“กัญชงเชิงพาณิชย์” เริ่มต้นที่ 1 ไร่ มีเงิน 20,000 บาท ก็ปลูกได้

ต่อจากฉบับที่แล้ว ที่ได้มาแชร์ถึงประสบการณ์การขออนุญาตปลูกกัญชงของไร่สาสุขกันไปแล้ว แบบพอหอมปากหอมคอ ในฉบับนี้ก็จะมาต่อกันในเรื่องของเทคนิคการปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ ปลูกอย่างไร ขายอย่างไร ลงทุนเท่าไหร่ หาตลาดอย่างไร มาฝากท่านผู้อ่านกันอีกครั้ง

สำหรับขั้นตอนเทคนิคการปลูกกัญชง ทนพ. ปิยะวิทย์ สาสุข หรือ พี่เนป อยู่ที่ 121 หมู่ที่ 3 บ้านลำภูพาน ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เกษตรกรเจ้าของไร่สาสุข อธิบายขั้นตอนเริ่มต้นว่า ต้องเริ่มจากการเลือกสายพันธุ์ที่ดี โดยที่ไร่เลือกปลูกสายพันธุ์รับรอง RPF3 จากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง จังหวัดเชียงใหม่ จุดประสงค์เพื่อต้องการเมล็ดไปแปรรูปใช้ทำอาหารโดยเฉพาะ ซึ่งสายพันธุ์ RPF3 ตอบโจทย์ความต้องการตรงที่จะมี THC ไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ ตรงกับกฎข้อบังคับสำหรับสกัดแปรรูปนำไปทำอาหาร

ทนพ. ปิยะวิทย์ สาสุข หรือ พี่เนป

ทีนี้มารู้จักประเภทของกัญชงเบื้องต้นจะมีหลักๆ อยู่ 2 ประเภท คือ 1. โฟโต้ พีเรียด (Photo–period) โฟโต้ ที่แปลว่า แสง แสดงว่าพวกนี้อ่อนไหวง่ายกับแสง จะออกดอกตามชั่วโมงแสง ถ้าแสงชั่วโมงเยอะก็จะเป็นใบอย่างเดียว ถ้าลดชั่วโมงแสงลงได้ ก็จะออกดอก สามารถชำกิ่งได้ อายุการเก็บเกี่ยวของสายพันธุ์นี้ ตั้งแต่ 5-9 เดือน ขึ้นอยู่กับชั่วโมงแสง  2. ออโต้ ฟลาวเวอร์ (Auto flowering) ก็คือ รูเดอราลิส ไปผสมกับ ซาติวา หรืออินดิกา จะได้สายพันธุ์ต้นที่เตี้ยลง ข้อดีของสายพันธุ์นี้ก็คือ ไม่จำเป็นต้องขึ้นกับชั่วโมงแสง จะให้แสง 20-24 ชั่วโมง ก็ได้ ดอกก็ยังคงออกเหมือนเดิม อายุการเก็บเกี่ยวประมาณเพียงแค่ 2 เดือนครึ่ง สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่สายพันธุ์นี้ต้องได้จากเมล็ดเท่านั้น

ระยะทำเมล็ด

การเตรียมดิน ที่ไร่จะปลูกแบบกลางแจ้ง (Out door) ปลูกโดยการเพาะเมล็ดเป็นหลัก โดยขั้นตอนการเพาะก็จะมีการบ่มแช่น้ำผสมไตรโคเดอร์มาไว้ 1 คืน หลังจากแช่น้ำเสร็จแล้ว ให้นำเมล็ดมาบ่มไว้ในทิชชูต่ออีก 1 คืน เมื่อรากเริ่มงอก จะนำเมล็ดที่มีรากลงไปเพาะในถาดไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยมีวัสดุเพาะคือแกลบเผาผสมกับปุ๋ยมูลไส้เดือน จากนั้นย้ายมาขยายลงถุงดำ เลี้ยงไปอีก 1 เดือน หรือได้คู่ใบสัก 4-5 คู่ ก็ให้นำลงดินปลูกได้เลย

ระยะห่างระหว่างร่อง 1×1 เมตร

การปลูก ยกร่องปลูก ในระยะห่างระหว่างต้น 1×1 เมตร แต่เนื่องด้วยที่สวนปลูกโดยการเพาะเมล็ด จะไม่สามารถควบคุม หรือแยกเพศได้ จึงจำเป็นต้องปลูกในระยะที่ห่าง แต่พอหลังจากที่ต้นตัวผู้แสดงเพศแล้วจึงค่อยเด็ดออก ให้เหลือตัวผู้ไว้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อตัวเมีย เพราะว่าถ้าปลูกในระยะที่แน่นไปจะได้ผลผลิตน้อยลง

ช่วงดอกติดเมล็ด

ระบบน้ำ เป็นระบบน้ำหยด โดยการให้น้ำสังเกตจากดินเป็นหลัก ซึ่งโดยทั่วไปที่ไร่จะรดน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งในช่วงเช้า ดินแต่ละดินมีความอุ้มน้ำต่างกัน พื้นที่ไร่เป็นดินทรายก็จะให้น้ำบ่อยกว่าสภาพพื้นดินอย่างอื่นหน่อย

ปุ๋ย แบ่งใส่เป็น 2 ช่วงหลักๆ คือในช่วงทำใบ จะเน้นใส่ปุ๋ยไนโตรเจน (N) เป็นหลัก คือ ขี้วัว และปุ๋ยมูลไส้เดือน ส่วนในช่วงติดดอก จะเริ่มให้ฟอสฟอรัส (P) และ โพแทสเซียม (K) คือปุ๋ยขี้ไก่ มูลค้างคาว ฮอร์โมนไข่ รวมถึงน้ำหมักปลาทะเลด้วย

ระยะเลี้ยงใบ​ 4-12​ สัปดาห์ ​(กัญ​ชง)​ ระยะนี้มีศัตรูที่ต้องระวังอะไรบ้าง?

เพาะต้นกล้าอายุ 1 สัปดาห์

ช่วงทำใบเริ่มต้นจะเจอ 1. เพลี้ยกระโดด จะกำจัดง่ายหน่อย เพียงใช้น้ำส้มควันไม้​ 2. แมลงหวี่ขาว จะเจอบริเวณใต้ใบ เมื่อเปิดที่ใต้ใบจะเจอแมลงหวี่จับอยู่ใต้ใบ ตอนฉีดยาก็ต้องฉีดใต้ใบ 3. ไรแดง เจอหนักในช่วงทำดอก วิธีดูคือถ้าบนใบมีจุดขาวๆ ให้พลิก​ใบดูข้างล่าง จะเจอตัวเล็กๆ เหมือนแมงมุม​ ไรแดงจะกำจัดยากต้องเอาต้นที่มีไรแดงออกไปกำจัดที่อื่น กัญชงเป็นพืชที่ปลูกไม่ยาก แต่ดูแลยากสักหน่อย

โมเดลสร้างงาน สร้างเงิน

ระยะทำดอก (Flowering) กัญชงสายพันธุ์​ที่​ปลูก​เป็น​สายพันธุ์ โฟโต้ พีเรียด (Photo–period) เมื่อมีแสงน้อยกว่า​ 12​ ชั่วโมง​ ต่อ​วัน ​(ฤดูหนาว) ​ต้นจะเริ่มทำดอก​ไม่ว่าต้นกัญ​ชง​จะต้นเล็กต้นใหญ่​ก็จะออกดอก​ เราจึงควรคำนวณเวลาปลูก​ของกัญชงให้โตก่อนเข้าฤดู​หนาว ​(3-4​ เดือนก่อนเข้าฤดู​หนาว)​

“ในช่วงระยะทำดอกกัญชง ต้องการคนดูแลเอาใจใส่ หากเจอตัวผู้เมื่อไรให้ตัดออกเมื่อนั้น​ ถ้าหาก​ปลูก​เพื่อเอาดอกอย่าไปเก็บดอกตัวผู้ไว้​ แต่ถ้าปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวเมล็ด​ แบบของที่ไร่ต้องเหลือดอกตัวผู้​ไว้บางส่วนเพื่อผสมกับดอกตัวเมียให้ติดเมล็ด​ โดยระยะนี้จะต้องให้ปุ๋ยที่เป็นโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส มากขึ้น (ขี้ไก่, ขี้ค้างคาว)​ แนะนำให้มีการพ่นฮอร์โมนไข่ ให้สาหร่ายแดง สาหร่ายสกัดทะเลลงไป แต่อย่าฉีดพ่นที่ดอก เพราะมันจะมีความชื้น ทำให้เกิดราเทา”

พี่เนป กับเกษตรกรเครือข่าย

เทคนิคให้ได้ผลผลิตดี
Topping & Fimming

หากต้องการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น พี่เนปเผยเคล็ดลับว่าอยู่ที่การเทรนด์นิ่ง Topping เป็นเทคนิคเพิ่มผลผลิตให้กับกัญชา​ และกัญ​ชง​ โดยจะเป็นการตัดยอดด้านบนออก เทคนิคนี้จะทำให้เราได้รับผลผลิตมากขึ้น​ ถือว่าเป็นการช่วยให้เกิดการแตกยอด และแบ่งสารอาหารไปเลี้ยงลำต้นได้มากขึ้นแทนการที่จะปล่อยให้ลำต้นโตขึ้นโดยมีการเจริญเติบโตอยู่ที่ยอดเดียว

“สำหรับการ Topping ห้าม Top ในต้นที่ยังเล็กเพราะจะทำให้ต้นกัญชานั้นเครียด และการเจริญเติบโตช้าลงอย่างมาก ทางที่ดีคือ รอจนกว่าต้นจะมีอย่างน้อย 5 Node (คู่ใบของยอด)​ หรือต้นอายุ​ 1​ เดือน โดยสามารถทำ Topping ได้ในช่วงทำใบ (Vegetative stage) หลังจากนั้นต้องให้เวลากัญชงหรือกัญ​ชา​ของเราฟื้นตัว 1-2 สัปดาห์​ ถึงจะสามารถ​ทำ​ Topping​ ครั้งต่อไปได้ และอย่าทำการ Topping ในช่วงทำดอก (Flowering stage) เพราะมันไม่เกิดประโยชน์​แล้ว”

ต้นกัญชงอายุ 1 เดือน และช่วงที่ทำ Topping

ส่วน Fimming คือการตัดตรงยอดเลยสองวิธี ทำเพื่อไม่ให้ต้นสูง แต่จะทำให้ต้นออกข้างๆ ยอดไปเสียบชำได้ โดยการ Fimming 1 ครั้ง จะได้ยอดใหม่ 4-8 ยอด แต่การ Fimming จะทำให้พืชเจ็บเยอะกว่า และใช้เวลาฟื้นตัวที่ยาวนานกว่าการ Topping ทำให้ระยะเวลาการปลูกอาจจะช้ากว่าปกติ ฉะนั้นส่วนใหญ่จึงนิยมการ Topping มากกว่า

ซึ่งถ้าปลูกกัญชง หรือกัญชา​สายพันธุ์​ไทย ​(sativa) ​ให้เติบโตตามธรรมชาติ จะมีลักษณะ​ต้นคล้าย “ต้นคริสต์มาส” ซึ่งจะมีแค่ 1-2 Colas ช่อดอกส่วนยอดถูกสร้างขึ้นในส่วนที่สูงที่สุดของต้น​​ หรือช่อดอกที่ใหญ่ที่สุดของต้น แต่กัญชงหรือกัญ​ชา​ ที่ได้ทำการ Topping มาจะทำให้ได้ผลผลิต Colas เยอะขึ้นมากตามที่เราต้องการได้ไม่ใช่แค่​ 1-2​ Colas​ ต่อต้น สำหรับระยะเวลาในการปลูกถึงเก็บเกี่ยวของที่ไร่ ณ ตอนนี้ปลูกมาแล้วกว่า 5 เดือน ซึ่งได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าอีกประมาณ 15 วันข้างหน้า จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในรอบแรก โดยตามข้อมูลของพันธุ์ผลผลิตจะได้ปริมาณอยู่ที่ 300-600 กิโลกรัม ต่อไร่ แต่ของที่ไร่ในปีแรกคาดการณ์ผลผลิตไว้จะได้ประมาณ 300 กิโลกรัม ต่อไร่

ระยะทำดอก

โดยที่สวนจะเก็บใบขายทั้งสดและแห้ง ในราคาใบสด กิโลกรัมละ 5,000 บาท ใบแห้ง กิโลกรัมละ 7,000 บาท แต่เป็นเพียงจุดประสงค์รองเท่านั้น ซึ่งจุดประสงค์หลักจริงๆ คือการปลูกเพื่อเอาเมล็ดโดยเฉพาะ ซึ่งราคาของเมล็ดจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 2,500 บาท และมีการคาดการณ์ไว้เล่นๆ ว่าถ้าหากวันข้างหน้าที่ไร่สามารถทำผลผลิตได้สูงสุดของสายพันธุ์ RPF คือ 600 กิโลกรัม ต่อไร่ ก็เท่ากับว่าจะสามารถทำรายได้ถึงหลักล้านบาทต่อไร่

 

ต้นทุนปลูกกัญชงไม่แพงอย่างที่คิด
มีเงิน 20,000 บาท ก็ปลูกได้

พี่เนป บอกว่า ที่ผ่านมามีหลายคนมาปรึกษาที่​ไร่สา​สุข​เกี่ยวกับ​เรื่องการปลูกกัญ​ชง และมักจะพูด​ว่า​ไม่มีเงินลงทุน​ การปลูก​กัญ​ชง​คงต้องใช้เงินลงทุนสูงมากๆ​ แน่เลย​ ซึ่ง​ความเป็นจริง​การปลูก​กัญ​ชง​ใช้เงินลงทุน​ไม่ต่างจากการปลูก​พืชทั่วไป ​สำหรับไร่ของตนนั้นใช้เงินลงทุนไม่เกิน​ 20,000​ บาท ต่อไร่​ แล้วถ้าปลูก​น้อยกว่า​ 1​ ไร่ ต้นทุนก็จะถูกลงไปอีก

ต้นกัญชงอายุ 1 เดือน และช่วงที่ทำ Topping

โดยต้นทุนของการปลูกกัญชง​ 1.​ การทำรั้วสามารถใช้เศษไม้ทำได้ที่ค่อนข้างแข็ง สามารถหาได้ทั่วแถวบ้าน โดยให้มีความสูงประมาณ​ 2​ เมตร​ และมีลวดหนาม​ 5​ เส้น​ ในส่วนของประตูไม่จำเป็นต้องเป็นเหล็ก​อย่างเดียว​ เพียงแค่ทำให้เปิดปิดป้องกันคนเข้าออกได้

  1. หลายท่านสงสัยและเข้าใจผิดคิดไปว่าการปลูกกัญชงจะต้องติดกล้องวงจรปิด ระบบความปลอดภัยที่อลังการแต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว ต้นทุนการปลูกทั้งหมดอยู่ที่ค่าปุ๋ย ค่าระบบน้ำหยด (พื้นที่น้อยกว่า​ 1​ ไร่​ ไม่ต้องทำก็ได้)​ และค่ารั้ว
  2. เรื่องการขออนุญาต ​ใช้เงินไม่เกิน​ 500​ บาท​
  3. เมล็ด​ที่ใช้ในการเพาะปลูก​ก็ประมาณ​ 600​ บาท ต่อ​กิโลกรัม​ ซึ่ง​ถ้าปลูก​เพื่อเอา​เมล็ด​​ 1​ กิโล​กรัม​ ถือว่ามากเกินพอ สรุปแล้วการปลูกกัญชงใช้เงินลงทุนไม่เกิน 20,000 บาท ต่อไร่

 

“กัญชง” อนาคตพืชเศรษฐกิจ
หาตลาดได้ที่ไหน อย่างไร

สำหรับตลาดกัญชงของที่ไร่ สืบเนื่องมาจากขั้นตอนการขออนุญาตว่าจำเป็นต้องมีการทำสัญญาการซื้อขายกันก่อน หรือถ้าพูดให้เข้าใจง่ายคือผู้ปลูกต้องมีแหล่งรับซื้อไว้รองรับก่อนปลูกแล้ว โดยในส่วนของที่ไร่ได้มีการทำสัญญาการซื้อขายไว้หลักๆ 3 ราย ส่วนการเริ่มต้นหาตลาดตนเริ่มต้นจากเล็กๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ลักษณะการทำงานจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของสุขภาพอยู่แล้ว ทำให้พอทราบถึงข้อมูลกัญชงมาพอสมควร ว่าสามารถนำไปทำประโยชน์อะไรได้บ้าง จึงได้มีการตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าในช่วงแรกคือนำไปทำเป็นครีม และน้ำดื่ม หลังจากนั้นก็ได้มีการทำสัญญาซื้อขายกันไว้ และอีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มลูกค้าใหญ่ มาจากการทำการตลาดในเชิงให้ความรู้และสร้างตัวตนในแพลตฟอร์มออนไลน์ สร้างความน่าเชื่อถือส่งผลให้กลุ่มลูกค้าใหญ่ๆ เดินเข้ามาหาเอง ก็เท่ากับว่าตอนนี้ที่ลูกค้าที่เข้ามามีทั้งไทยและต่างประเทศ

เดินสายระบบน้ำหยด

โมเดลส่งเสริมการปลูก
เริ่มต้นจากคนที่มีรายได้น้อย
กว่า 4,500 ต่อเดือน

“หากใครที่สนใจอยากปลูกกัญชงสร้างรายได้ ตอนนี้ผมได้เริ่มมีการทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง โดยเบื้องต้นได้มีการตั้งกฎกติกาไว้ว่า สำหรับใครที่อยากปลูกกัญชงกับผม จะต้องเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 4,500 บาทต่อเดือน และจะต้องสมัครใจทำตามบททดสอบที่ผมให้ไว้คือ จะให้เริ่มต้นจากการเลี้ยงไส้เดือน เพราะถ้าหากเลี้ยงไส้เดือนที่เป็นงานไม่ยากมาก แต่ยังทำไม่ได้ ก็จะยังไม่ให้ผ่านไปถึงขั้นปลูกกัญชง โดยตอนนี้มีสมาชิกที่ดูแลกว่า 70 คน ซึ่งในอนาคตผมได้มีการวางแผนการปลูกว่าจะต้องผลิตเมล็ดกัญชงจำหน่ายให้ได้เดือนละ 100 กิโลกรัม” พี่เนป กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับท่านใดที่สนใจข้อมูลการปลูกกัญชงเพิ่มเติม สามารถโทร.ติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร. 091-831-6248 หรือติดต่อได้ช่องทางเฟซบุ๊ก : ไร่ สาสุข Rai Sasuk