“สวนนันทวัน” คลองสิบห้า เพาะ-จำหน่าย “ต้นสนประดับ” นานาพรรณ ส่งขายร้านต้นไม้ทั่วประเทศ สร้างรายได้ดีดีไม่มีตก เพราะไม่ทำตามกระแส!

หลายท่านที่ใช้ถนนสายรังสิต-นครนายก อยู่เป็นประจำ ต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่าตลอดเส้นทาง จะพบเห็นร้านจำหน่ายต้นไม้และพันธุ์พืชตั้งอยู่เป็นระยะ แต่ที่มีจำนวนร้านมากเป็นพิเศษคือบริเวณคลองสิบห้า ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นถนนต้นไม้ หรือตลาดไม้ดอก ไม้ประดับ คลองสิบห้า

หากผ่านเลยคลองสิบห้า มาอีกเล็กน้อยจะได้พบกับร้านจำหน่ายสนประดับขนาดใหญ่ ชื่อว่า “สวนนันทวัน” ที่เพาะพันธุ์สนประดับชื่อดังกว่า 10 ชนิด รวมถึงพันธุ์ไม้ประดับชนิดอื่น อย่างชวนชมหรือต้นปรง เพื่อขายให้แก่ร้านต้นไม้ย่านบางใหญ่และทั่วประเทศ

คุณพงษ์เดช รักษาสกุล เจ้าของสวนที่นั่งอยู่บนรถวิลแชร์ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตพร้อมความเป็นมาของสวนแห่งนี้ว่า เป็นคนมีภูมิลำเนาอยู่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เข้ามาเรียนปริญญาตรีสาขาพืชไร่ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จบการศึกษาเมื่อปี 2516 รุ่นที่ 29

คุณพงษ์เดช รักษาสกุล หรือ คุณสู้ เจ้าของสวนนันทวัน

หลังจากเรียนจบได้ไปทำงานที่กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จังหวัดนราธิวาส ทำงานได้ประมาณ 5 เดือน เกิดเหตุการณ์ถูกคนร้ายยิง กระสุนตัดไขสันหลังระดับหน้าอก จนทำให้ร่างกายส่วนล่างพิการมาตั้งแต่ปี 2517 ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลถึงปีเศษ

คุณพงษ์เดชกำพร้าพ่อ-แม่ มาตั้งแต่เด็ก เหลือแต่ญาติผู้ใหญ่ที่มีอายุมาก ระหว่างรักษาตัวไม่รู้จะไปไหน ครั้นหันไปพึ่งญาติพี่น้องก็ไม่มี คิดว่าอนาคตถ้าไม่ตายก็ต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์ แต่โชคดีกลับได้รับความเมตตาจากครอบครัวของเพื่อนจึงมีโอกาสเข้าไปพักอาศัยในบ้านที่กรุงเทพฯ โดยไม่รังเกียจ จึงได้นับถือเป็นพ่อ-แม่

เส้นทางชีวิตของคุณพงษ์เดชที่ต้องต่อสู้กับความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย รวมไปถึงความพยายามที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเองโดยไม่รบกวนและสร้างปัญหาให้แก่คนอื่น จึงทำให้เขาตัดสินใจขอมาอยู่ในที่ดินของคุณพ่อจำนวน 50 ไร่ ริมถนนสายรังสิต-นครนายก ระหว่างคลองสิบห้า-คลองสิบหก พร้อมกับนำความรู้เรื่องเกษตรจากที่ร่ำเรียนมาขยายพันธุ์ไม้ผล อย่างขนุนและมะม่วงหลายชนิด เป็นงานอดิเรก แล้วแจกจ่ายแก่คนที่ต้องการโดยไม่ได้จำหน่าย

กระทั่งเกิดกระแสความนิยมต้นสนปฏิพัทธ์ขึ้น แล้วคุณพงษ์เดชเห็นว่ามีอยู่เป็นจำนวนมากในย่านนี้ เลยลองนำมาขยายพันธุ์ขาย โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะขายได้หรือไม่ก็ตาม

จนเมื่อตลาดต้นไม้คลองสิบห้า เกิดขึ้น ต้นสนปฏิพัทธ์ที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้าร้านก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าที่ผ่านไป-มาพอสมควร แล้วต่อมาเมื่อตลาดต้นไม้คลองสิบห้า เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีลูกค้ารู้จักร้านต้นไม้เพิ่มมากขึ้นด้วย จากนั้นคุณพงษ์เดชจึงต่อยอดขยายพันธุ์สนอีกหลายชนิด อีกทั้งจัดวางรูปแบบให้สวยงาม พร้อมกำหนดชื่อร้านต้นไม้ตัวเองว่า “สวนนันทวัน”

สนเลื้อย

การขายต้นไม้และพบปะลูกค้าทำให้คุณพงษ์เดชได้มีโอกาสสะสมความรู้ ประสบการณ์มากขึ้น อีกทั้งยังได้เรียนรู้  การทำตลาดซื้อ-ขายต้นไม้เป็นอย่างดี สามารถจับทางการค้าขายได้ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่ยังมองว่าเป็นหนทางการหารายได้ไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายภายในสวน แบบพึ่งพาตัวเองโดยไม่ต้องเป็นภาระรบกวนคนอื่น ฉะนั้น ความเพียรพยายาม อดทน วิริยะต่อการใช้ชีวิตแม้ร่างกายไม่เอื้อเช่นนี้จึงทำให้คุณพงษ์เดชได้รับฉายาจากหมู่เพื่อนรักว่า “สู้”

ปัจจุบันสวนนันทวัน ที่มีคุณพงษ์เดชเป็นเจ้าของเพาะ-ขายพันธุ์สนประดับกว่า 10 ชนิดเป็นหลัก ได้แก่ สนแผง สนมังกร สนเลื้อย สนบลู สนไพรเงิน สนแซมทอง สนสามร้อยยอด สนฉัตร สนดินสอ สนไทรเงินบลู และสนทรายทอง นอกจากนั้น ยังเพาะไม้ประดับชนิดอื่นไว้ด้วย อย่างชวนชม ต้นปรง หรือแม้กระทั่งส้มจี๊ด

ลูกค้าของคุณพงษ์เดชเป็นกลุ่มคนขายต้นไม้อยู่ทางบางใหญ่ โดยขายส่งต้นละ 25-30 บาท พ่อค้าเหล่านี้เมื่อซื้อไปแล้วจะนำไปเปลี่ยนใส่กระถางขนาดใหญ่แล้วตั้งราคาขายที่สูง นอกจากนั้น ก็มีพ่อค้าตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศมารับซื้อไปขายเช่นเดียวกัน

 

ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ยกเว้นสนฉัตรต้องเพาะเมล็ด

คุณพงษ์เดช บอกว่า ขยายพันธุ์ต้นสนด้วยการปักชำ ยกเว้นสนฉัตรต้องขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดเท่านั้น ทั้งนี้ เคยลองปักชำต้นสนฉัตรแล้ว แต่ไม่ได้ผลแล้วขาดคุณภาพ ดังนั้น จึงต้องสั่งต้นกล้าที่เพาะจากเมล็ดมาขายในทุกปี คราวละจำนวน 3-4 หมื่นต้น จากนั้นนำมาเลี้ยงต่ออีกเป็นเวลา 2 ปี ทำให้ต้นสูงสัก 40 เซนติเมตร ขายในราคาต้นละ 50 บาท

ชวนชม

ส่วนต้นสนที่ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำจะต้องเลือกยอดที่มีขนาดและความสมบูรณ์เต็มที่ โดยใช้ทักษะและความชำนาญของผู้ปลูก เหตุผลที่ต้องเลือกยอดเพราะต้องการให้ต้นสนที่ลูกค้านำไปปลูกมีความสวยงามสมบูรณ์ทั้งต้นและใบ โดยแต่ละครั้งที่มีการขยายพันธุ์รวมทั้งหมดเป็นแสนต้น

สนหลายชนิด

นอกจากเทคนิคการเลือกยอดปักชำเพื่อให้ได้ต้นที่สวยงามสมบูรณ์แล้ว การใช้ดินปลูกก็มีส่วนสำคัญด้วย ขณะที่เจ้าของสวนสวนนันทวันเองก็มีความรู้ทางด้านพืชไร่ ดังนั้น จึงนำหลักทฤษฎีมาประยุกต์ใช้กับอาชีพตัวเองได้อย่างไม่ยาก

 

ส่วนผสมดินปลูก มีความพิเศษตรงใช้ละอองข้าว

คุณพงษ์เดช เผยว่า ดินปลูกต้นไม้ได้มาจากส่วนผสมของละอองข้าวหรือฝุ่นข้าวที่โรงสีเป่าออกมาแล้วมีข้าวลีบปนมาด้วย จากสมัยก่อนเคยใช้แกลบดิบ แต่มาในช่วงหลังแกลบราคาแพงเพราะมีการนำไปใช้เกี่ยวกับพลังงาน ดังนั้น จึงลองนำละอองข้าวมาใช้แทน เพราะเป็นของที่เหลือและมีราคาถูก

แต่การนำละอองข้าวมาใช้แทนแกลบดิบก็ต้องมีการคำนวณและทดลอง จนในที่สุดพบว่าส่วนผสมของดินปลูกที่ลงตัว ได้แก่ ละอองข้าว 2 ส่วน มะพร้าวสับ 3 ส่วน ขุยมะพร้าว 1 ส่วน และหน้าดินเล็กน้อย โดยจะมีการผสมดินปลูกครั้งละหลายสิบตัน

ละอองข้าวที่ใช้เป็นส่วนผสมของดินปลูก

สำหรับปัญหาโรคที่เกิดกับต้นสนนั้น มักพบว่าสนไทรเงินกับสนเลื้อยจะเจอเพลี้ยไฟ ส่วนสนฉัตรมักพบเป็นเชื้อรา แต่อย่างไรก็ตาม โรคที่เจอมีส่วนน้อยมาก แล้วไม่ค่อยใช้ยาป้องกัน อาจเป็นเพราะว่าต้นสนมีความทนต่อโรค แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีการปลูกและดูแลอย่างถูกต้องและเอาใจใส่ประกอบกันไปด้วย

สนฉัตร

ชี้…แห่เพาะต้นไม้ตามกระแส ทำให้ราคาตกวูบ

คุณพงษ์เดช มองว่า ตลาดซื้อ-ขายต้นไม้มักเป็นไปตามกระแสที่ถูกกำหนดโดยผู้ซื้อ พอมีกระแสนิยมก็แห่กันไปขยายพันธุ์ขายจนล้นตลาด อย่างที่เห็นได้ชัดว่าไม้ดอกหลายชนิดที่เคยโด่งดังในอดีตพอถึงเวลานี้ราคาตกต่ำอย่างมากแล้วตกต่ำมายาวนานด้วย อย่างไทรเกาหลี ชวนชม ลีลาวดี ซึ่งสามารถเพาะได้ง่ายจึงผลิตกันออกมาจำนวนมากจนล้นตลาด

สนบลู
แส้ม้าหัวโต

“สำหรับแนวคิดของผมคืออย่าไปทำตามกระแส เลยมาจับเรื่องต้นสนที่เน้นสนประดับกว่า 10 ชนิด เนื่องจากพบว่าไม่ค่อยมีใครสนใจปลูก อาจเพราะเป็นพืชที่ติดเงื่อนไขต้องใช้เวลานานกว่าจะเจริญเติบโตเพื่อขายได้เงิน จนทำให้ผู้ปลูกรอไม่ได้ ขณะที่ทางสวนมีข้อได้เปรียบเรื่องขนาดพื้นที่ จึงเป็นข้อดีของการขยายพันธุ์ที่สามารถทำได้สะดวกในจำนวนมาก อีกทั้งยังมีคู่แข่งน้อย” คุณพงษ์เดช กล่าว

สนสาหร่าย

สนใจชมต้นสนประดับหรือต้องการสั่งซื้อแวะไปได้ที่ สวนนันทวัน ตั้งอยู่ระหว่างคลองสิบห้า-คลองสิบหก ถนนรังสิต-นครนายก (เลยปั๊มน้ำมัน ปตท. เล็กน้อย) สอบถามเส้นทางติดต่อ คุณพงษ์เดช รักษาสกุล หรือ คุณสู้ โทรศัพท์ (081) 838-2413