนื่องจากเกษตรกรไม่ต้องจ่ายค่าต้นพันธุ์ จะมีเพียงค่าดูแลรักษาเท่านั้น และเมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มให้ผลผลิต จะมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 14,989 บาท/ไร่/ปี ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเกษตรกรมีการบำรุงรักษาต้นอย่างพิถีพิถัน ค่าแรงงานในการเก็บผลผลิต และค่าวัสดุอุปกรณ์การเกษตร

สำหรับการปลูกอะโวกาโด สามารถปลูกได้ทุกฤดูแต่จะนิยมปลูกในช่วงฤดูฝน ถ้ามีฝนตกชุกมาก ต้องระวังไม่ให้น้ำขัง ถ้าปลูกในช่วงฤดูร้อนควรเตรียมวัสดุป้องกันแสงแดด เพื่อบังส่วนของเปลือกลำต้น หรือกิ่งก้าน เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเดือนกรกฎาคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี ให้ผลผลิตรวม 5,800 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 835 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 37 บาท/กิโลกรัม เกษตรกรได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 30,913 บาท/ไร่/ปี คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 15,924 บาท/ไร่/ปี

ด้านสถานการณ์ตลาดอะโวกาโด 5 สายพันธุ์ พบว่า ผลผลิตส่วนใหญ่ร้อยละ 46 เกษตรกรจำหน่ายให้กับมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อกระจายสินค้าไปจำหน่ายให้กับร้านค้าโครงการหลวง ห้างสรรพสินค้า และผู้รวบรวมเอกชนของโครงการหลวง รองลงมาผลผลิตร้อยละ 28 ส่งจำหน่ายให้กับผู้รวบรวมในพื้นที่เพื่อกระจายสินค้าไปจำหน่ายยังตลาดขายส่งจังหวัดเชียงใหม่ พ่อค้าขายปลีกในจังหวัด และตลาดขายส่งจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน และเพชรบูรณ์ ผลผลิตร้อยละ 20 ส่งจำหน่ายให้กับสถาบันเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน ซึ่งจะกระจายสินค้าไปจำหน่ายยังตลาดไท และโรงงานแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ อะโวกาโดแช่แข็ง ไอศกรีม แชมพู เป็นต้น ส่วนผลผลิตที่เหลือส่งจำหน่ายพ่อค้าขายปลีกในพื้นที่ และผ่านทางออนไลน์

อะโวกาโด นับเป็นพืชทางเลือกที่น่าสนใจ สามารถสร้างรายได้สูงให้กับเกษตรกรบนพื้นที่สูง เนื่องจากมีพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม มีความหลากหลายของสายพันธุ์ ทำให้มีผลผลิตออกกระจายตลอดทั้งปี ทั้งนี้ เกษตรกรควรวางแผนการผลิตและตลาด โดยปลูกหลายสายพันธุ์ เป็นพันธุ์ทางการค้า ตลาดมีความต้องการ ซึ่งจะทำให้มีผลผลิตออกจำหน่าย ได้ตลอดฤดูกาล รวมถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า

ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ จึงขอเชิญชวนประชาชนหันมาบริโภคอะโวกาโด ที่มีทั้งรสชาติอร่อย พร้อมด้วยคุณค่าทางอาหารสูง เพื่อสนับสนุนรายได้แก่กลุ่มเกษตรกรได้มีกำลังใจในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพต่อไป

ท่านใดที่สนใจข้อมูลการผลิตและการตลาดอะโวกาโดจังหวัดเชียงใหม่ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.1 โทร. 053-121-318 อี-เมล [email protected]