“เก๊กฮวย” ปลูกง่าย เก็บได้นาน แปรรูปเพิ่มมูลค่าสูง กิโลกรัมละ 1,500 บาท

ปัจจุบันการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าถือเป็นทางเลือกและทางรอดที่ดีสำหรับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายท่านคงได้ยินข่าวกันจนชินหู ทั้งในเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำบ้าง หรือเกิดปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดบ้าง ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่หาย แต่ถ้าหากเกษตรกรเจ้าของสวนลองเริ่มต้นแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการหาตลาดขายปลีกเองบ้าง หรือเริ่มต้นแปรรูปจากผลิตภัณฑ์ในสวนก่อนก็คงจะดีไม่น้อย หรือถ้าสวนไหนไม่มีปัญหาแต่อยากเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ

คุณรสสุคนธ์ สุวรรณเพชร หรือ พี่พลอย

คุณรสสุคนธ์ สุวรรณเพชร หรือ พี่พลอย อยู่บ้านเลขที่ 19/2 หมู่ที่ 9 ตําบลโนนเปือย อําเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร อดีตเซลส์ขายอุปกรณ์การเกษตร กลับบ้านเกิดผันตัวสู่ชีวิตเกษตรกรเต็มขั้น ปลูกพืชผสมผสาน พร้อมกับงานแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตช่วยสร้างรายได้หลักในปัจจุบัน ตามมาดูกันว่างานแปรรูปสร้างรายได้ของสาวเก่งคนนี้จะเป็นอย่างไร

ดอกเก๊กฮวยบานสะพรั่ง

พี่พลอย เล่าจุดเริ่มต้นการเป็นเกษตรกรให้ฟังว่า เมื่อก่อนตนเองทำงานเป็นเซลส์ขายวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตร ดูแลพื้นที่ในโซน ระยอง จันทบุรี และตราด ทำมานานเป็นสิบปี จนถึงจุดที่อยากกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่ ซึ่งการกลับบ้านครั้งนี้ถือเป็นโอกาสกลับมาพัฒนานำความรู้ที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับอาชีพของพ่อแม่ คืออาชีพเกษตรกรรม ด้วยการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาของคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่มาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จนเกิดเป็นการพัฒนาต่อยอดจากสวนเกษตรธรรมดาให้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ ปลูกพืชผสมผสาน ปลูกข้าว ขุดบ่อทำโคก หนอง นา โมเดล เลี้ยงปลา ทำปศุสัตว์ พร้อมกับการแปรรูปที่เป็นผลิตภัณฑ์เด่น “ชาสมุนไพร” ที่สามารถสร้างรายได้ต่อเดือนได้ไม่น้อย

แปลงปลูกดอกเก๊กฮวย

โดยจุดเริ่มต้นของการแปรรูปทำชาสมุนไพร เกิดจากการมองเห็นปัญหาของที่บ้าน เพราะปัญหาหลักของเกษตรกรส่วนใหญ่คือสินค้าเกษตรมีน้ำหนักเยอะถ้าหากจะขายในวงกว้าง การขนส่งถือเป็นเรื่องสำคัญ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกที่จะแปรรูปสินค้าเพื่อให้น้ำหนักเบาลง สะดวกในการขนส่ง และเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าด้วย

ดอกบานสะพรั่งพร้อมเก็บ

เก๊กฮวย หญ้าหวาน กุหลาบมอญ
ผลิตภัณฑ์แปรรูปเด่น สร้างรายได้หลัก

เจ้าของบอกว่า ปัจจุบันที่สวนเปิดเป็นศูนย์แหล่งเรียนรู้การเกษตร เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจทุกคนเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ตลอด ซึ่งนอกจากเปิดศูนย์การเรียนรู้แล้ว รายได้หลักของที่สวนจะมาจากการแปรรูปพืชสมุนไพรอบแห้งทำเป็นชา โดยจะมีผลิตภัณฑ์แปรรูปหลักๆ คือ 1. ชาสมุนไพรจากดอกเก๊กฮวย 2. ชาสมุนไพรจากหญ้าหวาน และ 3. ชาสมุนไพรจากดอกกุหลาบ ซึ่งก็ตรงกับโจทย์ที่ได้ตั้งไว้ว่าต้องการให้สินค้าเกษตรมีน้ำหนักเบา สะดวกในการจัดส่ง และเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยกระบวนการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์

สีเหลืองสวย ดอกสมบูรณ์

บนพื้นที่ปลูกที่มีไม่มาก แบ่งปลูกเก๊กฮวยไว้จำนวน 2 งาน หญ้าหวาน จำนวน 1 งาน และกุหลาบ จำนวน 100 ต้น โดยเลือกปลูกเป็นกุหลาบมอญ เพราะเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับการนำมาแปรรูปทำชามากที่สุด ด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และสีสันที่สวยชวนกิน

เตรียมนำไปอบแปรรูป

ขั้นตอนการปลูกพืชสมุนไพรทำชา

พี่พลอย อธิบายการทำชาให้ฟังต่อว่า การปลูกพืชสมุนไพรเพื่อนำมาแปรรูปทำชานั้นมีขั้นตอนความยากง่ายและวิธีการที่แตกต่างกัน โดยที่สวนจะเน้นปลูกแบบอินทรีย์ทั้งหมด ดังนั้น การดูแลโรคและแมลงศัตรูพืชถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ข้อดีของการปลูกพืชทั้ง 3 ชนิด คือ เก๊กฮวย หญ้าหวาน และกุหลาบมอญ จะมีข้อดีที่เหมือนกันคือ ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้นาน แต่จะมีขั้นตอนการลงทุนเพิ่มขึ้นมา ทั้งแรงงาน ขั้นตอนการแปรรูป และการหาแพ็กเกจจิ้ง แต่หากทำได้สำเร็จบอกได้เลยว่าคุ้มกับการลงทุนแน่นอน

นำไปอบในพาราโบลาโดม

วิธีการปลูก

ขั้นตอนการเตรียมดินจะมีกระบวนการคล้ายคลึงกันทั้ง 3 ชนิด คือมีการไถ ปั่นดิน แล้วยกร่อง แตกต่างกันที่ลักษณะการเตรียมแปลง

  1. เก๊กฮวย จะทำแปลงยกร่องเหมือนกับการปลูกข้าวโพด ระยะห่างระหว่างต้น 40×40 เซนติเมตร ปลูกยกร่องแถวคู่
  2. หญ้าหวาน จะทำแปลงปลูกเหมือนการปลูกผักทั่วไป ระยะห่างระหว่างต้น 20×20 เซนติเมตร 1 แปลงปลูกได้ 4 ต้น ความกว้างของแปลงประมาณ 4 เมตร
  3. กุหลาบมอญ ปลูกบนพื้นราบธรรมดา ขุดหลุมปลูกตามแนว ระยะห่างระหว่างต้น 1×1 เมตร ระหว่างแถว 1.50 เมตร

ใช้เวลาอบ 2 วัน พร้อมนำบรรจุใส่ถุง

การขยายพันธุ์ ของพืชทั้ง 3 ชนิด ใช้วิธีการปักชำทั้งหมด เช่น กุหลาบสามารถตัดลำต้นมาปักชำได้ ส่วนหญ้าหวานและเก๊กฮวยก็ใช้ลำต้นหรือยอดนำมาปักชำเช่นกัน

การปลูก จะเป็นการนำเอาต้นพันธุ์ที่มีรากลงปลูก ซึ่งในขั้นตอนการไถกลบจะมีทั้งหญ้าและพืชปรุงดิน ปอเทืองที่ปลูกไว้ไถกลบเพื่อให้เกิดปุ๋ยพืชสดบำรุงดิน แล้วจึงค่อยนำเอาต้นพันธุ์มาลงหลุมปลูก หลังจากนั้นต้นพันธุ์ที่ปลูกเริ่มติด จะใส่ปุ๋ยอีก 1 รอบ ปุ๋ยที่ใส่เป็นปุ๋ยคอก ปุ๋ยขี้วัว และน้ำหมักชีวภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่ที่เหมาะสมคือควรให้สักเดือนละ 2 ครั้ง

บรรจุใส่แพ็กเกจจิ้งสวยงามพร้อมขาย

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว

  1. เก๊กฮวย การออกดอกเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน ดอกจะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม และบานมากที่สุดช่วงปลายเดือนธันวาคม เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 10 มกราคม จะเป็นช่วงที่ดอกเก๊กฮวยบานสะพรั่งทั่วสวน

โรคและแมลงศัตรูพืชที่ควรระวัง ในระยะแตกยอดใหม่ๆ เก๊กฮวยค่อนข้างจะบอบบาง จะมีเพลี้ยอ่อนเป็นศัตรู เพลี้ยอ่อนจะคอยมาดูดน้ำเลี้ยง วิธีการแก้ไขคือ การปล่อยแมลงเต่าทองลงไปช่วยกำจัดเพลี้ย จะไม่มีการฉีดสารเคมีใดๆ ลงไปกำจัด ใช้วิธีธรรมชาติกำจัดธรรมชาติก็ได้ผลแล้ว

  1. หญ้าหวาน สามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกวัน ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวต่อต้นอยู่ที่ประมาณ 30-45 วัน หญ้าหวานจะเป็นพืชที่ตัดแล้วแตกใหม่ จึงมีให้เก็บทุกวัน หมุนเวียนกันไปในแปลง

โรคและแมลงศัตรูพืชที่ควรระวัง ศัตรูตัวสำคัญที่ทำให้ผลผลิตหญ้าหวานเสียหายคือราขาวและโรครากเน่าโคนเน่า ก็จะป้องกันและกำจัดด้วยการฉีดพ่นด้วยไตรโคเดอร์มา

  1. กุหลาบมอญ เก็บได้ทุกๆ 2 เดือน แบ่งตัดเป็นรุ่น และมีการตัดแต่งกิ่งทำสาวรอให้แตกกิ่งใหม่ขึ้นมา

โรคและแมลงศัตรูพืชที่ควรระวัง ศัตรูของกุหลาบคือแมลงปีกแข็ง แมงอีนูน เข้ามากัดกินดอกในช่วงที่ดอกกำลังตูม วิธีแก้ไขคือการใช้น้ำส้มควันไม้ หรือก่อกองไฟเพื่อให้ควันจากกองไฟไล่แมลงออกไป

นำมาชงชาเก๊กฮวยดื่มเพิ่มความสดชื่น

ระบบน้ำ 1. เก๊กฮวย รดน้ำทุกวันด้วยระบบสายน้ำพุ่ง เปิดรดวันละครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที ข้อดีคือช่วยประหยัดน้ำ ติดตั้งง่าย ข้อเสียคือ เวลาที่รดน้ำตอนดอกออก น้ำที่พุ่งขึ้นไปอาจจะไปโดนเกสรของดอก จะทำให้ดอกโรยเร็ว แต่ก็ยังดีกว่าน้ำฝน ถ้าหากโดนน้ำฝน ดอกเก๊กฮวยจะขึ้นรา 2. หญ้าหวาน ให้น้ำทุกวัน วันละ 20 นาที ด้วยระบบมินิสปริงเกลอร์ 3. กุหลาบ ให้น้ำวันเว้นวัน วันละ 30 นาที ด้วยระบบน้ำหยด หากให้น้ำมากเกินไปจะทำให้รากเน่าได้

เก็บหญ้าหวานเตรียมนำไปแปรรูป

ขั้นตอนการแปรรูปอบแห้ง-ทำชาสมุนไพร

  1. เริ่มจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตคุณภาพ ถ้าเป็นดอกเก๊กฮวยจะเลือกเก็บเฉพาะดอกที่บานเต็มที่ โดยให้สังเกตที่กลีบนอกและเกสรข้างในถ้าบานเต็มที่สามารถเก็บได้ จะเก็บทุกวันในช่วงฤดูหนาว แต่ถ้าหากทิ้งไว้ให้ดอกบานมากเกินไป ผึ้งจะมาตอมและเก็บเอาเกสรไปหมด ทำให้ความหอมของดอกเก๊กฮวยจะหายไปด้วย ส่วนกุหลาบเมื่อดอกเริ่มบานแค่พอให้เห็นเกสรก็สามารถเก็บได้ เพื่อให้เกสรไม่บานเยอะจนเกินไป หากปล่อยให้บานมากเกินไปกลิ่นหอมของดอกก็จะหายไปด้วยอีกเช่นกัน
  2. หลังจากเก็บดอกไม้ที่ต้องการมาแล้ว ให้นำมาล้างทำความสะอาด ดอกเก๊กฮวยโดยมากในช่วงที่เก็บไม่ได้มีฝุ่นเยอะ จะนำมาทำความสะอาดเบื้องต้น เรียกว่านำมาผ่านน้ำ คือไม่ถึงขั้นกับเอามาล้าง เพราะถ้าหากล้างมากเกินไปจะทำให้ความหอมของดอกหายไป จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำด้วยเครื่องปั่น แล้วนำไปอบแห้ง ส่วนดอกกุหลาบจะนำมาล้างทำความสะอาด 1 รอบ แล้วนำไปอบ และสุดท้ายหญ้าหวานต้องมีการนำไปล้างน้ำทำความสะอาดถึง 3 รอบ จึงค่อยนำไปอบ
  3. การอบ เป็นการนำไปอบในพาราโบลาโดม ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการอบ ดอกเก๊กฮวยใช้เวลาอบ 2 แดด หรือใช้เวลาอบประมาณ 2 วัน วันละ 6-8 ชั่วโมง ส่วนดอกกุหลาบ อบ 2 แดด เช่นเดียวกับดอกเก๊กฮวย และสุดท้ายหญ้าหวาน อบแดดเดียวหรือประมาณ 6-8 ชั่วโมง
  4. บรรจุใส่หีบห่อ หลังจากอบเสร็จนำมาบรรจุใส่แพ็กเกจจิ้งที่เตรียมไว้ ทั้งขนาดบรรจุเป็นกิโลกรัม และบรรจุแบบขายปลีก
นำหญ้าหวานไปอบในพาราโบลาโดม

ปริมาณผลผลิตหลังการอบแห้ง 1. เก๊กฮวยสามารถแปรรูปได้จำนวน 100 กิโลกรัมแห้งต่อปี 2. หญ้าหวานสามารถแปรรูปได้ทุกเดือน เดือนละ 30 กิโลกรัม และกุหลาบยังได้จำนวนไม่เยอะมาก เนื่องจากเป็นการเริ่มต้น หากใครอยากสั่งกุหลาบอบแห้งเพื่อไปชงชาต้องพรีออร์เดอร์ไว้ล่วงหน้า

หญ้าหวานใช้เวลาอบ 6-8 ชั่วโมง

การเพิ่มมูลค่า จากราคาผลผลิตดอกเก๊กฮวยสดที่รับซื้อจากลูกสวนในราคากิโลกรัมละ 50 บาท เมื่อนำมาแปรรูปสามารถสร้างมูลค่าได้หลายเท่าตัว โดยสัดส่วนดอกเก๊กฮวยสด 3.5 กิโลกรัม จะได้เก๊กฮวยอบแห้ง 1 กิโลกรัม ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท หญ้าหวาน 3.2 กิโลกรัม จะได้หญ้าหวานอบแห้ง 1 กิโลกรัม ขายในราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท กุหลาบ ปริมาณเท่ากับเก๊กฮวยคือ 3.5 กิโลกรัม ได้กุหลาบอบแห้ง 1 กิโลกรัม ผลผลิตยังมีขายไม่มาก

ผลิตภัณฑ์หญ้าหวานบรรจุในแพ็กเกจจิ้งสวยงามพร้อมขาย

แบ่งขายปลีก 10 เปอรเซ็นต์ เก๊กฮวยบรรจุ 10 กรัม ราคา 35 บาท แบบบรรจุ 20 กรัม ราคา 50 บาท หรือถ้าเป็นเก๊กฮวยผสมหญ้าหวานบรรจุใส่ซองชา 10 ซอง ราคา 35 บาท เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีมาก ด้วยความหอมของดอกเก๊กฮวยผสมกับความหวานของหญ้าหวานเข้ากันอย่างลงตัว และกุหลาบบรรจุ 10 กรัม ราคา 35 บาท

หญ้าหวานนำไปชงเป็นชา

จุดเด่นที่มีไม่เหมือนใคร อันดับแรกคือรูปลักษณ์ภายนอกด้วยสีของดอกเก๊กฮวยจะสีเหลืองสวยต่างจากท้องตลาดทั่วไป สีจะไม่เหมือนของจีน และไม่เหมือนของทางภาคเหนือ ถัดมาคือกลิ่น กลิ่นที่แตกต่าง เมื่อเปิดถุงออกมาจะได้กลิ่นของดอกเก๊กฮวยที่ให้ความหอมคล้ายกับน้ำผึ้ง พร้อมกับรสชาติหวานผสมกับเผ็ดนิดๆ หากนำมาผสมกับหญ้าหวานจะเพิ่มความละมุนเพิ่มขึ้นไปอีก และดอกกุหลาบ เมื่อเปิดถุงออกมาจะได้กลิ่นของกุหลาบก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเมื่อนำมาชงสีของกลีบกุหลาบเมื่อโดนน้ำร้อนสีจะละลายไปพร้อมกับน้ำร้อน จะเหลือเป็นดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ จนลูกค้าที่เคยซื้อไปถามว่าที่สวนนำดอกกุหลาบไปชุบสีหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีการชุบสีใดๆ เป็นสีที่ได้จากธรรมชาติ พร้อมกับการได้ดื่มด่ำรสชาติที่หอมละมุนและสีสันที่สวยงาม ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ดอกกุหลาบมอญอบแห้ง

นำประสบการณ์อาชีพเซลส์
มาประยุกต์ใช้กับงานเกษตร

สำหรับการทำตลาดสมุนไพรอบแห้ง พี่พลอย เล่าให้ฟังว่า ตนเองค่อนข้างที่จะได้เปรียบเกษตรกรทั่วไปอย่างหนึ่งคือ ด้วยอาชีพเดิมที่เคยเป็นเซลส์ขายสินค้ามาก่อนจึงสามารถเอาประสบการณ์ตรงนั้นมาใช้กับงานในปัจจุบันได้

ชาดอกกุหลาบพร้อมขายแล้ว

“อาชีพเซลส์อย่างแรกที่ได้เปรียบเลยคือเรื่องของคอนเน็กชั่น เรื่องของการสร้างฐานลูกค้า เพราะเราสามารถวิเคราะห์ลูกค้าได้ เซลส์จะรู้ว่าสินค้าแบบไหนที่ลูกค้าต้องการ เพราะฉะนั้นเราจึงรู้ได้ว่าอะไรที่เราทำออกมาแล้วมันขายได้ นั่นคือเซลส์ และเซลส์จะใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากที่สุดในกระบวนการด้านธุรกิจ มันทำให้เรามองต่างจากเกษตรกรทั่วไป ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบทำให้สินค้าเราขายได้ และขายได้ในราคาที่ดี เพราะเรามีการสร้างเรื่องราวและสามารถจับเทรนด์สินค้าที่คนชื่นชอบได้ในปัจจุบัน รวมถึงช่องทางการตลาดที่มีหลายช่องทาง ทั้งจากทางศูนย์การเรียนรู้ ทั้งพ่อค้าแม่ค้าประจำจากหลายจังหวัด รวมถึงลูกค้าในสื่อโซเชียลต่างๆ ทำให้ทุกวันนี้สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี จากการแปรรูปสมุนไพรอบแห้ง” พี่พลอย กล่าวทิ้งท้าย

กลิ่นหอม รสชาติดี ถ่ายรูปสวย

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 086-464-2579 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : มาฆะฟาร์ม makafarm

………………………………………………………………

สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิงก์ https://shorturl.asia/0zJwQ 📲– Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354