ปลูก-จำหน่าย กระชายแบบปลอดสาร ที่บ่อพลอย กาญจนบุรี

“กระชาย” เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่นำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน มีสรรพคุณสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้หลายอย่าง ขณะเดียวกัน ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจึงนิยมนำมาปรุงอาหารเพื่อช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์เนื้อปลาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังนำกระชายมาจับคู่กับพืชชนิดอื่นทำเป็นเครื่องดื่มจำหน่ายได้รับความนิยมมาก

กระชายปลอดสาร
เก็บกระชาย

คุณประยุทธ จำนงกุล บ้านเลขที่ 121/1 หมู่ที่ 6 บ้านหนองเตียน ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ปลูกกระชายและพืชอื่นแบบผสมในแปลงเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ผักชี ข้าวโพด อยู่ในพื้นที่ 3 ไร่ แบบปลอดสารโดยใช้น้ำหมักและสารไล่แมลงที่ทำจากสมุนไพร ทั้งยังเป็นแปลงสาธิตมีการตรวจสอบดินอยู่เป็นประจำ ทำให้ดินมีธาตุอาหารครบถ้วนสมบูรณ์

ลักษณะดินในพื้นที่ปลูกมีสีแดง เป็นชุดดินบ่อพลอย เหมาะกับการปลูกพืชไร่และพืชสวน ก่อนเริ่มลงมือปลูกต้องเตรียมแปลงด้วยการไถพรวนทิ้งไว้ 1 เดือน แปลงปลูกคุณประยุทธได้ตรวจคุณภาพดินก่อนปรับปรุงดินเพื่อให้รู้ว่าควรต้องเติมธาตุอาหารตัวใดลงไปจะได้มีความเหมาะสม 

ระหว่างรอการเติบโต

ทุกครั้งหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยจะปลูกปอเทืองเพื่อเป็นปุ๋ยสดทิ้งไว้ 50 วันแล้วจึงไถกลบ โดยหลังจากไถกลบแล้วให้ตรวจคุณภาพดินอีกครั้งว่าควรต้องเติมธาตุอาหารตัวใดลงไปอีกในปริมาณที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ยังขอสนับสนุนโดโลไมท์จากทางเกษตรเพื่อนำมาหว่านเพื่อบ่มในแปลงแล้วไถกลบ ใช้ในปริมาณไร่ละ 1 ตัน ให้บ่มไว้สัก 30 วันจึงค่อยไถพรวน จากนั้นทำร่องปลูกกว้าง 120 เซนติเมตร ความยาวตามพื้นที่

สำหรับพันธุ์กระชายที่นำมาใช้ปลูกคุณประยุทธจะเลือกเก็บหัวพันธุ์ที่สมบูรณ์ไว้ทุกรอบ จะเลือกเก็บในแปลงที่ไม่พบโรค ก่อนนำหัวพันธุ์ปลูกต้องนำไปแช่น้ำยาป้องกันไวรัส โรครากเน่าโคนเน่า ใช้ยา 1 ซอง (5 กรัม) น้ำเปล่า 20 ลิตร หลังจากแช่แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง 1 คืน คุณประยุทธ เผยว่า น้ำยาดังกล่าวไม่มีขายทั่วไป โดยติดต่อทางกรมวิชาการเพื่อนำน้ำยาชนิดนี้มาใช้กับกลุ่มปลูกกระชายแปลงใหญ่แบบปลอดสาร

การฝังหัวพันธุ์กระชายให้กำหนดตำแหน่งก่อน ระยะปลูกแต่ละแถวห่างกัน 15 เซนติเมตร ใช้หัวแม่มือกดลงในดินลึกสัก 2 เซนติเมตร เมื่อฝังเสร็จใช้ฟางคลุมแปลง จากนั้นอีก 7 วันจึงพ่นยาคุมหญ้าและวัชพืช ให้พ่นเพียงครั้งเดียวอยู่ได้ 2 เดือน

คลุมฟางเพื่อควบคุมความชื้น

จากนั้นอีก 10 วันค่อยหว่านเมล็ดพันธุ์ผักชีไทยและลาว รดน้ำ แล้วอีก 1 เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือนจึงพ่นน้ำหมักจากปลาและผลไม้ พร้อมถึงสารไล่แมลงที่ทำจากสมุนไพรรวมกับพืชในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นสะเดา ยาสูบ หนอนตายหยาก หัวกลอยที่หมักร่วมกับกากน้ำตาล 1 เดือน โดยน้ำหมักและสารไล่แมลงต้องทำเตรียมไว้ก่อนลงมือปลูกไม้น้อยกว่า 1 เดือน

กระชายจะปลูกช่วงระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ไม่ควรเกินกว่านี้เพราะใกล้หน้าหนาวจะได้แต่ต้น รากจะไม่ยาว ใช้เวลาปลูกแล้วเก็บผลผลิตประมาณ 8 เดือน ดังนั้น ช่วงเวลา 60 วันเก็บผักชีรอบแรกออกมาขายเป็นค่าน้ำ-ค่าไฟได้ก่อน

เก็บผักชีเสร็จชาวบ้านบางรายปลูกพริกต่อบริเวณข้างร่อง แต่คุณประยุทธเลือกปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว (ขาวม่วง) แทน โดยจะปลูกพร้อมผักชีและกระชาย ข้าวโพดต้องปลูกหลุมละ 2 เมล็ด เว้นระยะหลุมห่างกันไม่ต่ำกว่า 60-70 เซนติเมตร และต้องปลูกร่องเว้นร่องต้องเผื่อเวลาต้นข้าวโพดโตจะได้ไม่บังน้ำสปริงเกลอร์ที่รดกระชาย หลังจากเก็บผักชีเสร็จ (เก็บได้ 1-2 รอบ) ต้นข้าวโพดมีขนาดสูง 50 เซนติเมตร

จัดเตรียมพื้นที่ปลูก วางระบบน้ำ

ระหว่างรอข้าวโพดและกระชายคุณประยุทธดูแลบำรุงต้นด้วยน้ำหมักเพียงอย่างเดียว คุณสมบัติน้ำหมักใช้แทนปุ๋ยได้ ฉีดพ่นน้ำหมักทุก 7-10 วัน ใช้ไปตลอดจนถึงช่วงต้นกระชายจะโทรม    (ใบเหลือง) ส่วนข้าวโพดเก็บผลผลิตได้เมื่ออายุ 80 วันหลังปลูก

คุณประยุทธ บอกว่า ถึงแม้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวกระชายจะใช้เวลา 8 เดือน (240 วัน) แต่แท้จริงอาจทอดยาวไปเกือบ 12 เดือน หากราคาในช่วง 8 เดือนไม่เหมาะสมก็ยังไม่เก็บขาย ปล่อยทิ้งไว้ในแปลงโดยไม่ต้องรดน้ำเหมือนเก็บเงินไว้ก่อน พอเห็นว่ามีราคาดีให้รดน้ำทิ้งไว้ 2 วันจึงขุดขึ้นมา

กระชายนำใส่เข่งเพื่อรอขาย

พร้อมกับให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ราคาสูง-ต่ำขึ้นอยู่กับปริมาณและความต้องการ หากพบว่าปริมาณกระชายในท้องตลาดมีจำนวนมาก เพราะเป็นผลผลิตจากพื้นที่ทางนครปฐม กำแพงแสน จึงทำให้ทางบ่อพลอยยังไม่เก็บ แล้วหากเห็นว่าราคาขายกระชายเริ่มขยับสูงเมื่อใดจะสูบน้ำมารดแล้วขุดเก็บขายได้ทันที

หลังจากใช้จอบที่มีสองง่ามขุดกระชายขึ้นมาแล้วให้นำมาล้างทำความสะอาด ตัดแต่งกอให้มีรูปทรงสวย กระชายที่ร่วงจะนำไปซอยขาย ส่วนกอไหนมีทรงสวย สมบูรณ์จะขายทั้งกอ คุณ    ประยุทธ บอกว่า กระชายสวย มีคุณภาพ สมบูรณ์ให้ดูที่ความอ้วนอวบ ขนาดยาว มีจำนวนมากในกอ และมีน้ำหนักดี

ถ้ายังไม่พร้อมขาย เก็บไว้ในแปลงก่อน

จากนั้นนำไปใส่ถุงชั่งน้ำหนักรอพ่อค้ามารับหน้าสวน โดยพ่อค้าจะนำไปขายต่อตามตลาดใหญ่ เช่น ตลาดไท สี่มุมเมือง ตลาดศรีเมือง ปริมาณผลผลิตที่เก็บแต่ละครั้งเฉลี่ย 5 ตัน ต่อไร่ ปริมาณเท่านี้ต้องดูแลอย่างดี ราคาขายส่งล่าสุดเมื่อปี 2564 กิโลกรัมละ 150 บาท เป็นราคาที่สูงเมื่อเทียบกับก่อนโควิด

คุณประยุทธ บอกว่า ข้อดีของการปลูกกระชายคือลงทุนน้อยมาก ขอให้ดูแลเรื่องน้ำ ปุ๋ย ให้เต็มที่ หมั่นตรวจสอบคุณภาพดินเพื่อให้มีธาตุอาหารครบ ระหว่างรอเก็บกระชายขายยังมีรายได้จากพืชชนิดอื่นที่ปลูกร่วมกับกระชาย ไม่ว่าจะเป็นผักชี พริก ข้าวโพด ส่วนกระชายเป็นรายได้หลังสุดที่เก็บขายเหมือนได้ของแถม

เจ้าหน้าที่เกษตรลงพื้นที่ตรวจคุณภาพแปลง

หลังจากเก็บแล้วให้เลือกหัวที่สมบูรณ์ไว้ทำพันธุ์รอบต่อไป หัวพันธุ์ที่สมบูรณ์ให้ดูจากความตรงของรากเพราะมีความสำคัญช่วยทำให้ต้นเจริญเติบโตสมบูรณ์ ให้แยกหัวพันธุ์มากองไว้อย่าให้โดนน้ำ แล้วนำมาใส่ในเข่ง เมื่อถึงเวลาใช้ต้องคัดหัวพันธุ์ที่สมบูรณ์ที่สุดอีกรอบ เสร็จจากเก็บผลผลิตกระชายแล้วจะพักดินไว้ 1-2 เดือน โดยปลูกปอเทืองเป็นปุ๋ยพืชสดทิ้งไว้

ปุ๋ยหมักและวัสดุปลูก
ล้างเสร็จ คัดแยกคุณภาพใส่ลัง

คุณประยุทธเป็นประธานกลุ่มแปลงใหญ่ปลูกกระชายมีสมาชิกรวม 96 ราย แค่เพียง 2 หมู่บ้าน แต่ละรายใช้พื้นที่ปลูกเฉลี่ย 3-4 ไร่ มีพื้นที่ปลูกทั้งหมดกว่า 1,100 ไร่ กลุ่มนี้เริ่มมาในปี 2561

หัวพันธุ์กระชายเตรียมปลูกในแปลง
ล้างทำความสะอาดหลังจากเก็บจากแปลง

กลุ่มแปลงใหญ่ปลูกกระชายมีการประชุมทุกเดือนเพื่อถ่ายทอดนโยบายของทางภาครัฐที่กำหนดเพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกัน แต่สำหรับแนวทางบริหารจัดการของกลุ่มนี้ให้ความสำคัญเฉพาะในเรื่องปัจจัยการผลิต และแนวทางปลูกบ้างเล็กน้อยเพราะต้องการให้เป็นมาตรฐานและคุณภาพเดียวกัน ส่วนเรื่องการขาย การตลาดให้สมาชิกแต่ละรายสามารถดำเนินการเองได้โดยอิสระ


สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์  ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิ้ง https://shorturl.asia/0zJwQ 📲- Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354