เทคนิคปลูกผักหวานป่า เอียง 45 องศา ของคนกำแพงเพชร รากเดินดี ต้นโตไว มีต้นมะขามเทศเป็นพืชพี่เลี้ยง

ผักหวานป่า หรือเรียกอีกชื่อว่า ผักหวาน ผักหวานป่า เป็นผักพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายภูมิภาคในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเก็บมาจากป่า แต่ในปัจจุบันได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกผักหวานป่าเพื่อการค้ากันมากขึ้น ทำให้ในหลายๆ พื้นที่มีผลผลิตออกจำหน่ายมากขึ้น โดยแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญในประเทศไทยอยู่ที่จังหวัดสระบุรี และพื้นที่ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ผักหวานป่า สามารถจำแนกออกได้เป็น 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ยอดเหลืองและพันธุ์ยอดเขียว โดยพันธุ์ยอดเขียวจะเจริญเติบโตได้ดีกว่าและเร็วกว่าพันธุ์ยอดเหลือง และลักษณะโดยรวมของทั้ง 2 สายพันธุ์ก็ดูจะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นทรงพุ่ม กิ่ง และแขนงใบ หากไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่ออก มีคนสงสัยกันว่าผักหวานป่ากับผักหวานบ้านนั้นเป็นพืชชนิดเดียวกันหรือไม่ คำตอบก็คือพืชทั้งสองชนิดนี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือเป็นพืชในตระกูลเดียวกันแม้แต่น้อย เพียงแต่มีชื่อเรียกที่พ้องกันเท่านั้น

ผักหวานป่า จัดอยู่ในไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้น ประมาณ 4-11 เมตร เปลือกต้นเรียบ กิ่งอ่อนมีสีเขียวเข้ม เมื่อต้นแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเทาอมสีน้ำตาลอ่อน เนื้อไม้มีความแข็ง เป็นพืชผลัดใบตามฤดูกาล เก็บสะสมอาหารไว้ที่รากและลำต้น ใบผักหวานป่าจะเป็นใบเดี่ยว ใบอ่อนเป็นสีเขียวอ่อน เมื่อแก่แล้วจะเป็นสีเขียวเข้ม ดอกผักหวานป่า ออกดอกเป็นช่อยาว ก้านช่อดอกยาว ประมาณ 15-20 เซนติเมตร โดยจะออกจากกิ่งหรือตามซอกใบ

ต้นผักหวานป่า

ประโยชน์ของผักหวานป่า ผักหวานป่า เป็นอาหารและยาประจำฤดูร้อนที่ช่วยแก้อาการของธาตุไฟได้ตามหลักแพทย์แผนไทย ใบและรากมีสรรพคุณแก้อาการปวดศีรษะ รากมีฤทธิ์เย็น เป็นยาแก้ไข้ แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ยอดใบใช้ปรุงเป็นยาเขียวลดไข้ ลดความร้อน เป็นต้น

คนไทยนิยมใช้ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกอ่อน มารับประทานเป็นผัก โดยอาจนำมาลวกให้สุกแล้วใช้เป็นผักจิ้มกับน้ำพริก ลาบ ใช้เป็นเครื่องเคียง หรืออาจนำไปผัดน้ำมัน หรือนำมาใช้ประกอบอาหารในเมนูต่างๆ เช่น แกงเลียง แกงส้ม แกงอ่อม ผักหวานป่าเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรตีน พลังงาน และวิตามินซี อีกทั้งยังมีปริมาณของเส้นใยอาหารอยู่พอสมควร

คุณดวงใจ แสงวรรณ หรือ คุณหญิง อายุ 32 ปี

คุณดวงใจ แสงวรรณ หรือ คุณหญิง อายุ 32 ปี อาศัยอยู่ที่ตำบลเขาคีริส อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกําแพงเพชร ปัจจุบันประกอบอาชีพค้าขาย และเกษตรกรปลูกผักหวานป่าและมะขามเทศ คุณดวงใจ กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพหลักคือค้าขายในกรุงเทพฯ แต่บ้านเกิดนั้นอยู่ในภาคอีสาน แต่สามีเป็นคนจังหวัดกำแพงเพชร พออยู่กรุงเทพฯ ไปนานๆ มันก็เบื่อความวุ่นวาย เลยวางแผนกับสามีว่า อยากกลับไปอยู่ต่างจังหวัด อยู่กับธรรมชาติ สามีเลยเสนอความคิดที่จะกลับไปอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดกำแพงเพชร

ทำให้คุณดวงใจ มีความคิดที่จะมองหาอาชีพที่ยั่งยืนหากกลับไปอยู่ต่างจังหวัด จึงเริ่มจากความชอบโดยส่วนตัว คุณดวงใจ ชื่นชอบทานผักหวานป่ามากแต่ก็ไม่มีความเข้าใจในการปลูกมากนัก จึงเริ่มศึกษาข้อมูลในการเพาะปลูกผักหวานป่าจากหลากหลายที่ทำให้รู้ว่า เป็นพืชที่มีตลาดรองรับดี พืชอายุยืน ทนแล้งได้ดี จึงได้ลงมือทำจริงจังกับสามี โดยใช้พื้นที่ว่างเปล่าของสามีจำนวน 5 ไร่ ในการเพาะปลูกผักหวานป่า ควบคู่ไปกับการปลูกพืชพี่เลี้ยงอย่างมะขามเทศ ที่ให้ผลผลิตได้ด้วยทำให้มีรายได้เพิ่มเข้ามาอีกทาง

แพ็กกิ่งตอนผักหวานป่าส่งลูกค้า

ปัจจุบัน คุณดวงใจและสามี ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเพาะปลูกผักหวานป่า มา 4 ปีแล้ว ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของ สวนผักหวานป่าน้องหญิง จังหวัดกำแพงเพชร นอกจากนี้ คุณดวงใจ ยังมีเพจเฟซบุ๊ก ที่คอยแนะนำและให้ความรู้ในการเพาะปลูกเกษตร จากประสบการณ์จริง โดยบอกอย่างละเอียดถือเป็นเนื้อหาที่ดีอย่างมากสำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่อยากเพาะปลูกผักหวานป่าและพืชพี่เลี้ยงของผักหวานป่า

ผลผลิตผักหวานป่า

ทางสวนใช้ต้นกล้าและกิ่งตอนในการเพาะปลูก และใช้กิ่งพันธุ์มะขามเทศเป็นพืชพี่เลี้ยง คุณดวงใจ กล่าวถึงข้อมูลต้นทุนจริงของทางสวน เพื่อเป็นข้อมูลแก่เกษตรกรผู้สนใจปลูกด้วย ต้นกล้า 1,500 ต้น ต้นละ 25 บาท เป็นเงิน 37,500 บาท กิ่งตอน 300 กิ่ง กิ่งละ 300 บาท เป็นเงิน 90,000 บาท พืชพี่เลี้ยง 150 กิ่ง กิ่งละ 40 บาท เป็นเงิน 6,000 บาท ค่าระบบน้ำ ค่าเจาะ ค่าสเมิร์ฟ ทั้งหมด 50,000 บาท นี่คือค่าใช้จ่ายของต้นทุนโดยประมาณ ในพื้นที่ 5 ไร่ ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการไถดิน, ค่าแรงในการช่วยปลูก, ค่าแรงช่วยเดินระบบน้ำ และค่าปุ๋ยคอก

การปลูกผักหวานป่า เป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่สามารถเก็บผลผลิตได้ชั่วลูกชั่วหลาน เพราะต้นผักหวานป่าเป็นพืชที่อายุยืนมากๆ สามารถมีอายุได้ถึงหลายสิบปี

กิ่งตอนผักหวานป่า

ขั้นตอนการดูแลเพาะปลูกภายในสวน จะปลูกพืชพี่เลี้ยงด้วยกิ่งพันธุ์ลงดินก่อนเป็นระยะเวลา 3-4 เดือน โดยระยะห่าง 4×4 เมตร และในระยะห่างของต้นพืชพี่เลี้ยง 4×4 เมตร สามารถปลูกต้นกล้าผักหวานป่าได้ 3 หลุม และเว้นระยะห่าง จากกิ่งตอน 1 ศอก ทั้งด้านซ้าย-ขวา หลุมปลูกควรลึก 30 เซนติเมตร ไม่ควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ใช้เพียงดินเพาะปลูกเท่านั้น โดยการปลูกพืชของที่สวนจะปลูกเอียง 45 องศา และใช้เหล็กค้ำมัดเชือก เหตุที่ปลูกเอียง 45 องศา เนื่องจากการให้รากเดินแนวนอนตามผิวดิน เพราะดินจะอ่อนกว่า อาหารเยอะกว่า รากจะเดินได้เร็ว มีสารอาหารเยอะจากหน้าดิน จากนั้นกลบดินลงหลุมให้หมดอย่าให้เป็นบ่อ เพราะถ้าน้ำขังหลุมรากจะเน่า

ต้นผักหวานป่า

ควรรดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือดูจากหน้าดินและสภาพอากาศ แต่ทางสวนปลูกในช่วงฤดูฝน เดือนมิถุนายน จึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำ จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกที่หมักทิ้งไว้แล้วทุกๆ 3 เดือน ปุ๋ยคอกควรเป็นปุ๋ยที่หมักแล้วเพื่อลดแก๊สความร้อนในปุ๋ยคอก ในช่วง 1 ปีแรกของการเพาะปลูก ห้ามพรวนดิน ห้ามถอนหญ้า ทำได้เพียงตัดหญ้าเท่านั้น เพราะหากพรวนดินหรือถอนหญ้า จะทำให้รากต้นผักหวานป่าที่มาหากินบนหน้าดินเสียหายและอาจตายได้ เพราะต้นยังไม่แข็งแรงพอ และควรเด็ดใบที่ 2 ของยอด ทุกๆ 3 เดือน เพื่อกระตุ้นการแตกกิ่ง

ความแตกต่างของการปลูกด้วยต้นกล้าและกิ่งตอน คือ ต้นกล้า ใช้ระยะเวลาปลูก 2 ปี ถึง 2 ปีครึ่ง จึงสามารถเก็บผลผลิตได้ ผลผลิตที่เก็บได้ประมาณ 1 ขีด ต่อ 1 ต้น, กิ่งตอน ใช้ระยะเวลาปลูก 1 ปี เก็บผลผลิตได้เยอะกว่าต้นกล้า ผลผลิตที่เก็บได้โดยประมาณ 1 กิโลกรัม ต่อ 1 กิ่ง ดังนั้น กิ่งตอนจึงมีราคาที่แพงกว่าต้นกล้า

กิ่งตอนผักหวานป่า

โดยการเก็บผลผลิตจะสามารถเก็บได้ 6 เดือน ต่อเนื่อง โดยจะเก็บ 15 วัน เว้น 15 วัน และ 6 เดือนหลังจากเก็บผลผลิตก็จะเป็นการพักต้น 6 เดือน เพื่อดูแล ในส่วนของพืชพี่เลี้ยงอย่างมะขามเทศจะมีผลผลิตในเดือนธันวาคม-เมษายน ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางของรายได้ แต่ต้องบอกเลยว่ามะขามเทศเมื่อออกฝักหากโดนฝนจะทำให้ไม่สวยและขายไม่ได้ เมื่อออกฝักควรรีบเก็บและจำหน่าย

พืชพี่เลี้ยงต้นมะขามเทศ

 

ต้นมะขามเทศดูแลไม่ยาก เป็นพืชอายุยืนอีกชนิดหนึ่ง มีอายุได้เป็นสิบๆ ปี สามารถดูแลควบคู่ไปกับต้นผักหวานป่าได้ เหตุที่ต้นผักหวานป่าต้องมีพืชพี่เลี้ยงอย่างต้นมะขามเทศ เพราะรากต้นผักหวานป่าจะมาเกาะรากต้นพืชพี่เลี้ยงเพื่อช่วยในการหาอาหาร เพราะต้นผักหวานป่านั้นเขาไม่สามารถหาอาหารเองได้ การมีพืชพี่เลี้ยงจึงถือเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการอยู่รอด และโดยปกติแล้วผักหวานป่า เป็นพืชที่ไม่มีโรคมากวนใจ เพียงแต่ต้องเอาใจใส่ในการเพาะปลูก

แพ็กกิ่งตอนผักหวานป่าส่งลูกค้า

คุณดวงใจ กล่าวว่า “ตลาดของผักหวานป่าเป็นตลาดที่ไปได้เรื่อยๆ ผู้บริโภคต้องการอยู่เสมอ มีราคากลางเป็นราคาจากตลาดใหญ่ในแต่ละวัน แต่ไม่เคยราคาตก มีราคาขึ้นลงที่ส่วนใหญ่จะคงที่ ทางสวนมีการจำหน่ายเองหน้าสวนในพื้นที่ อยู่ที่ราคา 150-200 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม และจำหน่ายผลผลิตมะขามเทศ ถือเป็นผลผลิตที่สามารถทำรายได้ต่อเดือนได้ถึง 40,000 บาท”

ผลผลิตผักหวานป่า
พืชพี่เลี้ยงต้นมะขามเทศ

 

สำหรับท่านใดที่สนใจผักหวานป่า กิ่งตอน ต้นกล้า มะขามเทศ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณดวงใจ แสงวรรณ หรือ คุณหญิง อายุ 32 ปี อาศัยอยู่ที่ตำบลเขาคีริส อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกําแพงเพชร โทรศัพท์ 086-400-7943 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก สวนผักหวานป่าน้องหญิง จังหวัดกำแพงเพชร