ส้มโอ “ขาวน้ำผึ้ง” ผลไม้ทำเงินเมืองย่าโม ปลูก 5 ไร่ มีเงินเก็บหลักแสนต่อปี

อําเภอสูงเนิน เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นดินแดนเก่าแก่ เป็นเมืองเก่าที่สร้างขึ้นในสมัยขอมเข้ามาเป็นใหญ่ในแผ่นดินที่ราบสูงแห่งนี้ โดยมีเมืองเก่าสองเมือง คือเมืองเสมา และเมืองโคราฆะปุระ ที่มาของคําว่า “สูงเนิน” เป็นชื่อเรียกตามลักษณะภูมิประเทศ ซึ่งเป็นที่ราบสูงสลับกับที่เนิน เดิมเรียกชื่อว่า “บ้านสองเนิน” เพราะมีเนินดินอยู่สองฟากฝั่งของบึงแห้ว (เป็นบึงใหญ่ที่มีน้ำตลอดปี) ต่อมาในภายหลังได้เรียกชื่อเพี้ยนมาเป็น “สูงเนิน” นับเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย ดังคำขวัญที่ว่า “ถิ่นเดิมโคราช พระพุทธไสยาศน์ศิลา ธรรมจักรล้ำค่า ปราสาทหินโบราณ ส้มโอหวานรสดี ประเพณีกินเข่าค่ำ แดนธรรมวะภูแก้ว”

ซึ่งพออ่านคำขวัญประจำอำเภอจนจบประโยคแล้ว หลายคนคงมีความสงสัยไม่น้อยว่า “ส้มโอหวานรสดี” มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับอำเภอสูงเนิน ฉบับนี้มีคำตอบ

คุณวิหาร นอกตาจั่น เจ้าของสวนส้มโอที่อำเภอสูงเนิน

คุณวิหาร นอกตาจั่น หรือ พี่หาร เกษตรกรผู้ปลูกส้มโอ อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 7 บ้านหนองเอื้อง ตำบลบุ่งขี้เหล็ก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา จากอดีตเคยทำนา ปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำเกษตรผสมผสาน พร้อมกับการปลูกส้มโอขาวน้ำผึ้งสร้างรายได้บนพื้นที่ 5 ไร่ ด้วยปัจจัยทั้งด้านสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม ทั้งดินและน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยแร่ธาตุ ทำให้ส้มโอขาวน้ำผึ้งของที่สวนและส้มโอที่ปลูกในพื้นที่เขตอำเภอสูงเนินมีรสชาติหวานฉ่ำ เนื้อกุ้งใหญ่ ไม่แพ้แหล่งผลิตส้มโอจากอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และด้วยเหตุนี้การปลูกส้มโอจึงได้กลายเป็นอาชีพหลักสร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวอำเภอสูงเนินได้หลักหลายแสนบาทต่อปี

พี่หาร เล่าถึงจุดเริ่มต้นการปลูกส้มโอให้ฟังว่า เดิมทีชาวบ้านในเขตพื้นที่อำเภอสูงเนิน ประกอบอาชีพทำนาปลูกข้าวกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการปลูกส้มโอก็ถือว่ามีปลูกกันมายาวนานแล้วตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แต่ยังไม่นิยมปลูกเชิงการค้ากันมากนัก โดยเริ่มต้นจากการปลูกส้มโอสายพันธุ์ขาวใหญ่และขาวแตงกวา จนกระทั่งเริ่มมีการนำกิ่งพันธุ์ขาวน้ำผึ้งเข้ามาปลูก เป็นกิ่งพันธุ์ที่ได้มาจากพิจิตร ปลูกกันมาจนเริ่มมีผลผลิตออกมาให้ชิม ซึ่งพอทุกคนได้ชิมก็ให้ความเห็นตรงกันว่า ขาวน้ำผึ้งให้รสชาติที่อร่อยกว่าส้มโอทั้ง 2 สายพันธุ์ที่เคยปลูกมา และตั้งแต่นั้นมาส้มโอขาวน้ำผึ้งจึงได้กลายเป็นส้มโอสายพันธุ์หลักสร้างรายได้ของอำเภอสูงเนินนับเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี

โดยจุดเด่นส้มโอขาวน้ำผึ้งที่ปลูกในพื้นที่อำเภอสูงเนิน ลูกใหญ่ รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อกุ้งใหญ่ มีปัจจัยหลักๆ มาจากดินและน้ำที่ใช้รดส้มโอ เป็นน้ำจากใต้เขื่อนลำตะคองที่มีการไหลเวียนตลอดเวลา มีแร่ธาตุที่สมบูรณ์ ส่งผลให้มีรสชาติออกมาดี เป็นที่ถูกอกถูกใจของแม่ค้าและนักท่องเที่ยว โดยที่ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเยอะ เลือกใส่เพียงเฉพาะที่พืชต้องการ ถือเป็นการลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้เป็นอย่างดี

อายุต้นประมาณ 7 ปี ผลผลิตพร้อมเก็บเกี่ยว

เทคนิคการปลูกส้มโอให้หวานฉ่ำ ยึดหลักง่ายๆ “น้ำอย่าให้ขาด”

เจ้าของเปิดเผยเทคนิคการปลูกส้มโอให้ฟังว่า ส้มโอเป็นผลไม้ที่ชอบชื้นแต่ไม่ชอบแฉะ โดยพื้นที่ปลูกของสวนจะอยู่ติดกับคลองใหญ่แม่น้ำจากลำตะคองไหลผ่าน ส่งผลทำให้ดินและน้ำมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกส้มโอ เปรียบเสมือนตัวชี้วัดความหวานว่า “ส้มโอจะหวานหรือไม่หวานก็ดูจากการให้น้ำ” หากมีการให้น้ำเพียงพอและสม่ำเสมอก็จะได้ส้มโอรสชาติหวานเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีปัจจัยการดูแลและปุ๋ยเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อย

การเตรียมดิน ปลูกแบบยกร่อง กว้างประมาณ 2 เมตร ตากดินทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วใช้ปูนขาวโรยเพื่อปรับสภาพดินก่อนขุดหลุมปลูก

การปลูก ขุดหลุม 50x50x50 เซนติเมตร ปลูกในระยะห่างระหว่างต้น 6×6 เมตร ใช้กิ่งตอนในการปลูก ช่วยในการเจริญเติบโตได้ดี ใช้เวลาปลูกเพียง 3 ปี เริ่มให้ผลผลิต แต่ที่สวนจะยังไม่เก็บ เนื่องจากต้นยังไม่แข็งแรง ถ้าเก็บลูกเร็วเกินไปจะทำให้ต้นแม่อายุสั้น ที่สวนจึงจะเริ่มเก็บผลผลิตเมื่อต้นอายุ 5 ปีขึ้นไป และต้องทำการตัดแต่งลูกไม่ให้มากเกินไปเพื่อรักษาต้นแม่ให้สามารถเก็บผลผลิตได้เป็นระยะเวลานานหลายสิบปีด้วย

อายุต้น 10 กว่าปี ส้มโอผลใหญ่ ดกเต็มต้น 

การดูแลรดน้ำ-ใส่ปุ๋ย

หากเป็นสวนที่เริ่มลงกิ่งพันธุ์ปลูกใหม่ หากปลูกในช่วงฤดูแล้งในช่วง 3 เดือนแรก ต้องให้น้ำทุกวัน จะให้ช่วงเช้าหรือเย็นก็ได้ “ในช่วงเดือนแรกกิ่งพันธุ์จะเริ่มแตกยอด พอเข้าสู่เดือนที่ 2 และ 3 จะเริ่มเป็นพุ่มเล็กๆ พอหลังจาก 3 เดือนไปแล้วปรับปริมาณการให้น้ำจากรดทุกวัน เปลี่ยนเป็น 3 วันรดครั้ง ด้วยระบบสปริงเกลอร์อย่างสม่ำเสมอ หากขาดน้ำจะส่งผลทำให้กุ้งไม่ฉ่ำ เนื้อจะฝ่อและแข็ง”

ซึ่งช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกส้มโอ แนะนำว่าควรปลูกในช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะ 1. แดดไม่แรงจนเกินไป 2. ฝนไม่ตกชุกจนเกินไป สามารถควบคุมการปลูกการดูแลจัดการได้ง่าย เพราะมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ จึงสามารถเลือกช่วงที่เหมาะสมที่สุดได้ แต่ถ้าปลูกในพื้นที่ไกลน้ำ ก็แนะนำให้เลือกปลูกในช่วงฤดูฝน

เนื้อกุ้งใหญ่ ไม่แฉะ รสชาติหวานฉ่ำ

การบำรุงใส่ปุ๋ย ในช่วงอนุบาล หรือในช่วง 3 เดือนแรก เริ่มใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ปริมาณ 1 ช้อนชาต่อต้น 15 วันใส่ครั้ง เพื่อต้องการเร่งราก เร่งใบให้เจริญเติบโตได้ดี พอครบช่วงอนุบาลไปแล้วเปลี่ยนสูตรปุ๋ยเป็นสูตรเสมอ 15-15-15 พร้อมกับการเพิ่มปริมาณการใส่เป็น 1 ช้อนโต๊ะ ระยะการใส่เดือนละครั้ง

โดยจะใส่สูตร 15-15-15 ไปเรื่อยๆ แต่จะปรับการให้จากเดือนละครั้ง เป็น 2 เดือนครั้ง หรือ 3 เดือนครั้ง ตามความสมบูรณ์ของต้น หากต้นเริ่มสมบูรณ์แข็งแรงก็จะลดปริมาณการใส่ปุ๋ยห่างขึ้น

จากนั้นจะเปลี่ยนสูตรปุ๋ยอีกครั้งในช่วงก่อนเก็บผลผลิต 1 เดือน โดยจะใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ปริมาณต้นละ 1 กิโลกรัม เป็นสูตรเพิ่มความหวาน

สวนส้มโอที่ล้อมรอบไปด้วยเกษตรผสมผสาน

“ส่วนการดูแลหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตจะเหมือนเดิม คือน้ำอย่าให้ขาด 3-4 วันรดน้ำครั้ง พอถึงหน้าฝน เราจะเริ่มใส่ปุ๋ยช่วงเดือนพฤษภาคม สูตร 15-15-15 บำรุง เพื่อรอเก็บผลผลิตรุ่นใหม่ พอหน้าฝนเขาจะเริ่มผลิดอกใหม่ ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม แล้วจะสามารถเก็บผลได้ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม”

การดูแลตัดแต่งกิ่ง ตัดกิ่งกระโดง โดยตัดชิดโคนกิ่ง ตัดแต่งกิ่งที่เก็บผลผลิตไปแล้วทิ้ง และตัดแต่งกิ่งที่ซ้อนทับกันออก เพื่อให้ทุกๆ กิ่งได้รับแสงสม่ำเสมอ เพิ่มประสิทธิภาพในการออกดอกติดผล 1. เพื่อให้แสงส่องผ่านได้ทั่วทั้งทรงพุ่ม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสง 2. อากาศถ่ายเทได้สะดวก คายน้ำได้ดี ไม่อับชื้น

โดยที่จะสวนจะเริ่มตัดแต่งกิ่งในช่วงหน้าแล้ง ยกตัวอย่างคือ ช่วงหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ จะเริ่มตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้พร้อมกับการติดดอกในเดือนพฤษภาคม เมื่อดอกออกจะเริ่มฉีดฮอร์โมนบำรุง เพื่อกันไม่ให้ดอกร่วง ทำให้ขั้วเหนียว และปัจจัยด้านสภาพอากาศมีผลต่อการติดดอกออกผลเช่นกัน หากเจอฝนตกหนักๆ แล้วมาเจอแดดจะทำให้ดอกร่วงได้ง่าย เพราะฉะนั้นจะต้องมีการฉีดฮอร์โมนเสริมเพื่อให้ขั้วเหนียว

ขนาดผลใหญ่ น้ำหนักไม่น้อยกว่า 2 กิโลกรัม

แมลงศัตรูส้มโอ ที่สวนพบบ่อยที่สุดคือแมลงวันทอง ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถหาวิธีกำจัดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ อาศัยการป้องกันด้วยการฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ในการป้องกัน หรือการนำเอากากมะพร้าวมาจุดให้เป็นควันเพื่อใช้ในการไล่แมลง ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง และเพื่อเป็นการลดต้นทุนการใช้สารเคมี และเพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภคด้วย

ปริมาณผลผลิต 1 ปี สามารถเก็บผลผลิตได้ 2 ครั้ง คือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เก็บผลผลิตครั้งที่ 1 และในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เก็บผลผลิตครั้งที่ 2 ปัจจุบันสามารถเก็บผลผลิตได้จำนวนประมาณ 100 ลูกต่อต้น มีน้ำหนักเฉลี่ยต่อผลประมาณ 1.2-2.5 กิโลกรัม ปลูก 5 ไร่ เก็บผลผลิตได้ประมาณ 4-5 ตัน และเน้นเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีคุณภาพเท่านั้น

โดยเทคนิคการเลือกส้มโอให้หวานและได้คุณภาพดีนั้น พี่หาร อธิบายเพิ่มเติมว่า ให้ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการเลือกคือน้ำหนัก หากใช้มือโยนผลของส้มโอขึ้นแล้วรู้สึกเบามือถือว่ายังใช้ไม่ได้ ที่ดีคือเมื่อโยนผลส้มโอขึ้นแล้วให้น้ำหนักหน่วงมือ อันนี้ถือว่าใช้ได้ จะได้ส้มโอที่คุณภาพดี เปลือกบาง และรสชาติหวานฉ่ำ เพราะน้ำหนักของผลสื่อได้ว่า ส้มโอได้กินทั้งน้ำและอาหารมาเต็มที่แล้ว

นายอำเภอสูงเนินและคณะ เข้ามาเยี่ยมชมสวน

ปลูกเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม สร้างเงินเก็บได้ไม่น้อย

พี่หาร เล่าให้ว่า ทั้งด้านราคาและตลาดส้มโอถือว่ายังสดใส โดยตอนนี้ราคาขายหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท และขายในราคานี้มานานหลายปีแล้ว ยังไม่ได้รับผลกระทบด้านราคาผันผวนเหมือนกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ประกอบกับที่มีตลาดรองรับทั้งพ่อค้าแม่ค้าประจำที่มารับถึงสวนเพื่อไปขายในตัวจังหวัด รวมถึงนำมาวางขายหน้าสวนให้กับลูกค้าประจำ และนักท่องเที่ยวสัญจรผ่านไปผ่านมา

หากคิดเป็นรายได้สำหรับการปลูกส้มโอ 1 ไร่ จะมีรายได้ประมาณ 40,000 บาท หรือตกปีละประมาณ 200,000 บาท เมื่อหักลบต้นทุนค่าปุ๋ย ค่าการจัดการต่างๆ ถือว่าเป็นเงินเก็บก้อนใหญ่ประจำปีได้เป็นอย่างดี ส่วนงานเกษตรผสมผสานที่ทำควบคู่กันก็นำมาเป็นเงินใช้จ่ายประจำวัน

จึงมีความเห็นส่วนตัวว่า การปลูกส้มโอยังมีอนาคตสดใส ขอเพียงแค่เกษตรกรใส่ใจเรื่องคุณภาพ เนื่องจากตอนนี้ผลผลิตในพื้นที่ก็ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด รวมถึงให้ทางหน่วยงานทางภาครัฐเข้ามาสนับสนุนและผลักดัน ตลาดจะไปได้ไกลและง่ายขึ้น พี่หาร กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือท่านใดอยากเข้าไปแวะเยี่ยมชม ชิม ส้มโอขาวน้ำผึ้ง ของคุณวิหาร นอกตาจั่น สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 093-323-6040, 084-086-9179