ที่มา | ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ |
---|---|
ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
เผยแพร่ |
“ไส้เดือน” สัตว์มหัศจรรย์ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบนิเวศ มีความสำคัญอย่างมากในการย่อยอินทรีย์สารในดิน และการเคลื่อนที่ในดินของไส้เดือน ถือเป็นการพรวนดิน ทำให้ดินมีช่องว่างที่จะเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้แก่ดิน ซึ่งมีความสำคัญต่อการปลูกพืช อีกทั้งยังใช้ในการผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพจากไส้เดือนได้ สอดคล้องกับเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรง ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากขึ้น ส่งผลทำให้การเพาะเลี้ยงไส้เดือนเพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์ กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างเงินให้กับเกษตรกรได้ไม่น้อย
คุณศิวภรณ์ นภาวรานนท์ หรือ พี่แต้ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 53/5 หมู่ที่ 3 ตำบลเชิงกลัด อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี สาวนักเรียนนอก จบการศึกษาระดับปริญญาโท จาก University of La Verne ; California ; USA คณะ MBA บริหารธุรกิจ สาขาวิชา Supply chain management สู่วิถีชีวิตการเป็นเกษตรกรเพาะเลี้ยงไส้เดือน เพื่อผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไส้เดือน และปัจจัยพื้นฐานในการทำการเกษตร เช่น มูลไส้เดือนสด ดินพร้อมปลูก น้ำสกัดมูลไส้เดือน สร้างรายได้มากถึงหลักแสนต่อเดือน
พี่แต้ เล่าถึงสาเหตุของการผันตัวเป็นเกษตรกรให้ฟังว่า เกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยด้วยกัน คือ 1. เกิดจากความเบื่อหน่ายสังคมในเมืองที่มีการแข่งขันสูง จนได้มีโอกาสไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ กลับมาได้ทำงานดีๆ เงินเดือนสูงๆ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่ตอบโจทย์ชีวิตสักเท่าไหร่ เพราะยิ่งอยู่สูง สังคมก็ยิ่งผลักให้เราเป็นคนโลภคือมีอยู่แล้วก็ต้องมีมากเพิ่มขึ้นไปอีก ไม่จบไม่สิ้น จนรู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่ทำอยู่ และ 2. เกิดจากความสงสัย และอยากหาคำตอบว่าทำไมเกษตรกรของไทยยังคงลำบาก ซึ่งในตอนนั้นทำได้เพียงเป็นเพียงผู้ดู และผู้วิจารณ์ แต่จะไม่มีทางเข้าใจถ้าไม่ได้เป็นเกษตรกร ซึ่งด้วยแรงบันดาลใจทั้ง 2 ข้อนี้ ทำให้ตนมีความคิดที่อยากจะเข้ามาทำงานด้านการเกษตร ให้เข้าใจที่มาของปัญหา เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และเป็นที่พึ่งให้กับพี่น้องในภาคเกษตรกรรมได้บ้าง ไม่มากก็น้อย จึงตัดสินใจมาทำเกษตร และมุ่งเน้นไปที่การทำเกษตรอินทรีย์
เบื่อชีวิตเมืองกรุง อยากทำเกษตร
ผ่านประสบการณ์ “เจ็บ จน เจ๊ง”
พี่แต้ บอกว่า สำหรับสาวเมืองกรุงอย่างตน ในชีวิตไม่เคยจับจอบจับเสียมมาก่อน ต้องมาลงมือขุดดินปลูกผัก ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเส้นทางที่เลือกแล้ว โดยในช่วงแรกของการทำเกษตรจะมุ่งไปที่การปลูกผัก การปลูกมันม่วง และการเพาะถั่วงอก แต่พอได้ลงมือปลูกผักจริงๆ แล้วทำให้รู้ว่าปัจจัยที่ทำให้ผักเจริญเติบโตได้คือ ดิน น้ำ และปุ๋ย ในส่วนของดินกับน้ำเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ปุ๋ยเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมได้ แล้วมีอะไรบ้างที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ในตอนนั้นที่ฟาร์มได้มีการทำแปลงทดลองปลูกผักโดยการนำปุ๋ยคอก ไม่ว่าจะเป็นขี้วัว ขี้ไก่ ขี้ค้างคาว และมูลไส้เดือน มาทดลองเพื่อดูประสิทธิภาพของผักที่โตว่าจะเป็นอย่างไรในแต่ละแปลง และก็ได้เห็นว่าผักแปลงที่ปลูกโดยใช้มูลไส้เดือนมีการเจริญเติบโตที่ดี เห็นผลเร็ว ต้นแข็งแรง และอีกอย่างคือปุ๋ยไส้เดือนเป็นปุ๋ยที่มีฤทธิ์เย็น สามารถนำมาปลูกผักได้เลยโดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการคายความร้อน ทำให้เป็นจุดประกายในการนำไส้เดือนมาเพาะเลี้ยงเพื่อผลิตปุ๋ยปลูกผักอินทรีย์ไว้ใช้เอง พอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเกิดความชำนาญ จนได้มีการขยายพื้นที่การเพาะเลี้ยงเพิ่มขึ้น นำไปสู่การจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเพาะเลี้ยงไส้เดือน ทำเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงไส้เดือน เพื่อนำมาผลิตปุ๋ยอินทรีย์ แล้วก็แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน ดินพร้อมปลูก ปุ๋ยมูลไส้เดือน ไว้สำหรับใช้ในครัวเรือนและจัดจำหน่าย แต่กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้หนทางไม่ง่ายเลย เนื่องจากที่ตนมีความรู้ด้านการเกษตรเท่ากับศูนย์ ก็ต้องผ่านประสบการณ์ล้มลุกคลุกคลาน เสียน้ำตา เสียเงิน และเวลาที่ทุ่มเทไป ทำให้ต้องหยุดพักกับการเลี้ยงไส้เดือนไปเป็นปีกว่าจะมีกำลังใจกลับมาสู้และทำต่อจนประสบความสำเร็จอีกครั้ง”
การเลี้ยงไส้เดือน เพื่อผลิตมูลขาย ทำได้ไม่ยาก
การเลี้ยงไส้เดือนที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการเลี้ยงเพียง 5 กะละมัง จนถึงปัจจุบันสามารถพัฒนาขยายพื้นที่การเลี้ยงได้มากถึง 2,000 กะละมัง พี่แต้บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอาศัยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับภูมิภาคและสถานที่ตั้งของฟาร์ม โดยที่ฟาร์มจะเลือกเลี้ยงไส้เดือนสายพันธุ์ แอฟริกันไนท์ครอเลอร์ หรือไส้เดือน AF เพราะเป็นไส้เดือนเขตร้อน เหมาะกับการเลี้ยงในประเทศไทย ขยายพันธุ์ไว เลี้ยงง่าย เหมาะกับการเลี้ยงเชิงพาณิชย์
และถัดมาคือวิธีการเพาะเลี้ยง โดยที่ฟาร์มได้มีการทดลองเลี้ยงไส้เดือนมาแล้วเกือบทุกวิธี ทั้งทดลองเลี้ยงในบ่อวงซีเมนต์ บ่อปูนที่ก่อบล็อกขึ้นมาเอง แต่ต้องประสบกับศัตรูของไส้เดือน เช่น ไรแดง มด นก และแมลงต่างๆ ที่เข้ามารบกวนและเข้ามากัดกินไส้เดือนที่เลี้ยงไว้ เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้ไม่มีการฉีดพ่นสารเคมีทำให้แมลงศัตรูเหล่านี้ยังมาอยู่เยอะและจะชอบแทรกขึ้นมาตามรอยปูนแตก จึงได้มีการปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงไส้เดือนในกะละมัง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการดูแล
ขั้นตอนการเลี้ยงไส้เดือนให้ได้ปุ๋ยมูลไส้เดือนคุณภาพสูง
- ปัจจัยของสภาพแวดล้อมภายนอก หมายถึง สภาพแวดล้อมบริเวณภายนอกที่อยู่อาศัยจะต้องมีลักษณะ “ร่ม เย็น ชื้น” อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่โดนแสงแดดโดยตรง ห่างไกลจากศัตรูธรรมชาติ และห่างไกลจากทิศทางของสารเคมี
- ปัจจัยของสภาพแวดล้อมภายใน หรือภาษาไส้เดือนเรียกว่า เบดดิ้ง ก็คือที่นอนที่อาศัยของไส้เดือนนั่นเอง โดยการเตรียมเบดดิ้งสิ่งสำคัญที่สุดคือ “มูลวัวนม” ของที่ฟาร์มจะเลือกใช้เฉพาะมูลวัวนมที่ผ่านการคายความร้อนมาแล้ว ประกอบกับจะต้องมีการวัดค่าความเป็น กรด-ด่าง ของมูลวัวทุกครั้งก่อนนำมาทำเบดดิ้ง และในลำดับถัดมาคือวัตถุดิบส่วนอื่นๆ ที่นำมาผสมลงไปพร้อมกับมูลวัว ซึ่งถือเป็นอาหารให้กับไส้เดือนไปในตัว และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องว่างทางอากาศให้กับบ้านของไส้เดือน เพราะถ้าหากใส่มูลวัวเป็นที่นอนให้กับไส้เดือนเพียงอย่างเดียวก็เปรียบเสมือนกับบ้านที่ไม่มีหน้าต่าง บ้านจะแน่นทึบไปหมด ขัดกับธรรมชาติของไส้เดือนที่เป็นสัตว์หายใจทางผิวหนัง เพราะฉะนั้นยิ่งถ้าปล่อยให้บ้านแน่นทึบเท่าไหร่ความสุขของไส้เดือนก็จะยิ่งลดน้อยลง ส่งผลทำให้ไม่เจริญอาหาร กินช้า ถ่ายช้า ลำตัวไม่แข็งแรง
แต่ในทางกลับกัน ถ้าผู้เลี้ยงมีการจัดการบ้านหรือที่อยู่อาศัยให้ปลอดโปร่ง ไส้เดือนก็จะมีความสุข เจริญอาหาร ลำตัวแข็งแรง โตไว ดังนั้น ขั้นตอนการเบดดิ้ง การเลือกอาหารก็ต้องเลือกหาวัตถุดิบที่ดีลงไป และเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น คือ 1. ต้นกล้วยสับ 2. ผักตบชวา ที่เป็นวัชพืชที่ไม่มีใครต้องการ ทางฟาร์มจะนำมาทำให้เกิดประโยชน์ โดยการนำมาสับใส่ลงไปพร้อมกับมูลวัวและต้นกล้วยสับเป็นอาหารให้กับไส้เดือน เพราะที่รากของผักตบชวามีสารอาหารค่อนข้างมากและเป็นประโยชน์ต่อไส้เดือน 3. ขุยมะพร้าวที่ผ่านการหมักแล้ว นำมาผสมเป็นตัวช่วยในการปรับความชื้น หรือจะใช้กากกาแฟ เปลือกไข่บด กากถั่วเหลือง ผสมลงไปด้วยก็ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการบำรุงสารอาหารในแต่ละช่วง และได้สารอาหารที่หลากหลาย จะส่งผลทำให้มูลไส้เดือนที่ได้ออกมามีประสิทธิภาพสูง
- การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของไส้เดือน
“เปรียบเทียบง่ายๆ จะคล้ายกับคนที่เมื่อเจออากาศร้อนมากๆ จะไม่สบายได้ง่าย หรือถ้าเดินตากฝนบ่อยๆ จะทำให้เป็นหวัด ไส้เดือนก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจธรรมชาติของไส้เดือน ก็จะส่งผลให้การเลี้ยงไม่ประสบความสำเร็จ ไส้เดือนค่อยๆ ทยอยตายลง หรือมีปัญหาเชื้อรา ไรแดง ที่เป็นปัญหามาพร้อมกับหน้าฝน ก็ต้องมีวิธีป้องกันไว้ก่อน”
- อัตราการเลี้ยง นำตัวพ่อแม่พันธุ์ปล่อยลงในเบดดิ้ง หรือภาชนะที่เตรียมไว้ ในกรณีที่เลี้ยงในกะละมังจะปล่อยตัวไส้เดือนในอัตรา 1-2 ขีด ต่อกะละมัง ขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการ
“สมมุติว่าถ้าหากอยากได้ปุ๋ยมูลไส้เดือนเร็วหน่อยก็ให้ใส่ไส้เดือนลงไปเยอะหน่อย แต่ถ้ากลัวบริหารจัดการไม่ทัน ก็ให้ใส่ไส้เดือนลงไปแค่ 1 ขีดพอ ไส้เดือนก็จะกินช้าขึ้น และทำให้เรามีเวลาในการบริหารจัดการได้มากขึ้น”
- การดูแล เทคนิคของที่ฟาร์มจะไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อน นอกจากการสังเกตดูว่าไส้เดือนมีความสุขหรือไม่ โดยมีวิธีการสังเกตง่ายๆ สำหรับไส้เดือนสายพันธุ์ AF คือ ถ้าไส้เดือนมีความสุขเวลานำไปออกแดดลำตัวจะเหลือบเป็นสีรุ้ง และจะดิ้นเก่ง มุดดินเก่ง แต่ถ้าเมื่อใดที่ไส้เดือนมีการเคลื่อนไหวช้า ไม่ค่อยมุดดิน ลำตัวมีสีน้ำตาล ตัวเล็ก แปลว่ากำลังมีปัญหา ผู้เลี้ยงก็ต้องกลับมาดูสาเหตุของปัญหาว่าเกิดจากอะไร โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีปัญหามาจากมูลวัว
“ปัญหาหลักๆ ของคนที่เลี้ยงไส้เดือนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจาก ขี้วัว รวมถึงตัวเราก็พลาดตรงขั้นตอนนี้เช่นกัน เพราะเลือกขี้วัวไม่เป็น ไม่รู้จักการทดลสอบขี้วัวก่อนนำมาใช้ และส่วนใหญ่คิดแค่ว่าขี้วัวก็เป็นเหมือนๆ กันหมด แต่ไม่ได้ไปสืบสาวราวเรื่องว่าเราเอามาจากฟาร์มนั้นมา วัวกินอะไรเข้าไป เพราะอย่างที่ฟาร์มทำไมไม่ซื้อขี้วัวมาจากฟาร์มวัวนมใกล้ๆ ได้ราคาถูกกระสอบละ 25 บาท แต่ทำไมเราถึงต้องทำคอนแทรคฟาร์มมิ่งกับฟาร์มวัวนมที่ราชบุรี ก็เป็นเพราะว่าเราเคยพลาดมาก่อน อย่างครั้งแรกที่เจ๊งคือ เราไปเอาขี้วัวมาจากนครสวรรค์ เพราะคิดว่าขี้วัวเหมือนกันหมด แต่ปรากฏว่าขี้วัวที่เราได้มามีลักษณะที่แข็งมากๆ จนต้องเอามีดอีโต้มาสับเสียเวลาไปเป็นวันๆ แล้วพอเอามาเลี้ยงก็ไม่สำเร็จ ไส้เดือนตายบ้าง ไม่กินอาหารบ้าง ก็ต้องหยุดเลี้ยง และเก็บปัญหานี้ไว้ในใจแล้วไปทำอย่างอื่น ไปปลูกถั่วงอกบ้าง ปลูกผักบ้าง แต่สุดท้ายก็เจ๊งทุกอย่างที่ทำ จนได้กลับมานั่งพิจารณา และหยุดทำทุกอย่างแล้วหันกลับมาเลี้ยงไส้เดือนให้มีความสุขให้ได้”
หลังจากมีความมุ่งมั่นและมีความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยม พี่แต้บอกว่า ตนเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับการเตรียมเบดดิ้งเป็นอย่างแรก ซึ่งได้ใช้เวลาปรับเปลี่ยนสูตรอยู่นานเป็นปี จนได้สูตรที่ลงตัว และได้รู้จักวิธีทดสอบขี้วัวที่รัดกุมมากขึ้น รวมถึงมีการสืบค้นแหล่งที่มาของมูลวัวก่อนนำมาใช้เลี้ยงไส้เดือน ว่ามีวิธีการเลี้ยงแบบไหน ให้อะไรเป็นอาหาร เพราะบางฟาร์มจะเลี้ยงวัวด้วยเปลือกสับปะรด ซึ่งเปลือกสับปะรดมีฤทธิ์เป็นกรด หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวและเผ็ด เมื่อนำมาเลี้ยงไส้เดือนก็ส่งผลทำให้มีปัญหา ตรงนี้ถือเป็นขั้นตอนปราบเซียน ทำให้หลายคนล้มเลิกความตั้งใจในการเลี้ยงไส้เดือนมาแล้วนักต่อนัก
- การเก็บมูลไส้เดือน เนื่องจากที่ฟาร์มเลี้ยงจำนวนเยอะ จึงต้องมีการจัดการแบ่งโซนการเลี้ยงเพื่อได้มูลไส้เดือนออกมาจำหน่ายได้ทุกวัน กับการบริหารจัดการที่ใช้แรงงานหลักในการดูแลเพียง 2 คน ไม่นับรวมกับฝ่ายเตรียมเบดดิ้ง แพ็กถุงและอื่นๆ
Mr. Hope ผลิตภัณฑ์จากไส้เดือนคุณภาพ
เป็นที่ต้องการของตลาด สร้างยอดขายหลักแสน
หลายคนสงสัยว่าการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อผลิตมูลขายจะสามารถสร้างรายได้ถึงหลักแสนต่อเดือนได้จริงหรือไม่ในท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นทุกวัน พี่แต้อธิบายว่า ปัจจุบัน การเลี้ยงไส้เดือนเพื่อผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนขายมีการแข่งขันทางการตลาดที่สูงก็จริง แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราขายได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ซึ่งถ้าหากผู้ผลิตสามารถผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอก็ไม่ต้องกลัวคู่แข่ง หรือต้องไปแข่งกับใครให้เสียเวลา เพราะเดี๋ยวลูกค้าจะวิ่งเข้ามาเราเอง ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์มูลไส้เดือนของแบรนด์ Mr Hope ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการเลี้ยงเพื่อไว้ใช้เอง จนช่วงหลังได้มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อจำหน่ายและสามารถตีตลาดได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ด้วยการคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้มีความสม่ำเสมอ รวมถึงการพัฒนาแพ็กเกจจิ้งให้ทันสมัย และตรงความต้องการของผู้ใช้ทุกประเภท โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากมูลไส้เดือน แบรนด์ Mr Hope มีจำหน่ายอยู่ที่ ตลาด อ.ต.ก. แม็กแวลู ลาซาด้า และช้อปปี้
“เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์จากมูลไส้เดือนคนก็ทำเยอะเพิ่มขึ้นทุกปี พอยิ่งเห็นหลายคนทำสำเร็จ ก็อยากจะทำตามเขาบ้าง นี่ก็เป็นที่มาของการขายตัดราคากันเต็มไปหมด แต่พอขายตัดราคากันนั่นก็เป็นที่มาของการลดคุณภาพ เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถขายตัดราคาคนอื่นได้ แต่มูลไส้เดือนของเราไม่เคยลดคุณภาพ และก็ไม่เคยขึ้นราคา ขายราคาเดิมมาตลอด ควบคู่กับการรักษาคุณภาพของสินค้าให้ได้เท่าเดิมมาตลอด ทำให้มีลูกค้าประจำค่อนข้างเยอะ และมูลไส้เดือนของเราจะมีการตรวจสอบคุณภาพอยู่ตลอด ซึ่งพอเรารักษามาตรฐานลูกค้าเกิดความไว้วางใจในสินค้าทุกตัว และเรายินดีเคลมสินค้าให้ทุกตัว เราอาศัยความจริงใจในการเป็นผู้ผลิต แล้วเราก็รับผิดชอบทุกออเดอร์ที่มีปัญหาเพราะฉะนั้นต่อให้ลูกค้าไม่พอใจสินค้าเราในวันนั้น แต่พอเขาได้เห็นวิธีการแก้ปัญหาอย่างสุดความสามารถของเราเขาก็จะกลับมาอุดหนุนเราเหมือนเดิม บวกกับที่เราพยายามเสิร์ฟความต้องการของลูกค้าให้ได้ทุกกลุ่ม อยากได้ปริมาณผลิตภัณฑ์ที่ต่างกัน เราก็ทำทุกอย่างตามความต้องการลูกค้า ทำให้เราเก็บลูกค้าได้หลายกลุ่ม เช่น ลูกค้าที่พักอาศัยอยู่คอนโดฯ เราก็มีถุงเล็กขาย หรือคนที่มีบ้านต้องการปริมาณที่เยอะขึ้นมาหน่อยเราก็มีกระสอบให้ หรือกลุ่มที่อยากซื้อเพื่อนำไปขายต่อ เราก็ทำเพื่อสนองความต้องการของเขา ทำให้ในแต่ละเดือนเราสามารถทำรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์จากไส้เดือนได้เป็นเงินหลักแสนต่อเดือน” พี่แต้ กล่าวทิ้งท้าย
สนใจสอบถามรายละเอียดการเลี้ยงไส้เดือน หรือสนใจผลิตภัณฑ์จากมูลไส้เดือน Mr Hope สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 083-955-3953 หรือติดต่อได้ที่ช่องทางเฟซบุ๊ก : Mr. Hope Organic Supplies
///////////////////////////////////////////////////
🔥สำหรับใครที่สนใจการเพาะเลี้ยงไส้เดือนสร้างรายได้ สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ คลิก >> http://bit.ly/3OjyHOM (ค่าธรรมเนียมคอร์สเรียนละ 99 บาท เท่านั้น!!)