Edible Flower ความงามกินได้ ที่ไม่ใช่แค่แฟชั่น

เรื่องราวของดอกไม้กินได้ หรือ Edible Flower ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิด แต่เพิ่งจะมาเป็นกระแสในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมานี่เอง ส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง หันมาพิถีพิถันกับอาหารการกินกันมากขึ้น ที่นอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องของรสชาติแล้ว ยังหันมาใส่ใจในเรื่องของความสวยงามของอาหารมากขึ้น ทำให้กระแสของดอกไม้กินได้มาแรง จนกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างเงินให้กับผู้ปลูกต่อเดือนไม่น้อย

คุณกรฎา รำพึงวงษ์ หรือ คุณแขก เจ้าของฟาร์มดอกไม้กินได้ Morganic Farm ตั้งอยู่ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา บัณฑิตจากรั้วจุฬา ที่มีจุดเริ่มต้นจากติดลบ สู่การเป็นเกษตรกรเจ้าของฟาร์มดอกไม้กินได้ บนพื้นที่กว่า 12 ไร่ สร้างงาน สร้างรายได้ต่อวันไม่น้อย

คุณกรฎา รำพึงวงษ์ หรือ คุณแขก

คุณแขก เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Morganic Farm ให้ฟังว่า หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี สาขาวิชาการบริหารจัดการทรัพยากร จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เริ่มทำการเกษตรเลย เพราะด้วยมีความฝังใจในด้านดีๆ เกี่ยวกับการเกษตร และชอบเห็นความสวยงามของดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเกษตรกร

“ในช่วงเริ่มต้นจริงๆ เราเริ่มต้นจากการปลูกผักอินทรีย์ เพราะหลังจากที่เรียนจบ ทางสาขามีโครงการให้บัณฑิตจบใหม่ทดลองเป็นเกษตรกรจริงๆ โดยมีพื้นที่ให้ไปทดลองทั่วประเทศ แขกกับเพื่อนจึงเลือกลงมาทดลองทำเกษตรในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ส่วนใหญ่เกษตรกรจะปลูกพืชผักส่งตลาดกันอยู่แล้ว เราก็มาเรียนรู้วิธีการเพาะปลูกจากที่นี่ เลยเป็นที่มาของการเริ่มต้นทำเกษตรอย่างเต็มตัว โดยเริ่มจากการเช่าพื้นที่ปลูกผักก่อน แล้วพอทำไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มมีลู่ทางในการสร้างรายได้ได้มากขึ้น จนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแล้วมาซื้อที่ดินทำกินเป็นของตัวเองจำนวน 12 ไร่ สำหรับปลูกดอกไม้กินได้โดยเฉพาะ”

ส่วนจุดเริ่มต้นของการปลูกดอกไม้กินได้ คุณแขก บอกว่า เกิดจากที่ลูกค้าผักเมืองหนาวที่รับซื้อผักของที่ฟาร์มเป็นประจำ แนะนำให้ทดลองปลูกดอกไม้กินได้มาส่งให้กับเขา ซึ่งในตอนนั้นยังไม่รู้จักว่าดอกไม้กินได้คืออะไร แต่ก็ยอมผลิตให้กับลูกค้า พร้อมกับการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมไปด้วยว่ามีดอกไม้ชนิดไหนที่กินได้ และเป็นที่ต้องการของตลาดในตอนนั้นบ้าง แล้วก็เริ่มปลูกมาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจังหวะที่ดอกไม้กินได้กำลังจะเป็นที่รู้จัก ทำให้ที่ฟาร์มมีลู่ทางมากกว่าที่ฟาร์มอื่นๆ โดยเป็นการปลูกแบบวิถีออร์แกนิกหลากหลายรวมกันมากกว่า 50 ชนิด

แปลงปลูกดอกไม้กินได้ Morganic Farm

ซึ่งความน่าสนใจของการปลูกดอกไม้กินได้หลักๆ มีอยู่ 3 ข้อด้วยกัน คือ 1. การปลูกดอกไม้หลากหลาย ทำให้สามารถจัดการแปลงได้ดีกว่าการปลูกผัก โดยเฉพาะเรื่องของโรคและแมลง 2. มีมูลค่าตอบแทนต่อพื้นที่สูง คุ้มค่ากับความละเอียดที่ทำไป 3. การปลูกดอกไม้ด้วยวิถีออร์แกนิก จะช่วยล่อแมลงตัวดีเข้าแปลง ช่วยสร้างสมดุลในระบบนิเวศภายในฟาร์มได้ดีขึ้น

ปัจจุบัน Morganic Farm เน้นผลิตดอกไม้สายพันธุ์ต่างประเทศเป็นหลัก โดยดอกไม้กินได้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของที่ฟาร์ม ขอจัดอันดับ 5 ชนิด ดังนี้

Advertisement
ดอกไวโอล่า หรือหน้าแมวจิ๋ว
  1. ดอกไวโอล่า หรือดอกหน้าแมวจิ๋ว มีสีสันสวยงามและหลากสี เจริญเติบโตได้ดีในอากาศเย็น ไม่เหมาะกับการปลูกในฤดูฝนและฤดูร้อน
  2. ดอกแพนซี่ มีลักษณะคล้ายกับดอกไวโอล่าแต่ดอกใหญ่กว่า เจริญเติบโตได้ดีในอากาศเย็น ไม่เหมาะกับการปลูกในฤดูฝนและฤดูร้อน เช่นกัน

    ดอกคอสมอส
  3. ดอกคอสมอส และดาวกระจาย ดอกมีหลากสีโทนสีขาวและชมพู นิยมนำคอสมอสมาปลูกในพื้นที่สวนขนาดใหญ่เป็นทุ่งดอกไม้ สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี
  4. ดอกผีเสื้อ ดอกมีลักษณะคล้ายผีเสื้อ สีสันสวยงามสะดุดตา จะบานในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ส่วนใหญ่มีดอกสีชมพู จึงได้ชื่อว่า pink ผีเสื้อ

    ดอกผีเสื้อหลากสี
  5. ดอกเดซี่ มีหลากหลายสี ทั้งสีขาว สีม่วง สีเหลือง นำไปตกแต่งประดับจานอาหารได้ง่าย โดยลูกค้าหลักๆ ของที่ฟาร์มคือร้านอาหาร Fine Dining โรงแรม คาเฟ่ ร้านเบเกอรี่ ที่กรุงเทพฯ และภาคใต้

เทคนิคการปลูกเน้นที่ความใส่ใจ
เลือกปลูกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ

คุณแขก บอกว่า จริงๆ แล้วสิ่งที่ตกผลึกความคิดจากการปลูกได้ไม้ก็คือ “ดอกไม้ กินอากาศ มากกว่ากินปุ๋ย” เพราะต่อให้จะบำรุงปุ๋ย เตรียมแปลง เตรียมดินดีแค่ไหน ถ้าอากาศในช่วงเวลานั้นไม่ส่งเสริม ดอกไม้ก็จะเจริญเติบโตออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นเทคนิคที่จะสามารถทำได้ก็คงเป็นเรื่องของความละเอียดในการทำฟาร์ม เนื่องจากดอกไม้แต่ละชนิดก็จะมีลักษณะและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน

“ถ้าเป็นดอกไม้เมืองหนาว จะมีปัญหากับเรื่องน้ำและความชื้นที่สูงเกินไป เพราะสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยร้อนชื้น การที่เราจะควบคุมสภาพน้ำที่เหมาะสม จะเป็นอะไรดีค่อนข้างหาความพอดียาก เพราะบางวันที่อากาศร้อนจัด เราอยากจะพรมน้ำ หรือพ่นสเปร์หมอกให้กับดอกไม้ เพื่อให้อากาศเย็นลง แต่กลับกลายเป็นว่าความชื้นสูงเกินไป ดอกไม้เหล่านี้ก็ไม่ชอบอีก นอกเสียจากที่เราจะปลูกในห้องที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและแสงได้ แต่ต้นทุนก็จะสูงขึ้นมา จึงเป็นที่มาของการเลือกสถานที่ตรงนี้ในการผลิต”

Advertisement

การเตรียมดิน ดอกไม้แต่ละชนิดมีอายุการปลูกจนถึงเก็บไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นขั้นตอนในการจัดการแปลงจะมีความยากกว่าการปลูกผักสักหน่อย โดยเริ่มจากการไถตากดินทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคในดิน จากนั้นทำการยกแปลงพร้อมกับการย่อยดินไปพร้อมกัน ด้วยเครื่องจักรที่ดัดแปลงมาแล้วทำให้สามารถทำ 2 อย่างพร้อมกันได้ โดยความกว้างของแปลงอยู่ที่ความกว้าง 1 เมตร ยาว 20 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติงาน และประหยัดเวลาในการจัดการได้มากขึ้น

หลังจากนั้นเมื่อการเตรียมแปลงยกร่องเสร็จ ทำการหว่านปุ๋ยหมักลงไปที่แปลงปลูกปริมาณ 20 กิโลกรัมต่อแปลง แล้วใช้พลาสติกคลุมแปลง เพื่อป้องกันวัชพืช แล้วย้ายต้นกล้าที่เพาะเมล็ดไว้ลงหลุมปลูก ในระยะความห่างระหว่างต้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้ที่ปลูกด้วย

การดูแล ใส่ปุ๋ยตั้งแต่ในขั้นตอนการเตรียมดินรอบเดียว ส่วนระบบน้ำใช้เป็นระบบน้ำพุ่ง โดยหลังจากย้ายกล้าลงแปลงปลูกประมาณ 1 สัปดาห์ จะต้องดูแลรดน้ำเป็นพิเศษทุกวัน เช้า-บ่าย จากนั้นเมื่อต้นกล้าเริ่มตั้งตัวได้ จะรดน้ำโดยดูจากสภาพอากาศเป็นหลัก เพราะว่าพืชเมืองหนาว หากเจออากาศชื้นมากเกินไปก็ไม่ดี

การเก็บเกี่ยวผลผลิต จะเก็บดอกไม้เฉพาะในตอนเช้าและอยู่ในระยะเวลาไม่เกินเที่ยง เพราะถ้าเก็บตอนบ่ายอากาศร้อน ดอกไม้จะคลายน้ำ ทำให้ดอกไม้เหี่ยว ส่วนวิธีการเลือกเก็บเป็นเรื่องของทักษะที่ต้องฝึกฝน “คือที่นี่จะใช้คำที่ว่า ดอกบานเฟิร์มก็คือดอกที่บานเต็มที่ พอเก็บมาแล้วดอกไม้จะไม่เหี่ยว เพราะด้วยความที่ดอกไม้ขายความงาม เราจะเก็บดอกที่มีตำหนิไม่ได้ จะเลือกเก็บดอกที่สวยในแปลง แล้วพอเก็บดอกไม้มาแล้ว พรมน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่ต้องแฉะจะทำให้กลีบดอกช้ำได้ เสร็จแล้วเอาไปแช่ตู้เย็น แล้วก่อนจัดส่งลูกค้าจะนำมัดแยกอีกที เนื่องจากอยู่กลางแปลงอาจจะเลือกดอกได้ไม่ดีมาก เพราะมีปัจจัยด้านอากาศ ความล้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้ลูกค้าได้ดอกไม้ที่ดีที่สุดและสวยที่สุดไป”

การตลาด มีทั้งแบบขายส่ง-ปลีก ขายส่งคือขายเป็นกิโลกรัม และขายปลีกจะไม้นับเป็นหน่วยน้ำหนัก แต่จะนับเป็นหน่วยกล่อง ราคากล่องละ 100-200 บาท โดยปริมาณของการขายปลีกจะอิงกับฤดูกาลท่องเที่ยว เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 100 กล่องขึ้นไป

ดอกแววมยุรา

การปลูกดอกไม้ยังน่าสนใจอยู่ไหม

คุณแขก บอกว่า การปลูกดอกไม้กินได้ยังเป็นอาชีพที่น่าสนใจอยู่ เพราะสามารถสร้างรายได้ได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงกระแสเหมือนสินค้าแฟชั่นทั่วไป และดอกไม้เป็นอะไรที่ง่ายที่จะรัก ประกอบกับการสังเกตพฤติกรรมของลูกค้าที่เคยซื้อมาตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ยังซื้อเหมือนเดิม จึงมีความมั่นใจว่าดอกไม้กินได้สามารถปลูกเป็นอาชีพสร้างรายได้ที่ยั่งยืนได้

ซึ่งสำหรับคนที่สนใจอยากปลูกดอกไม้กินได้เป็นอาชีพหลักอาชีพเสริม แนะนำว่าอันดับแรกใจต้องมาก่อนเพราะถ้าแชร์จากประสบการณ์ที่เคยทำมาคือ “แขกไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีเงินทุน มาตอนแรกมาเริ่มเช่าที่ แล้วก็ที่บ้านไม่ได้มีเงินให้เป็นถุงเป็นถัง คือมีแต่ความอยากจะทำ แล้วเราต้องเชื่อในตัวเองว่าเราทำได้” คุณแขก กล่าวทิ้งท้าย

หากท่านใดสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 097-918-3276 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : Morganic Farm

ดอกแอสเตอร์
ดอกแวววิเชียร
ดอกสีเหลือง “แววมยุรา” ดอกสีม่วง “ฟล็อก”
การเก็บดอกไม้ อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ต้องใช้ความพิถีพิถัน
Mixed Edible Flowers