1 ไร่ 1 แสน เพิ่มรายได้ในสวนยางพารา ด้วยพริกไทยพุ่ม

การปลูกพริกไทยพุ่มแซมยางพารา

คุณสมนึก ฉิมปลอด บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 6 ตำบลช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง เกษตรกรผู้ปลูกพริกไทย เล่าว่า พริกไทยที่ปลูกอยู่ในปัจจุบัน เป็นพืชที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ที่บริเวณเทือกเขาบรรทัด เกษตรกรเมื่อเข้าป่าไปหาของป่าพบเจอเข้า ได้นำมาปลูกในพื้นที่ของตนและขยายพันธุ์แพร่หลายมากขึ้น และปลูกในลักษณะสวนหลังบ้านมาหลายชั่วอายุคนจนถึงปัจจุบัน

ลักษณะพริกไทย

ต่อมามีความสนใจการปลูกพริกไทยเพื่อเป็นอาชีพมากขึ้นจึงเริ่มมีการขยายพันธุ์และปลูกกันทั่วไปในอำเภอนาโยง โดยตนเองได้ปลูกพริกไทยซึ่งมีเนื้อที่ปลูกประมาณ 1 ไร่ โดยปลูกทั้งแบบสวนเดี่ยวและแซมในสวนยาง

 

วิธีปลูกพริกไทยของอำเภอนาโยง มี 2 วิธี คือ

  1. การปลูกพริกไทยค้าง เกษตรกรปลูกให้ต้นพริกไทยเลื้อยขึ้นไปบนเสาปูน หรือไม้แก่น หรือต้นยอ ซึ่งผลผลิตจะออก 1 ครั้ง ต่อปี ในช่วงฤดูแล้ง
  2. การปลูกพริกไทยพุ่ม เกษตรกรคัดเลือกกิ่งแขนงมาขยายพันธุ์ มักใช้วิธีเสียบยอดโดยใช้ต้นตอเป็นต้นโคโลบีนั่ม แล้วนำไปปลูกลงดิน หรือปลูกในภาชนะ เช่น ตะกร้า วิธีนี้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนค่าค้างพริกลงไปได้ สามารถปลูกแซมในสวนอื่นๆ เช่น สวนยางพารา หรือสวนไม้ผลต่างๆ ได้ และการปลูกพริกไทยพุ่มจะได้รับผลผลิตต่อเนื่องตลอดปี

คุณสมนึก เล่าว่า การปลูกพริกไทยพุ่มแซมยางพารา มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

คุณสมนึก ฉิมปลอด บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 6 ตำบลช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง เกษตรกรผู้ปลูกพริกไทย

Advertisement

  1. สามารถใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์โดยมีผลตอบแทนต่อพื้นที่สูงกว่าพืชแซมชนิดอื่นๆ ซึ่งจะได้รับผลผลิตคิดเป็นร้อยละ 75 ของการปลูกพริกไทยเชิงเดี่ยว
  2. ลดต้นทุนในการจัดการ โดยปกติสวนพริกไทยเดี่ยวๆ ควรมีการพรางแสง แต่พริกไทยแซมยางจะได้รับร่มเงาที่พอดีจากยางพารา ทำให้ลดต้นทุนในการจัดการลงไป
  3. สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดปี ทำให้มีรายได้ต่อเนื่อง
  4. โรคแมลงรบกวนน้อย เนื่องจากเป็นพริกไทยที่มีต้นตอคือต้นโคโลบินั่ม ซึ่งมีความต้านทานต่อโรครากเน่าของพริกไทยอันเป็นโรคสำคัญของพืชชนิดนี้ ทั้งนี้ โรคแมลงอื่นๆ ในพริกไทยมีน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว

ขั้นตอนการปลูกพริกไทยพุ่มแซมยางพารา มีดังนี้

  1. การคัดเลือกพันธุ์พริกไทย การผลิตพริกไทยพุ่มของ คุณสมนึก ฉิมปลอด ประกอบด้วย 2 สายพันธุ์ คือพริกพันธุ์พื้นบ้าน ซึ่งมีลักษณะเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม นิยมใช้ในการทำเครื่องแกงชนิดต่างๆ และอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ พันธุ์ปะเหลียน ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้งคุณภาพและปริมาณผลผลิต แตกต่างกันที่ลักษณะของยอดเท่านั้น
  2. การขยายพันธุ์พริกใช้ต้นตอคือ ต้นโคโลบินั่ม มาเป็นต้นตอในการเสียบยอดพันธุ์พริกที่ต้องการ ซึ่งจะต้องเตรียมต้นตอไว้ก่อน เมื่อต้นตอเจริญแข็งแรงดีจึงนำไปเสียบยอดได้
  3. การเตรียมพื้นที่สวนยางสำหรับปลูกพริกไทย ต้องเป็นสวนยางที่โตเต็มที่ คืออายุประมาณ 5-6 ปีขึ้นไป เนื่องจากจะให้ร่มเงาที่พอดีกับพริก พื้นที่ควรเป็นที่ราบหรือเนินเล็กน้อย น้ำไม่ท่วมขัง ภายในพื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำสำหรับไว้รดพริกไทยในช่วงที่ฝนไม่ตกเป็นเวลานาน และร่องยางต้องกำจัดเศษไม้ หรือไม้ขนาดเล็กออกให้หมด
  4. การเตรียมต้นพันธุ์และวิธีการปลูกพริกไทยแซมยาง เตรียมภาชนะปลูก คือตะกร้าพลาสติก ขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร การเตรียมต้นพันธุ์ จะใช้ต้นพริกไทยที่ผ่านการเสียบยอดด้วยต้นโคโลมินั่ม ที่มีความแข็งแรงแล้ว จำนวน 3 ต้น ต่อ 1 ตะกร้า และเตรียมดินปลูก ประกอบด้วย ดินอัตรา 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน และแกลบเผา 1 ส่วน และอีกอย่างหนึ่งคือ อิฐบล็อคเพื่อไว้สำหรับวางรองตะกร้าที่ปลูก จำนวนเท่ากับจำนวนตะกร้า วิธีการปลูก ทำการผสมวัสดุปลูกตามอัตราส่วน นำต้นพันธุ์ปลูกจำนวน 3 ต้น ต่อ 1 ตะกร้า และขนย้ายไปในสวนยาง โดยวางรองบนอิฐบล็อคเพื่อป้องกันวัชพืช และให้ต้นพริกได้รับสารอาหารเต็มที่ และสะดวกต่อการบริหารจัดการ ระยะปลูกที่เหมาะสม คือ 2×2 เมตร แต่ละร่องยางจะปลูกได้ 3 แถว และพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกพริกได้ประมาณ 300 ตะกร้า ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 75 ของการปลูกพริกไทยเต็มแปลงเพียงชนิดเดียว
  5. การดูแลรักษา ประกอบด้วย การให้น้ำ การให้ปุ๋ย และการดูแลรักษาทั่วไป การให้น้ำจะให้ทุกวัน เว้นวันที่มีฝนตก ระบบน้ำใช้ 2 วิธี คือรดด้วยสปริงเกลอร์ และรดด้วยระบบน้ำหยด ซึ่งให้ผลไม่แตกต่างกัน แต่ระบบน้ำหยดจะประหยัดน้ำและป้องกันวัชพืชได้ดีกว่า การให้ปุ๋ย ใช้ทั้งปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมี โดยให้สลับ เดือนเว้นเดือน การดูแลรักษาจะควบคุมเรื่องแสงให้มีปริมาณพอเหมาะ คือประมาณ 50% หากมากเกินไปต้นพริกจะเหี่ยวและตายได้ หากน้อยเกินไปต้นพริกจะยืดและไม่ติดผล ทั้งนี้ ในสวนยางร่มเงาจะมีความเหมาะสมอยู่แล้ว
  6. การเก็บเกี่ยว เมื่อพริกเริ่มมีเม็ดสุกสีแดง 1-2 เม็ด ก็สามารถเก็บได้ จะเก็บทุกวันเนื่องจากพริกจะทยอยสุกอยู่ตลอด พริกไทยจะเริ่มติดผลเมื่ออายุ 8 เดือน หลังปลูกลงดิน และเริ่มเก็บผลผลิตได้เมื่อครบอายุ 1 ปี หลังจากนั้นจะมีผลผลิตทยอยออกให้เก็บอีกหลายปีขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา
  7. การแปรรูป นำพริกที่เก็บไปล้างทำความสะอาด ผึ่งให้แห้งแล้วนำไปตากในตู้ที่ออกแบบขึ้นมาเองสำหรับตากพริก ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมโปร่งใส ด้านบนเป็นวงโค้ง ปิดสนิททุกด้านป้องกันความชื้น แมลงและฝุ่นละออง ด้านล่างมีช่องสำหรับใส่ถ่านไฟเมื่อต้องตากพริกในฤดูฝน ตากพริกไว้ 3 วัน พริกก็จะเปลี่ยนจากสีเขียวหรือแดงเป็นดำสนิท นำไปเก็บรักษาไว้ในที่ร่ม สามารถเก็บได้ไม่น้อยกว่า 1 ปี พริกสด 3 กิโลกรัม เมื่อตากแห้งแล้วจะเหลือน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
คุณเสน่ห์ ทองเกลี้ยง เกษตรอำเภอนาโยง ร่วมกับ เกษตรตำบล และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง สนับสนุนการดำเนินงานของเกษตรกร

ต้นทุนและผลตอบแทน การปลูกพริกไทยพุ่มแซมยางพารา

Advertisement

ปลูกแบบพุ่มระหว่างต้นยาง 2×2 เมตร (เว้นต้นยาง) 1 ไร่ ปลูกจะได้ 300 ต้น

กิจกรรม ค่าใช้จ่าย (บาท) หมายเหตุ
ค่าปรับพื้นที่ 500 โดยการตัดหญ้า
ตะกร้าพลาสติก ขนาดเบอร์ 5 15,000 ใช้ 300 ใบ ใบละ 50 บาท
อิฐบล็อค 2,100 ใช้ 300 ก้อน ก้อนละ 7 บาท
วัสดุปลูก 9,000 ตะกร้าละ 30 บาท
ค่าต้นพันธุ์ (เสียบยอดต้นโคโลบินั่ม) 15,000 ต้นละ 50 บาท
ค่าแรงปลูก 3,000 ตะกร้าละ 10 บาท
ระบบน้ำ 6,000
ค่าสารเคมีป้องกันโรค/แมลง 1,000
ค่าปุ๋ยเคมี 3,240 ใช้ต้นละ 0.6 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 18 บาท (ใช้เดือนละ 50 กรัม)
อื่นๆ 2,000
รวม 56,840

 

ต้นทุนผันแปรในแต่ละปี

  1. ปุ๋ยคอก พุ่มละ 0.5 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 2 บาท = 2,700 บาท
  2. ปุ๋ยเคมี ใช้พุ่มละ 0.6 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 18 บาท (ใช้เดือนละ 50 กรัม) = 3,240 บาท
  3. ค่าสารเคมีป้องกันโรค/แมลง จำนวน 1,000 บาท
  4. ค่าแรงเก็บเกี่ยว 5,000 บาท
  5. อื่นๆ 500 บาท

รวมต้นทุนต่อปี 12,440 บาท

ตู้ที่ออกแบบทำขึ้นเอง สำหรับตาก-แปรรูปพริกไทย

 

วิเคราะห์ผลตอบแทน

คุณสมนึก เล่าว่า ผลผลิตพริกไทยจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 1 ปี โดยมีผลผลิตเป็นพริกไทยสด ประมาณ 1 กิโลกรัม ต่อพุ่ม และค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึง 4 ปี ก็จะเป็นต้นที่โตเต็มที่ ซึ่งจะได้รับผลผลิตประมาณ 5 กิโลกรัม ต่อพุ่ม ต่อปี ราคาจำหน่ายพริกไทยอ่อน กิโลกรัมละ 80 บาท ถ้าจำหน่ายเป็นพริกแห้ง จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 300 บาท ทั้งนี้ การตากพริกไทยแห้ง 1 กิโลกรัม ต้องใช้พริกไทยสด 3 กิโลกรัม

 

รายการ/ปี          ปีที่ 1        ปีที่ 2           ปีที่ 3 ปีที่ 4 เป็นต้นไป
รายรับ ยังไม่มีผลผลิต พริกไทยแห้ง 180 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 300 บาท รวม 54,000 บาท พริกไทยแห้ง 360 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 300 บาท รวม 108,000 บาท พริกไทยแห้ง 450 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 300 บาท รวม 135,000 บาท
รายจ่าย 56,840 12,440 12,440 12,440
กำไร -56,840 41,560 95,560 122,560

 

สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง ได้เล็งเห็นถึงบทบาทความสำคัญของการปลูกพริกไทยพุ่มแซมยางอันจะสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งเหมาะสมกับปัจจัยและทรัพยากรของเกษตรกรที่มีอยู่ในพื้นที่ รวมถึงเทคนิคการผลิตที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสมที่จะให้บุคคลที่สนใจได้เรียนรู้ จึงได้คัดเลือกให้คุณสมนึก ฉิมปลอด ได้เป็นศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรเครือข่าย ของอำเภอนาโยง ในกิจกรรมเด่นคือ การผลิตพริกไทยพุ่มแซมยาง เมื่อปี พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบันได้มีผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้และศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง

ลักษณะการปลูกพริกไทยพุ่มแซมยางพารา

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นายสมนึก ฉิมปลอด บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 6 ตำบลช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง โทร. 098-015-1603 หรือติดต่อที่สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง จังหวัดตรัง โทร. 075-299-788